เปิดเหตุผลที่การอดอาหารไม่ใช่หนทางที่ดีสำหรับการลดน้ำหนัก

ภาพถ่ายโดย Elle Hughes: https://www.pexels.com/th-th/photo/1660037/ 

โยโย่เอฟเฟกต์

     “โยโย่เอฟเฟกต์” เป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้บ่อยจากการอดอาหาร อธิบายง่ายๆ คือหลังจากที่อดอาหารอย่างหนัก เมื่อกลับมาทานอาหารตามปกติ ร่างกายจะกักตุนพลังงานไว้มากกว่าเดิม เพราะกลัวว่าจะต้องขาดอาหารอีก รวมถึงระบบเผาผลาญพลังงานจะทำงานน้อยลง ทำให้พลังงานส่วนเกินถูกเก็บสะสมเป็นไขมันได้ง่าย น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับมาอ้วนง่ายกว่าเดิม จนกลายเป็นวงจรการลดน้ำหนักที่ไม่รู้จบ!

ระบบเผาผลาญพัง!

     ระบบเผาผลาญพังแน่! เพราะการอดอาหารจะทำให้ร่างกายเข้าสู่โหมด “ประหยัดพลังงานเพื่อความอยู่รอด” โดยร่างกายจะไปลดอัตราการเผาผลาญพลังงานพื้นฐาน (BMR) ลง เพื่อประหยัดพลังงานที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้การเผาผลาญแคลอรี่น้อยลงแม้ในขณะพักผ่อน และเมื่อกลับมาทานอาหารตามปกติหลังจากอดอาหาร ร่างกายจะกักเก็บพลังงานไว้มากขึ้น เพราะกลัวว่าจะถูกอดอีก ทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และลดน้ำหนักได้ยากขึ้นในอนาคต

กล้ามเนื้อหายไป

     เมื่ออดอาหารร่างกายจะไม่ได้รับพลังงานจากอาหารที่เราทานเข้าไป ดังนั้นร่างกายจึงต้องหาแหล่งพลังงานอื่นมาใช้เพื่อให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ ซึ่งแหล่งพลังงานสำรองที่ร่างกายจะไปดึงมาใช้ คือ ไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในตับและกล้ามเนื้อ และเมื่อไกลโคเจนถูกใช้หมดไป ร่างกายก็จะเริ่มสลายไขมันและกล้ามเนื้อมาใช้เป็นพลังงานแทน ทำให้มวลกล้ามเนื้อลดลง และระบบเผาผลาญก็จะทำงานได้แย่ลงไปด้วย

ผิวพรรณโทรม

     เรียกว่าได้ไม่คุ้มเสีย! เพราะน้ำหนักที่หายไป ผิวพรรณก็จะโทรมตามไปด้วย เพราะการอดอาหารจะทำให้ร่างกายขาดสารอาหารสำคัญที่จำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิว เช่น เมื่อขาดโปรตีนผิวจะหย่อนคล้อยและแห้งกร้าน หากขาดวิตามินและแร่ธาตุ ร่างกายก็จะไม่มีสารอาหารไปต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ผิวจะขาดความยืดหยุ่นและเกิดริ้วรอย นอกจากนี้การอดอาหารยังทำให้ร่างกายขาดน้ำ ทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่เต็มที่ ผิวจะดูโทรมและหมองคล้ำในที่สุด

อารมณ์แปรปรวน

     การอดอาหารส่งผลต่ออารมณ์ได้โดยตรงเลย เพราะเมื่อร่างกายขาดสารอาหาร โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานหลักของสมอง จะทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่ และทำให้เกิดอารมณ์แปรปรวน หงุดหงิด วิตกกังวล และซึมเศร้าได้ง่าย นอกจากนี้การอดอาหารยังส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกาย เช่น เซโรโทนิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกหิว และการนอนหลับ เมื่อระดับเซโรโทนินลดลง ก็จะทำให้อารมณ์แปรปรวน และมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับตามมา

     เพราะการอดอาหารไม่ใช่หนทางที่ดีในการลดน้ำหนักเลย โว้กบิวตี้จึงอยากแนะนำให้เริ่มต้นจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทีละเล็กละน้อย ทั้งการเลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ควบคุมแคลอรี่โดยไม่ขาดสารอาหารจำเป็น พร้อมควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย เมื่อทำอย่างนี้อย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้ลดน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย ยั่งยืน มีหุ่นสวยสุขภาพดีได้อย่างที่ต้องการ