WELLNESS

รู้แล้วเลิก! 7 ข้อที่ทำแล้วจะทำให้ระบบเผาผลาญพัง

ต่อไปนี้คือข้อผิดพลาดที่หากทำจนติดเป็นนิสัย อาจทำให้ระบบเผาผลาญพังโดยไม่รู้ตัว!

     การจะลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักไว้ไม่ให้มากไปกว่าเดิม สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ร่างกายมีระบบเผาผลาญที่ดี ซึ่งเป็นกระบวนการที่ร่างกายจะเปลี่ยนสิ่งที่รับประทานเข้าไปให้เป็นพลังงาน แต่มีบางนิสัยที่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่านี่คือข้อผิดพลาดที่ทำแล้วจะทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง หรือถ้าหากทำเป็นประจำต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจแย่ได้ถึงขั้นระบบเผาผลาญพัง จนทำให้น้ำหนักตัวยิ่งเพิ่มมากขึ้น ซึ่งข้อผิดพลาดที่ว่านี้จะมีอะไรบ้าง โว้กบิวตี้มีคำตอบมาให้ในบทความนี้

 

1 / 7

รับประทานอาหารแคลอรี่น้อยเกินไป

     การบริโภคอาหารในปริมาณแคลอรี่ที่น้อยเกินไปจะทำให้ระบบการเผาผลาญแย่ลง นั่นเพราะร่างกายจะคิดว่ากำลังขาดแคลนอาหาร และจัดการปรับลดอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ลงโดยอัติโนมัติเพื่อเซฟพลังงานให้ร่างกาย ฉะนั้นหากใครที่ลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรี่ อย่าจำกัดปริมาณแคลอรี่ให้เหลือน้อยและนานจนเกินไป เพราะจะส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพัง และจะยิ่งทำให้การลดน้ำหนักยากขึ้น

 

2 / 7

งดโปรตีน

     การรับประทานโปรตีนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดน้ำหนัก เพราะนอกจากโปรตีนจะช่วยให้รู้สึกอิ่มแล้ว แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญแคลอรี่ของร่างกายได้อีกด้วย โดยเราจำเป็นต้องกินโปรตีนอย่างน้อย 0.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว (1.2 กรัม / กิโลกรัม) เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบเผาผลาญช้าลงในระหว่างและหลังการลดน้ำหนัก

 

3 / 7

อดนอน

     การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพที่ดี การอดนอนจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะซึมเศร้า นอกจากนี้การศึกษาหลายชิ้นยังระบุว่าการนอนหลับไม่เพียงพอจะลดอัตราการเผาผลาญและอาจยิ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากไปทำให้ระดับฮอร์โมนการควบคุมความอยากอาหารและการเผาผลาญเปลี่ยนแปลง ทางที่ดีควรตั้งเป้าการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ 7-8 ชั่วโมงในแต่ละคืนเพื่อป้องกันระบบการเผาผลาญพัง

 

4 / 7

รับประทานอาหารแปรรูป หรืออาหารที่มีน้ำตาลและไขมันไม่ดี

     การบริโภคอาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันที่ไม่ดีในปริมาณมาก เป็นอีกข้อที่จะทำให้ระบบเผาผลาญพัง เนื่องจากอาหารเหล่านี้มักมีสารอาหารที่จำเป็นต่ำและมีแคลอรี่สูง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล เมื่อเวลาผ่านไปสิ่งนี้สามารถนำไปสู่การดื้อต่ออินซูลินและอัตราการเผาผลาญช้าลง และยังเพิ่มการสะสมไขมันในที่หน้าท้องและที่ตับอีกด้วย

 

5 / 7

ภาวะขาดน้ำ

     น้ำมีความสำคัญต่อการทำงานของอวัยวะและการทำงานต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงระบบการเผาผลาญด้วย หากร่างกายอยู่ในภาวะขาดน้ำก็จะทำให้อัตราการเผาผลาญช้าลง เนื่องจากร่างกายจำเป็นต้องใช้น้ำในการสลายสารอาหารและการขนส่งของเสียอย่างมาก ฉะนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวันเพื่อสนับสนุนระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดี

 

6 / 7

ขาดการออกกำลังกาย

     การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทั้งช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ โดยจากการศึกษาระยะเวลา 6 เดือน คนที่ออกกำลังกายแบบฝึกความแข็งแกร่งเป็นเวลา 11 นาทีต่อวัน สัปดาห์ละ 3 วัน มีอัตราการเผาผลาญเพิ่มขึ้น 7.4% ในทางตรงกันข้าม การไม่ออกกำลังกายเลยจะทำให้อัตราการเผาผลาญลดลง โดยเฉพาะในช่วงลดน้ำหนักและเมื่ออายุมากขึ้น

 

7 / 7

ความเครียดเรื้อรัง

     ความเครียดเรื้อรังจะกระตุ้นให้เกิดการปล่อย “คอร์ติซอล” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ฮอร์โมนความเครียด” ระดับคอร์ติซอลที่เพิ่มขึ้นจะไปขัดขวางกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นและอัตราการเผาผลาญลดลง ทางที่ดีจึงควรหาวิธีจัดการความเครียด เช่น การทำสมาธิ การออกกำลังกาย หรือทำงานอดิเรกที่ชอบ เพื่อป้องกันภาวะเมตาบอลิซึมทำงานผิดปกติอันเกิดจากความเครียดเรื้อรัง

 

     เพื่อสุขภาพที่ดี ระบบเผาผลาญไม่พัง อย่าลืมที่จะออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับให้มีคุณภาพ รับประทานอาหารอย่างสมดุลและดื่มน้ำให้เพียงพอ ซึ่งไม่เพียงจะช่วยรักษาระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีแล้ว ยังเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุมน้ำหนักและสุขภาพองค์รวมอีกด้วย

 



WATCH



WATCH