ย้อนยุคแบบร่วมสมัย! ด้วย 5 การแต่งตัวสไตล์วินเทจสำหรับผู้ชายสุดคลาสสิก
ส่องสไตล์วินเทจซึ่งเป็นแฟชั่นย้อนยุคเหนือกาลเวลาที่ยังวนเวียนกลับมาให้เห็นกันถึงปัจจุบัน
หากจะให้นิยามอย่างเข้าใจง่าย “การแต่งตัวสไตล์วินเทจ” คงหมายถึงการหยิบเอาไอเท็มในยุคเก่าก่อนมาแมตช์ลุคในชีวิตประจำวัน ผสมผสานครอบคลุมตั้งแต่เสื้อผ้า เครื่องประดับ และแอ็กเซสเซอรี่โดยตลอดประวัติศาสตร์แฟชั่น ในแต่ละยุคจะมีสไตล์การแต่งตัวและเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไปซึ่งหลายคนที่หลงรักความคลาสสิกในยุคเก่าๆ มักจะยังคงแต่งตัวในชีวิตประจำวันในสไตล์ที่เรียกว่าวินเทจนั่นเอง ไม่ว่าจะแต่งแบบดั้งเดิมหรือตีความใหม่ให้มีความร่วมสมัยก็ล้วนแต่จะสร้างสรรค์ ซึ่งแฟชั่นวินเทจไม่ได้นิยมในเพียงหมู่ผู้หญิงเท่านั้น ทางฝั่งผู้ชายเองก็ยังอัปลุคในสไตล์วินเทจให้เห็นกันอยู่เสมอ และนี่คือตัวอย่างลุควินเทจสำหรับผู้ชายกับเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน เป็นการครีเอตลุคย้อนยุคที่คงความเท่สำหรับปัจจุบันไว้ได้อย่างลงตัว
1. Classic Gentleman
เริ่มกันด้วยลุคสุภาพบุรุษที่มีความเป็นทางการสูงราวกับย้อนไปยังยุค 1950s ที่ผู้ชายส่วนใหญ่นิยมใส่เสื้อเชิ้ตและสูทเป็นปกติ แน่นอนว่าลุคนี้ยังคงความคลาสสิกเหนือกาลเวลา และเอามาแต่งในปัจจุบันได้อย่างไม่ต้องกลัวว่าจะดูเชย สามารถแต่งเป็นลุคเจ้าบ่าวหรือไปออกงานต่างๆ ได้แบบไม่เคอะเขิน แต่กรณีที่อยากอัปลุควินเทจในชีวิตเป็นจำวันสามารถลดทอนความเป็นทางการออกไปได้ ด้วยการตัดเนกไทออกเหลือแค่เสื้อเชิ้ตและสูทปลดกระดุมแมตช์เข้ากับกางเกงสแล็ก พร้อมเซ็ตผมสลิกแบ็กเรียบกริบอีกหน่อยก็เป็นอันใช้ได้
WATCH
2. Ivy League Boy
สไตล์ ‘Ivy League’ หรือบางทีเรียกว่า ‘Preppy Style’ เป็นสไตล์การแต่งกายของผู้ชาย ซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงปลายทศวรรษ 1950s โดยกล่าวกันว่าแฟชั่นนี้มีต้นกำเนิดมาจากวัยรุ่นมหาวิทยาลัยในยุคนั้น จุดเด่นคือการนำชุดลำลองและชุดกีฬามาสวมใส่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโปโล, เสื้อกั๊กสเวตเตอร์, คาร์ดิแกน หรือเสื้อลายสก็อต เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็นไอเท็มของคนรวยหรือชนชั้นสูงในอังกฤษและอเมริกาในยุคนั้น นับเป็นอีกสไตล์วินเทจที่แมตช์ลุคออกมาให้เป็นหนุ่มสำอาง ดูสะอาดสะอ้าน และยังสามารถนำมาแต่งในยุคนี้ได้อย่างไม่ติดขัด แถมยังเหมาะจะเป็นแฟชั่นหน้าหนาวในบ้านเราอีกด้วย
3. Future Funk
นี่คือสไตล์ที่ได้รับอิทธิพลจากดนตรีฟังก์และดิสโกที่รุ่งเรืองในช่วงยุค 1970s ความโดดเด่นคือเสื้อผ้าที่ใช้สีสันสุดป๊อป เน้นสีที่ดูจัดจ้านฉูดฉาด รวมไปถึงดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากยุคอื่นโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเชิ้ตรัดรูป ลวดลายแปลกตา กางเกงทรงขาม้า ไปจนถึงรองเท้าหัวแหลม เป็นต้น ทว่าก็ยังเป็นสไตล์สุดยูนีกที่เอามาแต่งในยุคนี้ได้อย่างไม่ติดขัด เพียงอาจจะปรับเปลี่ยนบ้างเพื่อให้มีความโมเดิร์นมากขึ้น และรู้จักจับคู่สีของไอเท็มต่างๆ ให้เข้ากันเป็นอย่างดี
4. 90s Back
เรียกว่าเป็นปีแห่งการกลับมาของแฟชั่นยุค 90s เลยจริงๆ เพราะเสื้อผ้าที่มีอินสไปร์การแต่งตัวที่ชวนให้นึกถึงวัยเด็กอันเป็นที่นิยมในช่วงยุค 90s – 2000s ได้กลับมาฮิตระเบิดระเบ้ออีกครั้งจนแทบแยกไม่ออกว่าเป็นเทรนด์ของยุคไหนกันแน่ ซึ่งนอกจากจะเป็นเทรนด์ใหญ่ของปีนี้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าจะฮิตยาวไปจนถึงปีหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งไอเท็มที่ขาดไม่ได้ของสไตล์วินเทจนี้คือกางเกงยีนส์, แจ็กเก็ต, เสื้อยืดหลวมๆ ลายกราฟิก หรือเสื้อวงวินเทจ รวมไปถึงรองเท้าผ้าใบรุ่นคลาสสิก เป็นต้น
5. Modern Retro
ปิดท้ายด้วยสไตล์โมเดิร์นเรโทรซึ่งเป็นการแมตช์ลุคด้วยไอเท็มของยุคใหม่ ทว่าสไตลิ่งออกมาแล้วให้มีกลิ่นอายของยุคเก่าแฝงอยู่ด้วย หรือจะเรียกว่าเป็นการตีความใหม่เพื่อให้สไตล์การแต่งตัวมีความร่วมสมัยมากขึ้น จึงค่อนข้างมีความยืดหยุ่นด้วยการผสมผสานความใหม่และเก่าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่อิงกับยุคไหนเป็นพิเศษ และไม่เน้นว่าจะต้องแต่งให้เหมือนดั้งเดิมแบบเปีะทุกกระเบียดนิ้ว ส่วนวิธีการแมตช์ลุคนั้นไม่ยากเพียงหาไอเท็มที่เป็นวินเทจสักสองสามชิ้น เช่น แจ็กเก็ตหนัง กางเกงยีนส์ และคอมพลีตลุคด้วยแว่นตาทรงวินเทจ เท่านี้ก็ได้ลุคเท่ๆ สไตล์เรโทรพร้อมออกจากบ้านแล้ว
WATCH