FASHION
เผยต้นกำเนิดและเหตุผลที่ทำให้ ‘แว่นตาวินเทจ’ ยังคงเป็นที่นิยมแม้จะผ่านไปหลายยุคก็ตามด้วยสไตล์สุดคลาสสิกเหนือกาลเวลาของ ‘แว่นตาวินเทจ’ จึงไม่แปลกที่มันจะหมุนเวียนกลับมาอยู่ในกระแสแฟชั่นเสมอ |
หากให้นิยามคำว่า “แว่นตาวินเทจ” สำหรับยุคนี้ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คงหมายถึงสไตล์แว่นตาที่ได้รับความนิยมในอดีตและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มีสไตล์แว่นตามากมายจากยุค 50s, 60s และ 70s ที่ไม่เคยหายหน้าหายตาไปจากกระแสแฟชั่น อาทิ Cat Eyes, Wayfarers และ Browline ที่แม้เวลาจะผ่านไปหลายทศวรรษ แต่ผู้คนก็ยังสวมใส่ให้เห็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งวันนี้โว้กจะมาเผยเหตุผลว่าทำไมแว่นตาวินเทจยังคงเป็นที่นิยม พร้อมรู้จักประวัติศาสตร์ของแว่นตาวินเทจแต่ละทรงไปพร้อมกัน
ภาพ: @moscotnyc
แว่นตาวินเทจมีสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์
การสวมแว่นตาวินเทจไม่ว่าจะแว่นสายตาหรือแว่นตากันแดดก็ดี จะทำให้ดูมีสไตล์ที่แตกต่างจากคนอื่น โดยกรอบแว่นตาวินเทจในปัจจุบันถูกออกแบบโดยคำนึงถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงปรับให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น แต่ก็ไม่ทิ้งพื้นฐานของทรงแว่นตาอันเป็นเอกลักษณ์คลาสสิก ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้แว่นตาวินเทจยังคงเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ และมีหลายสไตล์ให้เลือกมากมาย ดังนั้นหากจะลงทุนกับแว่นตาวินเทจสักอันก็แนะนำให้เลือกจากดีไซน์ที่ชื่นชอบ เหมาะกับรูปหน้า และการแต่งกาย
ภาพ: Thecut
แว่นตาวินเทจถูกสวมใส่โดยคนดัง
เหตุผลอีกประการหนึ่งที่ทำให้แว่นตาวินเทจได้รับความนิยมนั้นมาจากการสวมใส่ของคนดังทั้งในชีวิตจริงและบทบาทในภาพยนตร์ จนบางทรงกลายเป็นแว่นตาไอคอนิกของโลกเลยทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น ‘Ray-Ban Wayfarers’ ได้กลายเป็นที่คลั่งไคล้ทั่วโลกเพราะถูกสวมใส่โดยสไตล์ไอคอนอย่าง James Dean ในช่วงกลางยุค 50s และในปี 1983 Tom Cruise เองก็สวมใส่ในภาพยนต์เรื่อง Risky Business จนทำให้ยอดขายแว่นตาถล่มทลาย และไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแว่นตาวินเทจทรงนี้ก็ยังคงเป็นไอเท็ม Must-Have จวบจนปี 2022
WATCH
ภาพ: Vogue Spain
ประเภทของแว่นตาวินเทจ
ในบรรดาแว่นตาวินเทจทั้งหมดแต่ละประเภทถือกำเนิดในช่วงยุคที่แตกต่างกัน เมื่อเวลาผ่านไปโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีวิวัฒนาการปรับแต่งให้มีความร่วมสมัยมากขึ้นในขณะที่บางประเภทก็ยังคงโมเดลเดิมเอาไว้ ซึ่งโว้กจะพาย้อนไปถึงต้นกำเนิด และเรื่องราวที่ทำให้มันได้กลายมาเป็นเครื่องประดับแฟชั่นในยุคต่อๆ มาได้อย่างเหนือกาลเวลา
ภาพ: Vintagedancer
1920s – 1930s
แว่นตาเลนส์ทรงกลมถือกำเนิดในช่วงต้นทศวรรษ 1900 และได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 1920 และ 1930 ในช่วงแรกเลนส์ทรงกลมทำมาจากเซลลูลอยด์ที่ติดไฟได้แต่ท้ายที่สุดก็ได้เปลี่ยนมาใช้วัสดุอื่นแทน ส่วนกรอบทำจากโลหะเพื่อให้ทนทานสำหรับการใช้งานตลอดวัน ในยุคนี้ผู้คนเริ่มไม่ได้ใส่แว่นเนื่องจากปัญหาสายตาเท่านั้น ทว่ายังมีการใส่แว่นตากันแดดในฐานะเครื่องประดับแฟชั่นมากขึ้น และเริ่มมีกรอบวัสดุใหม่ๆ ที่ทำจากพลาสติกสีขาว กรอบใส และสีสัน รวมถึงมีเลนส์สีต่างๆ เช่น สีเทา สีน้ำตาล และสีเขียว ต่อมาในช่วงกลางถึงปลายยุค 30s แว่นตาสไตล์ Aviator ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น
ภาพ: Pinterest
1940s – 1950s
แว่นตาบราวไลน์ (Blowline Glasses) ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ได้รับความนิยมในช่วงทศวรรษที่ 1940s และ 1950s ซึ่งมันได้กลายเป็นแฟชั่นดังเปรี้ยงปร้างเมื่อคนดังเริ่มสวมใส่เป็นจำนวนมาก โดยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แว่นตาบราวไลน์มียอดขายถล่มทลายคิดได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายแว่นตาทั้งหมด และอีกสไตล์กรอบแว่นตาที่นิยมในช่วงทศวรรษนี้ก็คือ ‘แว่นทรงแคตอาย (Cat Eye)’ ซึ่งจริงๆ แล้วถือกำเนิดตั้งแต่ช่วงปลายยุค 1920 แต่มาเป็นกระแสดังที่สุดในช่วง 1950 และมีรูปทรงให้เลือกหลากหลายมากขึ้น ซึ่งมันได้กลายเป็นไอเท็มชิ้นโปรดของดาราฮอลลีวู้ดหลายคน หนึ่งในนั้นคือ Marilyn Monroe โดยเป็นดารากลุ่มแรกๆ ที่ทำให้แว่นทรงแคตอายเป็นกระแสดังในยุคนั้น
Tom Cruise จากภาพยนตร์เรื่่อง Risky Business / ภาพ: Pinterest
1950s – 1960s
ในช่วงต้นทศวรรษ 1950 Ray-Ban ได้เปิดตัวแว่นตา Wayfarer และเมื่อคนดังอย่าง James Dean สวมใส่ก็ทำให้เกิดความคลั่งไคล้แว่นทรงนี้กันทั่วโลกจนกลายเป็นหนึ่งในเครื่องประดับแฟชั่นที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาต่อเนื่องมาจนถึงปี 1960 นอกจากนี้แว่นตาขอบสีดำที่เรียกว่า ‘G-Man’ ก็เป็นที่นิยมในวงการศิลปะและวรรณกรรมด้วยเช่นกันที่สะท้อนถึงสไตล์ฟิล์มนัวร์ซึ่งเป็นกระแสวัฒนธรรมที่มีอิทธิพลอย่างมากในช่วงของยุคนั้น ต่อมาแว่นทรง Wayfarer, Blowline และอื่นๆ ก็ยังได้รับความนิยมอย่างสูงอย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง Risky Business ที่ทอม ครูสได้หยิบ Ray-Ban รุ่น Wayfarer มาสวมใส่จนกลายเป็นที่พูดถึงกันมาเป็นเวลาต่อเนื่อง โดยปัจจุบันเราก็ยังคงพบเห็นการสวมใส่แว่นตาสไตล์เหล่านี้เกือบทั้งหมดและนิยามให้มันเป็นแว่นตาวินเทจนั่นเอง
ข้อมูล : Classicspecs, Be Global Fashion Network, Vintagedancer
WATCH