เผยต้นกำเนิด ‘Cat-Eye’ แว่นตาทรงฮิตที่จะกี่ปีก็ไม่มีเอาท์
เคยรู้ไหมว่าแว่นตาทรงแคทอายที่มีอยู่ในตู้เสื้อผ้าของเหล่าสายแฟ(ชั่น)มีประวัติมายาวนานแค่ไหนแล้ว...
หากลองนึกถึงแว่นตาทรงที่แมตช์กับเสื้อผ้าได้ทุกลุคและไม่มีวันเชย เดาว่าชื่อของแว่นทรง Cat-Eye คงต้องผุดขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ อย่างแน่นอน ด้วยความสามารถของมันที่รองรับกับใบหน้าได้ทุกรูปทรง อีกทั้งดีไซน์ที่มีความเฉี่ยว เก๋ ทำให้แว่นแคทอายกลายเป็นไอเท็มติดกระเป๋าที่เสริมความมั่นใจให้กับสาวๆ หลายคนอย่างแน่นอน วันนี้โว้กจะพาย้อนไปถึงต้นกำเนิดและสิ่งที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับแว่นตาทรงแคทอาย...
Altina Schinasi ผู้คิดค้นแว่นตาทรง Cat-Eye
แว่นตาทรงแคทอาย ถือกำเนิดในช่วงปลายปี ค.ศ. 1920 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ผู้หญิงในยุคนั้นพยายามต่อสู้และให้ความสนใจเกี่ยวกับความเท่าเทียมทางเพศอย่างมาก Altina Schinasi Miranda หญิงสาวชาวอเมริกันที่ศึกษาและสนใจในเรื่องราวของศิลปะ เธอทำงานเป็น Window dresser หรือคนตกแต่งหน้าร้านอยู่ในนิวยอร์ก ด้วยอาชีพของเธอทำให้เธอมักจะให้ความสนใจกับตู้โชว์ตามร้านต่างๆ มากกว่าคนทั่วไป และทุกครั้งที่เดินผ่านร้านขายแว่นตาร้านหนึ่ง เธอจะรู้สึกว่าแว่นตาส่วนใหญ่ในตู้โชว์นั้นมีแต่แบบกลมธรรมดาที่ใส่ได้ทุกคน แต่ไม่มีกรอบแว่นตาที่น่าสนใจหรือน่าดึงดูดสำหรับผู้หญิงในนิวยอร์กเอาซะเลย และนั่นเองคือเหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจออกแบบแว่นตาทรงสุดชิคที่มีดีไซน์แปลกใหม่ขึ้นมา โดยนำแรงบันดาลใจจากรูปทรงตรงส่วนหางตาที่ยกขึ้นของหน้ากาก Venetian Harlequin ที่นิยมใส่กันตามเทศกาลในเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี มาเป็นไอเดียหลัก และได้ทดลองทำการผลิตจนกระทั่งออกมาเป็นแว่นแบบที่เธอต้องการ โดยตั้งชื่อว่าแว่นตาทรงนี้ว่า ‘Harlequin’ ตามชื่อหน้ากากนั้น ก่อนที่มันจะถูกเรียกว่าแว่นตาทรงแคทอายในปัจจุบัน
ถึงแม้ตอนแรก การออกแบบแว่นทรงแคทอายของอัลทินาจะถูกปฏิเสธจากบริษัทใหญ่อย่าง Ray Ban แต่ต่อมาเธอก็มีโอกาสได้มาวางขายมันที่ร้านขายแว่นชื่อดังในย่าน Madison Avenue และได้รับการตอบรับที่ดีจากเหล่าคนที่มีชื่อเสียงมากมาย ทำให้หลังจากนั้น อัลทินาเลือกที่จะทำแว่นตาทรงนี้ต่อในนามของบริษัทของตัวเอง จนได้มีการขยับขยายธุรกิจของเธอไปทางฝั่งตะวันตก หรือทางฝั่งแคลิฟอร์เนีย ทำให้ในปี ค.ศ. 1939 อัลทินาได้รับรางวัล Annual American Design Award จาก The Lord & Taylor จากการเปลี่ยนรูปแบบแว่นตาที่ล้ำสมัย ให้กลายมาเป็นเครื่องประดับแฟชั่นโดยสมบูรณ์ อีกทั้งยังได้รับการยอมรับจากนิตยสาร Vogue และ Life ว่าเธอเป็นผู้ปฏิวัติอุตสาหกรรมแว่นตาอีกด้วย
กระแสของแว่นทรงนี้มีมาเรื่อยๆ จนถึงช่วงปี ค.ศ. 1950 หรือช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพียงไม่กี่ปี แว่นทรงแคทอายมีการปรับเปลี่ยนทั้งขนาดที่ดูใหญ่ขึ้น เริ่มนำวัสดุอื่นๆ มาใช้ รวมถึงมีการประดับด้วยคริสตัลให้ดูมีความสนุกมากขึ้น ทำให้แว่นตาทรงนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะมันทำให้หลายๆ คนโฟกัสกับความสุขมากขึ้นหลังจากอยู่กับความอึดอัดของสงครามมาเป็นเวลาหลายปี และมันก็กลายเป็นไอเท็มชิ้นโปรดของดาราฮอลลีวูดหลายคน รวมถึง Marilyn Monroe เอง ก็มักจะหยิบมาใส่จนกลายเป็นลุคซิกเนเจอร์ของเธอ อีกทั้ง Audrey Hepburn นักแสดงนำจากภาพยนต์เรื่อง Breakfast of Tiffany’s ก็ใส่มันในฉากสำคัญของภาพยนต์เรื่องนี้ ทำให้ในช่วงนั้น การใส่แว่นทรงแคทอายกลายเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและรักความเป็นอิสระ และกลายมาเป็นแว่นทรงนิยมอันดับหนึ่งในช่วงนั้น
WATCH
ในปัจจุบัน รูปทรงของแว่นทรงแคทอายมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น ทั้งแบบ Oversized หรือแบบที่ใหญ่กว่าปกติ แบบ Round ที่เป็นทรงกลมแต่ยังมีหางตาที่ยาวแบบแคทอาย หรือแบบ Retro ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กคล้ายกับต้นแบบ มากไปกว่านั้น แบรนด์แฟชั่นหลายแบรนด์ก็มักจะหยิบแว่นตาทรงนี้มาพัฒนา โดยการปรับรูปแบบเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ และทำให้ลูกค้าตัดสินใจยอมควักเงินในกระเป๋าซื้อได้โดยไม่ลังเล เช่นแบรนด์ Bottega Veneta มีการเพิ่มสีของเลนส์แว่นให้มีสีสันมากขึ้น ดูสนุกขึ้น แต่ยังคงความเรียบหรูเอาไว้ตามแบบฉบับของแบรนด์ ถัดมาที่แบรนด์ Saint Laurant มีการนำลวดลายกระมาเป็นลายของกรอบแว่น เน้นสีโทนน้ำตาลทั้งกรอบและเลนส์ หรือ Celine เองก็ยังคงใช้ความโค้งของกรอบแว่นที่พอดีกับรูปหน้าเหมือนตัวต้นฉบับ แต่เน้นการเล่นสีกับกรอบแว่น ทั้งสีฟ้า สีม่วง หรือสีเขียว ซึ่งให้ลุคที่แตกต่างกับแบรนด์อื่นๆ เห็นได้ชัดว่าแบรนด์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ดึงเอาความเป็นตัวตนของแบรนด์มาผสมผสานกับเอกลักษณ์หางตายาวของความเป็นแว่นแคทอายเอาไว้ จนกลายเป็นแว่นแคทอายในรูปแบบใหม่ๆ มากมาย
ปฏิเสธไม่ได้ว่า แว่นตาทรงแคทอายเป็นทรงแว่นได้ที่รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน เซเลบริตี้หลายคนก็หยิบมันมาใช้อยู่บ่อยครั้ง ทั้ง Rihanna, Kendall หรือ Hailey Bieber อาจเป็นเพราะรูปทรงของมันทำให้ใบหน้าของสาวๆ ดูเฉี่ยวขึ้น เรียวขึ้น และเป็นแว่นตาทรงแรกที่บ่งบอกความเป็นผู้หญิง จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆ แบรนด์ยังคงเลือกวนเอาแว่นตาทรงนี้มาทำใหม่อยู่บ่อยครั้ง
WATCH