WELLNESS

5 ลำดับการออกกำลังกายที่ผลาญแคลอรี่ได้มากที่สุด

นอกจากการวิ่งแล้วก็ยังมีการออกกำลังกายอื่นๆ ที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีเช่นกัน

ภาพปก: 

     สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีเผาผลาญแคลอรี่อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อปั่นหุ่นสวยและมีสุขภาพที่ดีขึ้น มาพบคำตอบได้ในบทความนี้ เพราะโว้กบิวตี้จะมาแนะนำวิธีออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้มากที่สุด (การเผาผลาญมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยบางประการ เช่น น้ำหนักตัว ความเข้มข้นในการออกกำลังกาย และระยะเวลา โดยทั่วไปยิ่งมีน้ำหนักมากเท่าไรก็จะเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้นเท่านั้น)

 

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio: https://www.pexels.com/th-th/photo/3764154/ 

วิ่ง : เผาผลาญ 10.8-16 แคลอรี่ต่อนาที 

     การวิ่งเป็นกิจกรรมที่เผาผลาญแคลอรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความเร็วและระยะเวลาเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อปริมาณแคลอรี่ที่ถูกเผาผลาญ ยิ่งวิ่งเร็วและนานขึ้นก็ยิ่งเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น และข้อดีอย่างหนึ่งของการวิ่งคือไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา จึงถือเป็นการออกกำลังกายที่เข้าถึงง่ายที่ใครก็ทำได้

     การเปลี่ยนบรรยากาศการวิ่งจากลู่วิ่งมาเป็นเส้นทางธรรมชาติ หรือการวิ่งกับเพื่อนๆ เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มความสนุกสนานและแรงจูงใจ การวิ่งในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ จะช่วยลดความน่าเบื่อและทำให้การออกกำลังกายเป็นไปอย่างต่อเนื่อง การวิ่งกับเพื่อนๆ ก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ความสนุกสนาน และช่วยให้มีความมุ่งมั่นในการวิ่งมากขึ้น นอกจากนี้การวิ่งเป็นกลุ่มยังช่วยสร้างสังคมและมิตรภาพที่ดีได้อีกด้วย

 

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio: https://www.pexels.com/th-th/photo/3769699/ 

ปั่นจักรยาน : เผาผลาญ 210-311 ต่อ 30 นาที

     การปั่นจักรยานเพียง 30 นาที สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึง 200-300 แคลอรี่ ซึ่งถือเป็นการคาร์ดิโอที่ดีมาก เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย ทั้งนี้ปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนักตัว ความเร็วในการปั่น ความลาดชันของเส้นทาง และความเข้มข้นของการออกกำลัง

     ลองเพิ่มความท้าทายด้วยการปั่นจักรยานขึ้นเนินหรือเพิ่มความเร็วในการปั่น จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญแคลอรี่ได้มากขึ้น นอกจากนี้การปั่นจักรยานยังมีประโยชน์อื่นๆ เช่น ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา หัวใจ และระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงช่วยปรับปรุงสมดุลร่างกาย และยังเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานผ่อนคลายอีกด้วย

 



WATCH



ภาพถ่ายโดย MART  PRODUCTION: https://www.pexels.com/th-th/photo/8032890/ 

กระโดดเชือก : เผาผลาญ 7.6-9.8 แคลอรี่ต่อนาที

     การกระโดดเชือกเป็นการออกกำลังที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและเผาผลาญแคลอรี่ในขณะที่ยังสร้างความแข็งแรงให้กับขาส่วนล่างไปพร้อมกัน นอกจากนี้การกระโดดเชือกยังทำได้ง่ายและสะดวก เพราะไม่ต้องใช้พื้นที่มาก และอุปกรณ์ก็จัดเก็บได้ง่าย ทั้งนี้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ จึงไม่แนะนำการกระโดดเชือกสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อ

     และถึงแม้ไม่มีปัญหาเรื่องข้อต่อก็แนะนำให้กระโดดเชือกในระยะเวลาสั้นๆ และค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาและความเข้มข้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ ควรสวมรองเท้าให้เหมาะ เลือกพื้นที่ที่เรียบและปลอดภัยในการกระโดดเชือก และอย่าลืมวอร์มร่างกายก่อนและคูลดาวน์หลังการออกกำลังกาย เพื่อช่วยเตรียมร่างกายให้พร้อมและช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อหลังการออกกำลังกาย

 

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio: https://www.pexels.com/th-th/photo/863926/ 

เต้นแอโรบิก : เผาผลาญ 6.6-9.8 แคลอรี่ต่อนาที

     การเต้นแอโรบิกเป็นการออกกำลังกายที่ได้สนุกสนานเพลิดเพลินไปกับจังหวะของเสียงเพลง และไม่ใช่แค่การขยับแขนขาไปมาเท่านั้น แต่การเต้นแอโรบิกจะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ทำงานร่วมกัน ทั้งแขน ขา ลำตัว และหน้าท้อง ส่งผลให้เผาผลาญแคลอรี่ได้มากกว่าการออกกำลังกายที่เน้นเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่ง 

     นอกจากนี้การเต้นแอโรบิกยังเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่นและด้านจิตใจยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย ทั้งลดระดับคอร์ติซอล (ฮอร์โมนความเครียด) และปล่อยเอนดอร์ฟิน (สารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกดี) ขณะเดียวกันการเข้าร่วมคลาสเต้นแอโรบิกยังเป็นโอกาสที่ดีในการพบปะผู้คนและสร้างมิตรภาพอีกด้วย

 

ภาพถ่ายโดย Andrea Piacquadio: https://www.pexels.com/th-th/photo/863926/ 

ว่ายน้ำ : เผาผลาญ 198-294 ต่อ 30 นาที

     ว่ายน้ำเป็นกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื้อแทบทุกส่วนของร่างกาย ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และลดแรงกระแทกต่อข้อต่อ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย และช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ดีมาก โดยสามารถเผาผลาญได้ประมาณ 9 แคลอรี่ต่อนาที สำหรับการว่ายน้ำในระดับช้าถึงเร็วปานกลาง หรือถ้าว่ายน้ำแบบสบายๆ 30 นาทีก็สามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้เท่ากับการจ็อกกิ้ง 30 นาที นอกจากนี้การว่ายน้ำยังเป็นการออกกำลังกายแรงกระแทกต่ำ จึงลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ข้อต่อได้มากกว่าการวิ่งหรือกระโดดที่แรงกระแทกสูง นั่นจึงทำให้การว่ายน้ำเป็นเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการบาดเจ็บหรือมีปัญหาเกี่ยวกับข้อเข่า ข้อสะโพก หรือกระดูกสันหลัง

 

     สิ่งสำคัญที่สุดในการออกกำลังกายคือการเลือกกิจกรรมที่ทำแล้วรู้สึกสนุกและสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องเลือกแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเสมอไป เพราะการทำอะไรเดิมๆ ซ้ำๆ อาจทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายและขาดแรงจูงใจ ฉะนั้นลองผสมผสานการออกกำลังกายประเภทต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อจะได้รู้สึกสนุกและมีความสุขในการออกกำลังกายทุกวัน

 

WATCH