TREATMENTS

รู้จักกับ ‘ฟิลเลอร์ใต้ตา’ อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อเผยความสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติ

ก่อนจะเลือกใช้สารเติมเต็มอย่าง "ฟิลเลอร์ใต้ตา" เราอาจต้องมาทำความรู้จักกับหัตถการประเภทนี้กันอย่างใกล้ชิดกันอีกครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจมากที่สุด

ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคาเท่าไร แพงหรือไม่

     "ฟิลเลอร์ใต้ตา" หนึ่งในทางเลือกอันดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยมในการแก้ปัญหาขอบตาคล้ำ ตาลึก ตาโหล ถุงใต้ตา อันเป็นจุดเริ่มต้นแห่งปัญหาหน้าโทรม ไม่สดใส พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งสารเติมเต็มประเภทนี้จะเข้าไปช่วยทำให้ใบหน้าแลดูสดใส ทั้งยังแลดูอ่อนกว่าวัยมากขึ้น โดยราคาฟิลเลอร์ใต้ตาเเต่ละประเภทนั้นมีความแตกต่างกันไปตามโปรโมชั่นของแต่ละคลินิก ส่วนใหญ่ราคามักเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 บาท ต่อปริมาณ 1 CC ซึ่งนับได้ว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพบนใบหน้าของเรา

ฟิลเลอร์ใต้ตาคืออะไร

     “การใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา” คือการเติมสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) เข้าไปบริเวณใต้ตา โดยสารเติมเต็มประเภทนี้ถูกผลิตมาเพื่อทดแทนคอลลาเจนที่เราสูญเสียไปเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น หลังเติมฟิลเลอร์ใต้ตาเข้าไปจะมีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาผิวหนังที่หย่อนคล้อย ตลอดจนปัญหาขอบตาดำ ลึก หน้าดูโทรม อ่อนล้า เเละร่องใต้ตาอันบ่งบอกถึงอายุของเราที่มากขึ้น โดยฟิลเลอร์จะเข้าไปเติมเต็มเเละฟื้นฟูบริเวณใต้ตาที่มีปัญหา ช่วยให้ใบหน้ากลับมาสดใส แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัยกว่าที่เคย



WATCH



สาเหตุการเกิดปัญหาใต้ตา และรอบดวงตา

     การทราบสาเหตุเบื้องต้นของปัญหารอบดวงตาของเราว่าเกิดจากสาเหตุอะไร มีลักษณะอย่างไร นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อแก้ปัญหาได้ตรงจุดยิ่งขึ้นและเห็นผลลัพธ์ชัดเจน โดยส่วนใหญ่ปัญหาหลักมักมาจาก 4 สาเหตุดังต่อไปนี้

1. โรคภูมิแพ้

     โรคภูมิแพ้ ถือเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหาขอบตาดำ เนื่องจากระบบไหลเวียนเลือดไม่ดีและอาจมีการติดขัด จนทำให้เส้นเลือดบริเวณใต้ตาขยายตัวมากกว่าปกติ จนส่งผลให้เกิดปัญหาขอบตาดำตามมาในภายหลัง

2. อายุที่มากขึ้น

     อายุที่เพิ่มมากขึ้นยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้การผลิตคอลลาเจนในร่างกายมีปริมาณที่น้อยลง โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2 CC ต่อปีหลังจากที่เราอายุ 20 ปีขึ้นไป ด้วยเหตุนี้ทำให้ชั้นไขมันใต้ดวงตาเกิดการยุบตัวหรือฝ่อบางลง จนกลายมาเป็นสาเหตุของปัญหาใต้ตาลึกได้ ซึ่งปัญหานี้นับเป็นหนึ่งในปัญหาที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

3. พันธุกรรม

     นอกจากปัจจัยเรื่องอายุเเละโรคภูมิเเพ้เเล้ว พันธุกรรมถือเป็นหนึ่งในปัญหาที่แก้ไขได้ยาก เนื่องจากพันธุกรรมในบางคนที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด อาจทำให้การเจริญเติบโตของกระดูกช่วงเบ้าตาและใต้ตาไม่ดีเท่าปกติ จนทำให้กลายมาเป็นสาเหตุของปัญหาถุงใต้ตาและร่องใต้ตาได้ในอนาคต

4. พฤติกรรม

     ปัจจัยสุดท้ายที่ก่อให้เกิดปัญหารอบดวงตาคือ พฤติกรรมที่เรามักทำด้วยความเคยชินในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการขยี้ตา, นอนดึก, พักผ่อนน้อย และความเครียด เมื่อพฤติกรรมเหล่านี้เกิดการสะสมมาเป็นเวลานานก็จะกลายมาเป็นสาเหตุหลักของปัญหารอยคล้ำใต้ตาได้ในท้ายที่สุด

ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะกับใครบ้าง

     สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าตัวเองเหมาะกับฟิลเลอร์ใต้ตาหรือไม่ ลองมาเช็กลิสต์เบื้องต้นตามด้านล่างได้เลยเพราะการเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตานั้นถือเป็นหัตถการที่มีข้อดีหลากหลายข้อ จึงเหมาะกับคนที่ต้องการตัวช่วยในการแก้ไขปัญหาใต้ตาแบบเร่งด่วน ใช้เวลาในพักฟื้นและการดูแลตัวเองหลังทำหัตถการน้อย ซึ่งการใช้ฟิลเลอร์ใต้ตานั้นจะช่วยแก้ปัญหาใต้ตาสำหรับผู้มีปัญหาดังต่อไปนี้ได้เป็นอย่างดี

  • ต้องการแก้ปัญหาร่องลึกใต้ตา
  • ต้องการแก้ปัญหาถุงใต้ตา
  • ต้องการแก้ปัญหาผิวใต้ตามีการหย่อนคล้อย
  • ต้องการแก้ปัญหาความคล้ำใต้ตา
  • ต้องการแก้ปัญหาริ้วรอยต่างๆ บริเวณใต้ตาให้แลดูจางลง

เลือกฟิลเลอร์ใต้ตายี่ห้อไหนดี

     ปัจจุบันนี้ฟิลเลอร์สำหรับใช้บริเวณใต้ตามีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ แต่การทำหัตถการบริเวณใต้ตาเป็นหนึ่งในจุดที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ตลอดจนต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำหัตถการจากเเพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก เนื่องจากผิวหนังใต้ตาเป็นบริเวณค่อนข้างบางจึงควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด เพื่อความเป็นธรรมชาติหลังทำหัตถการ โดยฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่แนะนำในการเลือกใช้สำหรับใต้ตาคือ "Restylane" และ "Juvederm"

  • ฟิลเลอร์ Restylane

     ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้เป็นนวัตกรรมจากประเทศสวีเดน ผสานไปด้วยเทคโนโลยี NASHA Technology และ OBT Technology ซึ่งถือเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะจากทาง Restylane เท่านั้น โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อดังกล่าวเป็นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อละเอียด มีความยืดหยุ่นสูง ทั้งยังมีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวบริเวณใต้ตา สามารถปรับรูปทรงได้ตามความต้องการ และให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานถึง 12-18 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละบุคคล) นอกจากนี้ฟิลเลอร์ Restylane ยังประกอบไปด้วยรุ่นต่างๆ อีกมากมายที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เช่น ฟิลเลอร์ Restylane Perlans Lyft ฟิลเลอร์ที่มีความคงตัวสูง ไม่ฟูและสามารถคงรูปของฟิลเลอร์หลังใช้ได้ดี และฟิลเลอร์ Restylane Defyne ฟิลเลอร์เนื้อเจล มีความแข็งปานกลาง ทั้งยังมีความยืดหยุ่นและอุ้มน้ำได้เป็นอย่างดี 

  • ฟิลเลอร์ Juvederm

     สารเติมเต็มที่ขึ้นชื่อในเรื่องปริมาณพันธะที่เชื่อมโยงเนื้อฟิลเลอร์เข้าไว้ด้วยกันอย่างหนาแน่น ด้วยจุดเด่นนี้ทำให้ฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้เป็นฟิลเลอร์ที่คงอยู่ได้นานมากถึง 18 ปี สลายตัวช้า อุ้มน้ำน้อยและหลังใช้งานไม่ฟูมากเกินไป ไม่จับตัวเป็นก้อน ทั้งยังเหมาะกับผิวบริเวณที่ต้องมีการขยับบ่อยๆ เช่น ผิวรอบดวงตา ทำให้ผลลัพธ์หลังทำแลดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับยี่ห้ออื่นฟิลเลอร์จาก Juvederm ต่างก็มีรุ่นอื่นๆ ที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเลอร์ Juvederm Volie ที่มีเนื้อละเอียด สามารถเติมเต็มผิวตาชั้นตื้นได้ เหมาะกับผู้ที่มีผิวค่อนข้างบาง และฟิลเลอร์ Juvederm Voluma ฟิลเลอร์เนื้อค่อนข้างแข็ง มีความฟูปานกลางแต่มีความยืดหยุ่นสูง อุ้มน้ำ และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

วิธีการเช็กฟิลเลอร์ว่าเป็นของแท้หรือไม่

      อย่างที่ได้เกริ่นไปในข้างต้นว่าฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีหลากหลายยี่ห้อและรุ่นให้เลือกใช้ แต่ก่อนที่เราจะเลือกฟิลเลอร์เพื่อทำหัตถการควรทำการตรวจสอบให้แน่ใจว่าฟิลเลอร์ที่ประเภทนั้นๆ เป็นของแท้เเละได้รับมาตรฐาน โดยมีวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นดังต่อไปนี้

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ของ Juvederm

  1. มีเลขทะเบียน อย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ในกล่องฟิลเลอร์อย่างชัดเจน
  2. โดยทั่วไปกล่องฟิลเลอร์จะมี 2 cc และเลข lot ซึ่งต้องตรงกัน 4 จุด
  3. เลข lot ที่กล่อง
  4. เลข lot ที่ซอง
  5. เลข lot ที่สติกเกอร์
  6. เลข lot ที่หลอด
  7. สามารถโทรตรวจสอบเลข lot และคลินิกได้ที่ บริษัท แอลเลอร์แกน (ประเทศไทย)

วิธีดูฟิลเลอร์แท้ของ Restylane

  1. มีรอยปรุสำหรับการเปิดกล่อง
  2. มีเลขทะเบียนอย. และมีเอกสารกำกับภาษาไทยอยู่ในกล่อง
  3. มีสติกเกอร์โมโนแกรม คำว่า “VOID”
  4. มีเลข lot ตรงกัน 2 จุด
  5. เลข lot ที่กล่อง
  6. เลข lot ที่หลอด
  7. สามารถใช้แอปพลิเคชั่น Eztracker สแกน QR CODE เพื่อตรวจสอบยาของแท้ได้
  8. สามารถสอบถามเลข lot. และคลินิกได้ที่บริษัท กัลเดอร์มา (ประเทศไทย)

ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาในท้องตลาด

     ราคาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว ในบางคลินิกอาจจะมีราคาโปรโมชั่น หรือบางคลินิกอาจจะมีราคาแบบเหมาคอร์สสำหรับการทำหัตถการ ทำให้ราคาฟิลเลอร์ใต้ตามีความแตกต่างกันออกไป แต่โดยส่วนใหญ่ราคาเริ่มต้นมักเฉลี่ยที่ประมาณ 10,000 บาท ต่อ 1 CC ซึ่งเราควรเลือกคลินิกที่ราคาอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ถูกเกินไป และไม่แพงจนเกินไป เพราะหากราคาฟิลเลอร์ใต้ตาถูกจนเกินไป อาจมีโอกาสเป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน เเละอาจเลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอมให้เราได้ (คลิกอ่านการเลือกฟิลเลอร์ใต้ตาได้ที่นี่)

ฟิลเลอร์ใต้ตาต้องใช้กี่ CC ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน

     โดยทั่วไปของการใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาที่แพทย์แนะนำ มักใช้เพียง 1-2 CC เท่านั้น เพื่อให้ใต้ตาแลดูสวยงาม มีความละมุน และอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล โดยควรพบแพทย์เพื่อทำการประเมินและรับคำแนะนำปริมาณฟิลเลอร์ที่เราต้องใช้อย่างละเอียดก่อนเข้ารับบริการ

ความเสี่ยงในการเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตา

     หลายๆ คนอยากแก้ปัญหาใต้ตา แต่ยังคงมีความกังวลใจเรื่องความปลอดภัยในการเลือกใช้ เพราะใต้ตาเป็นบริเวณที่ค่อนข้างบอบบางและอยู่ใกล้ดวงตา หากเลือกฟิลเลอร์ผิดหรือเกิดข้อผิดพลาดขึ้นมาอาจส่งกระทบต่อดวงตาของเราได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วคงต้องบอกว่าการเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตานั้น “มีความปลอดภัย” เพราะเป็นการเติมสารไฮยาลูรอนิก แอซิด (Hyaluronic Acid) ซึ่งเป็นสารเดียวกับที่ร่างกายสามารถผลิตได้ ทั้งยังเป็นฟิลเลอร์แท้ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน โดยมีคุณสมบัติในการช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิวหนัง ช่วยรักษาความชุ่มชื้น สามารถอุ้มน้ำได้ดี และหากเลือกเข้ารับบริการกับคลินิกที่ได้รับมาตรฐาน ตลอดจนแพทย์ผู้มากประสบการณ์ และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่สามารถตรวจสอบได้ รับรองว่าการใช้ฟิลเลอร์เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย เพราะหากเราเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน มีส่วนผสมของพลาสติกและซิลิโคนอาจส่งผลให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือดจนนำไปสู่อาการตาบอดได้ในท้ายที่สุด

ทำไมใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไรอันตรายหรือไม่

     ปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนหลังใช้ฟิลเลอร์ใต้ตานั้น ถือเป็นปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ โดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเติมฟิลเลอร์ในชั้นผิวหนังที่ตื้นเกินไป จนทำให้เนื้อฟิลเลอร์โผล่เป็นก้อนอยู่บนผิว หรือจะเป็นการเลือกใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากเกินไป ซึ่งอาจเกิดการล้นจนเป็นก้อนขึ้นมาได้ ปัญหาเหล่านี้ยังรวมไปถึงการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะกับบริเวณใต้ตา เพราะผิวหนังใต้ตาเป็นบริเวณผิวที่มีความบอบบางซึ่งหากเลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่มีเนื้อแน่น อาจทำให้เกิดปัญหาฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนได้ง่าย เเละสุดท้ายคือการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่มีมาตรฐาน เพราะฟิลเลอร์บางประเภทมีส่วนผสมของซิลิโคนเหลวที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ในร่างกาย และหากผ่านไปเป็นระยะเวลานานเนื้อฟิลเลอร์จะเกิดการไหลกองเป็นก้อนในท้ายที่สุด ดังนั้นข้อสำคัญในการป้องกันปัญหาฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อนหลังการทำหัตถการคือ การเลือกใช้ฟิลเลอร์ของแท้ที่ได้รับมาตรฐานและเลือกรับบริการกับคลินิกที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์ ซึ่งคนไข้สามารถตรวจสอบผลงานของแพทย์แต่ละท่านก่อนการรับบริการได้ตามโซเชียลมีเดียของแต่ละคลินิก

ผลข้างเคียงของการใช้ฟิลเลอร์ปลอม

     สำหรับการเลือกใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานถือเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างมาก เพราะในฟิลเลอร์ปลอมบางชนิดจะมีการส่วนผสมจากพลาสติกและซิลิโคนเหลวซึ่งไม่ใช่สารบริสุทธิ์ ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อฟิลเลอร์เหล่านั้นเข้าไปในร่างกายอาจนำปัญหามากมายเหล่านี้ตามมาได้ในอนาคต

  • กิดอาการอักเสบเป็นหนอง: เนื่องจากหลังรับฟิลเลอร์ปลอมเข้าไปแล้ว ร่างกายตรวจจับว่าฟิลเลอร์นั้นเป็นสิ่งแปลกปลอม จนคิดว่าเป็นเชื้อโรคต่างๆ ทำให้ร่างกายเกิดการสร้างเม็ดเลือดขาวเข้ามาเพื่อกำจัดฟิลเลอร์ปลอมออกไป แต่ก็ไม่สามารถกำจัดได้จนเกิดการบวมอักเสบ และมีน้ำหนองร่วมด้วยในคนไข้บางราย

  • เกิดพังผืดรัดตัวจนผิวยุบและมีรอยย่นมากกว่าเดิม: เนื่องจากฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานจะไม่เกิดการสลายตัวในร่างกายของมนุษย์ได้ และเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ร่างกายก็จะทำการสร้างพังผืดมารัดรอบเนื้อฟิลเลอร์จนเกิดปัญหาผิวยุบเเละผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ตามมา จนทำให้ต้องรับการผ่าตัดเพื่อนำฟิลเลอร์ออก

  • เกิดการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์จนกลายเป็นก้อน: แน่นอนว่าหากเลือกใช้ฟิลเลอร์ของปลอมที่มีเนื้อไม่ละเอียดและบริสุทธิ์ อาจก่อให้เกิดการเป็นก้อนได้ง่ายกว่า นอกจากนั้นเนื้อฟิลเลอร์ของปลอมยังไม่สามารถยึดเกาะผิวได้ดีทำให้ฟิลเลอร์เกิดการเคลื่อนตัวได้ค่อนข้างง่าย

  • อาจส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้: หลังจากรับฟิลเลอร์ของปลอมเป็นระยะเวลานาน น้ำหนักของเนื้อฟิลเลอร์จะไปเป็นตัวถ่วงให้ผิวหนังเกิดความหย่อนคล้อยได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้ผิวบริเวณที่ได้รับฟิลเลอร์เกิดการตกเเละห้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกนั่นเอง

หลังใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วจะมีอาการบวมหรือไม่ เเละบวมนานแค่ไหน

     หลังใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วอาจเกิดอาการบวมขึ้นได้ในคนไข้บางราย โดยส่วนใหญ่มักบวมเเละมีรอยช้ำจากรอยเข็ม ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่ไม่มีความอันตรายใดๆ โดยอาการดังกล่าวมักหายไปเองภายใน 2-3 วัน หากมีอาการเจ็บร่วมด้วยสามารถรับประทานยาแก้ปวดได้ แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาก่อนรับประทานยา

วิธีการเลือกคลินิกให้ปลอดภัย

     ไม่เพียงแต่การตรวจสอบผลิตภัณฑ์จะต้องได้มาตรฐานและการรับรองที่น่าเชื่อถือเท่านั้น ทว่าการเลือกคลินิกเพื่อเข้ารับบริการ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ได้เอื้อให้เกิดผลลัพธ์ที่น่าพอใจเช่นกัน โดยการเลือกคลินิกนั้น สามารถใช้ขั้นตอนการตรวจสอบพื้นฐานทั้ง 5 ขั้นตอนได้อย่างง่ายดาย ได้แก่

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน คลินิกจำเป็นต้องมีป้ายชื่อที่ชัดเจน มีใบอนุญาต 11 หลัก และสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ของแพทยสภา tmc.or.th ตลอดจนความสะอาดของคลินิกต้องได้มาตรฐานเช่นกัน

  • มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประจำคลินิก แพทย์ผู้ทำหัตถการต้องมีใบประกอบวิชาชีพ และข้อมูลของแพทย์ต้องสามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ของแพทยสภาเช่นกัน

  • มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ปัจจุบันเทคโนโลยีมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในการเข้ามาเป็นตัวช่วยเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งเทคโนโลยีที่คลินิกนำมาใช้นั้นต้องได้รับการรับรองจาก อย. และสามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน

  • มีช่องทางติดต่อชัดเจน คลินิกที่เลือกใช้บริการจำเป็นต้องมีช่องทางติดต่อที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เบอร์โทรศัพท์ ที่ตั้งคลินิก อีเมล์ รวมถึงช่องทางติดต่อออนไลน์

  • มีการให้คำแนะนำก่อนให้บริการ คลินิกที่ได้รับการการันตีมาตรฐานในการบริการ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแจ้งข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจต่อผู้เข้ารับบริการ ทั้งยังต้องตอบคำถามและข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมาอีกด้วย

     ถึงแม้ในปัจจุบันเลือกใช้ฟิลเลอร์จะมีความปลอดภัยสูง แต่ในขณะเดียวกันก็มักมาพร้อมความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการเกิดพังผืดขึ้นในบริเวณที่เติมฟิลเลอร์ลงไป เกิดการจับตัวเป็นก้อน และในบางรายหากได้รับฟิลเตอร์ปลอมอาจจะสร้างผลกระทบถึงขั้นเกิดการอักเสบ เป็นหนอง และก่อให้เกิดความหย่อนคล้อยได้ในภายหลัง ดังนั้นแล้วการเลือกใช้ฟิลเลอร์ใต้ตาจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบความปลอดภัย ทั้งยังได้รับคำเเนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดก่อนเข้ารับบริการ

WATCH