Vogue Thailand

WATCHES & JEWELLERY

BVLGARI เปิดตัว Octo Finissimo รุ่นลิมิเต็ด พร้อมโปรเจกต์คอแลบฯ ใน Geneva Watch Days 2025

นอกจาก Octo Finissimo แล้ว Bvlgari ยังเปิดตัว Bvlgari Bronzo เรือนเวลาที่ใช้วัสดุใหม่ ซึ่งออกแบบเพื่อการใช้งานในทุกๆ วันอย่างแท้จริง

โดย Nattanam Waiyahong
10 กันยายน 2568

     Bvlgari กับโลกนาฬิกาเชื่อมประสานกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาเรือนเวลาขั้นสุดยอด รวมถึงการหลอมรวมศาสตร์แห่งการรังสรรค์จิวเวลรีผนวกเข้ากับการเนรมิตกลไกระดับสูง ซึ่งปี 2025 แบรนด์เข้าร่วม Watches & Wonders เป็นครั้งแรก และสร้างประวัติศาสตร์กับการทำลายสถิติโลกด้วยเรือนเวลาตูร์บิญงที่บางที่สุดทุบสถิติเดิมเมื่อปี 2024 ไปอย่างน่ามหัศจรรย์ ในระยะเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งปี แบรนด์เดินหน้าบนเส้นทางนาฬิกาอย่างต่อเนื่องกับการเปิดตัวเรือนเวลาโฉมใหม่ ณ Geneva Watch Days 2025

     ไฮไลต์สำคัญของบุลการีในช่วงสัปดาห์แห่งนาฬิกา ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2025 นี้ คือนาฬิกาโมเดล Octo Finissimo สุดยอดคอลเล็กชั่นที่สร้างความประทับใจมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะเป็นสถิติโลกแขนงต่างๆ เรื่อยไปจนถึงการสรรสร้างนาฬิกาด้วยแนวคิดแห่งการทดลองและค้นหานวัตกรรมล้ำสมัยอยู่เสมอ ซึ่งใน Geneva Watch Days 2025 แบรนด์เผยโฉมนาฬิกา Octo Finissimo Lee Ufan x Bvlgari ซึ่งเป็นโปรเจกต์คอแลบอเรชั่นระหว่างเมซงกับศิลปินชาวเกาหลีที่เชี่ยวชาญตั้งแต่เรื่องงานเพนต์ งานประติมากรรม กาพย์กลอน และปรัชญา เน้นย้ำเรื่องจิตสำนึกของมนุษย์ ธรรมชาติ และจักรวาล อันเป็นรากฐานของงานออกแบบ นำมาสู่นาฬิกาที่เปรียบเปรยเอกลักษณ์ของศิลปินอย่างหินอันแข็งแกร่งและกระจกสะท้อนแบบไม่มีจุดสิ้นสุด ถ่ายทอดออกมาเป็นเรือนเวลารุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ฉบับ ‘hand-finished’ ที่ผลิตจำกัดเพียง 150 เรือน

     ความโดดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้คือวัสดุตัวเรือนและสายไทเทเนียมที่เน้นงานมือสร้างเอฟเฟกต์ราวกับหินล้ำสมัย สอดแทรกกลไกด้านในด้วย BVL 138 ที่มาพร้อมโรเตอร์ขนาดไมโคร มีความหนาเพียง 2.23 มิลลิเมตร ด้านหลังเคสยังมีลายเซ็นของศิลปินและการประทับตรา ‘LIMITED EDITION OF 150’ (แบบไม่รันตัวเลข) หน้าปัดเป็นรูปแบบกระจกสะท้อน มาพร้อมเข็มแบบพิเศษที่กลมกลืนเนียนไปกับหน้าปัดอย่างงดงาม นับป็นสุดยอดเรือนเวลารุ่นสะสมที่เชื่อว่าถูกใจคอนาฬิกาและศิลปะอย่างแน่นอน

     Octo Finissimo ในงาน Geneva Watch Days 2025 ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะบุลการียังเดินหน้าพัฒนาอีกไลน์ย่อยในคอลเล็กชั่นให้โดดเด่นขึ้นอีกระดับกับเรือนเวลาหน้าปัดหินอ่อนสีน้ำเงิน ต่อยอดจากหน้าปัดหินอ่อนสีเขียว Verde Alpi ตัวเรือนเยลโลว์โกลด์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ โดยคราวนี้ปรับเรื่องวัสดุหน้าปัดให้มีความคมเข้มและสุขุมมากขึ้น เช่นเดียวกับตัวเรือนที่เปลี่ยนเป็นแพลทินัม นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยกลไกตูร์บิญงที่แสดงอย่างสง่าผ่าเผยบริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา มาพร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้มเข้ากับหน้าปัด ถือเป็นนาฬิกาชั้นยอดที่ผสมผสานระหว่างกลไกชั้นสูงและมิติความงดงามตามแบบฉบับเมซงจิวเวลรีเชื้อสายโรมันโดยแท้จริง

     ปิดท้ายด้วย Bvlgari Bronzo นาฬิกาในไลน์อลูมินัมโฉมใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวออกมาถึง 2 รูปแบบคือนาฬิกาสำหรับนักเดินทางและนาฬิกาจับเวลา และไฮไลต์สำคัญคือการใช้วัสดุสำริด เป็นครั้งแรกในคอลเล็กชั่นอลูมินัม จุดเด่นเรื่องการสลักชื่อแบรนด์บนเบเซลยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน และเรือนเวลา Bvlgari Bronzo ถือเป็นการกลับมาอย่างน่าสนใจหลังจาก Bvlgari Bvlgari เปิดตัวครั้งแรกในปี 1975 ต่อเนื่องกับไลน์อลูมินัมในปี 1998 และผ่านการออกแบบใหม่มาแล้วในปี 2020 ซึ่งในครั้งนี้แบรนด์ต้องการใช้วัสดุสำริดเพื่อตอบสนองความต้องการในการสวมใส่ในชีวิตประจำวันแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเรือนเวลาบนข้อมือ ความสำคัญเรื่องกลไกก็น่าจับตามองกับฟังก์ชั่นการบอกเวลา 24 ชั่วโมง ฉบับเรียบง่ายของ Bvlgari Bronzo GMT รวมถึง ฟังก์ชั่นการจับเวลาและแสดงเวลา 3 หน้าปัดของ Bvlgari Bronzo Chronograph สรุปรวบยอดบุลการีสะท้อนความเอาจริงเอาจังอย่างต่อเนื่องกับเรื่องนาฬิกา ทั้งในแง่ของนวัตกรรมล้ำสมัย มิติความสวยงาม ศาสตร์แห่งการเลือกใช้วัสดุ เรื่อยไปจนถึงจุดเด่นเรื่องงานฝีมือ จับตาดูกันต่อไปว่าบุลการีจะรังสรรค์อะไรให้เราตื่นเต้นอีก เพราะตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าบุลการีกับนาฬิกาคือเส้นเกลียวที่เชื่อมประสานเลียนล้อกันไปอย่างมีนัยสำคัญ

ภาพ : Courtesy of Bvlgari