เชื่อว่าคนรักซีรี่ส์เกาหลีทั้งหลายคงต้องรู้จักกับซีรี่ส์แนวโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่ดูแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และอินไปกับตัวละครบนเส้นเรื่องที่เข้มข้นอย่าง “Welcome to Samdal-ri” เป็นแน่แท้ อีกหนึ่งซีรี่ส์น้ำดีที่ฉายบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ซึ่งได้กระแสตอบรับที่ค่อนข้างดี คว้าคะแนนบน IMDB ไปกว่า 8.1 และบน MyDramaList ที่ 8.6 คะแนน

     ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของสองตัวละครหลักอย่าง “โชซัมดัล” และ “โชยงพิล” สองคู่รักที่ชะตาของพวกเขาผูกมัดเข้าด้วยกันตั้งแต่ในวัยเยาว์ จนกระทั่งทั้งคู่โตมาได้คบหาและเลิกรากันไป ซึ่งปมในครั้งนั้นทำให้หญิงสาวอย่าง โชซัมดัล ต้องระหกระเหินไปใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวง ในฐานะช่างภาพชื่อดัง และในขณะเดียวกันโชยงพิลก็ได้ตัดสินใจที่จะกลับมาใช้ชีวิตอยู่บ้านเกิด ณ ซัมดัลรี บนเกาะเชจู เพื่อดูแลผู้คนที่เขารัก

 

     

     ทว่าชะตาอันน่าขันก็ทำให้ทั้งคู่ต้องกลับมาพบกันอีกครั้ง เพราะช่างภาพโชซัมดัลเกิดประเด็นดราม่าที่ถาโถมเข้าใส่เธอแบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นการนอกใจของแฟนหนุ่ม หรือแม้กระทั่งการถูกกล่าวหาว่าเธอใช้ความอำนาจในทางที่ผิดกับผู้ช่วยของตัวเอง จนทำให้โชซัมดัลตัดสินใจที่จะหลีกหนีจากความวุ่นวายนี้กลับไปอยู่ ณ บ้านเกิดของอีกครั้ง ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการกลับมาเจอกันของเส้นทางแห่งโชคชะตา และแม้ว่าซีรี่ส์เรื่องนี้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ดำเนินไปอย่างมีไดนามิก ครบรสทั้งความโรแมนติก ความตลกขบขัน และความน่ารักของเหล่าตัวละครอื่นๆ แต่หนึ่งในเสน่ห์ของภาพยนตร์ที่ชวนให้ผู้เขียนนึกยิ้มตามเสมอคงต้องเป็นยกให้กลิ่นอายความอบอุ่นที่มีให้เราได้สัมผัสทั้งเรื่อง

 

 

     อย่างที่ได้เกริ่นไปว่าตัวละครหลักอย่างโชซัมดัลนั้นได้ต่อสู้ดิ้นรนเพื่อจะเป็นช่างภาพที่ประสบความสำเร็จ โดยเธอต้องอาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน การแก่งแย่งชิงดี และความริษยา จนทำให้หลายครั้งตัวเธอเองก็ต้องเสียน้ำตาให้สถานการณ์เหล่านั้น ด้วยภาพนี้ทำให้เราได้เห็นว่าการเติบโตในเมืองหลวงนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะในทุกๆ วันเราต่างพบเจอกับความท้าทายใหม่ที่พร้อมเข้ามาปะทะเราอยู่เสมอ แต่ในทางกลับกันเรื่องราวขณะที่โชซัมดัลได้เดินทางกลับไปยังบ้านเกิด ณ เมืองซัมดัลรี บนเกาะเชจู ซีรี่ส์เรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เห็นความอบอุ่น ความรักความเอ็นดูที่ได้รับจากผู้คนมากหน้าหลายตา ที่เสมือนเป็นเครื่องมือในการเยียวยาความรู้สึกที่แตกสลายและปลดเปลื้องความหนักอึ้งที่แบกรับมาจากเมืองใหญ่ จนทำให้หลายๆ ฉากของซีรี่สืเรื่องนี้ดูแล้วต้องยิ้มตามกันถ้วนหน้า

 

 

     และแน่นอนว่าในมุมมองเดียวกันนี้ผู้เขียนก็เชื่อว่าเรื่องราวของ “Welcome to Sandal-ri” ต่างก็ตรงกับเส้นทางชีวิตของใครหลายๆ คน ที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคและนำพาชีวิตของตัวเองมาพบกับความท้าทายในพื้นที่ที่เต็มไปการแข่งขันและความกดดันเป็นแน่ ซึ่งซีรี่ส์เรื่องนี้เองก็สื่อให้เราได้เห็นแล้วว่า ต่อให้ชีวิตในเมืองหลวงจะเหนื่อยล้าเพียงใด การกลับไปสัมผัสความสงบทางจิตใจและความรักจากครอบครัว ก็ช่วยเพิ่มเกราะป้องกันทางความรู้สึกให้กับเรา เพื่อกลับมาต่อสู้กับปัญหาที่กำลังเผชิญได้เสมอ