LIFESTYLE
ปีทองวงการบันเทิงไทย! รวบทุกปรากฏการณ์ของอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ในปี 2024ปี 2024 เป็นปีทองของวงการบันเทิงไทยที่บัดนี้เติบโตและพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง จนส่งแรงกระเพื่อมไปยังคนรุ่นใหม่ให้ลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ผลงานดีๆ ประดับวงการ ใครพลาดอะไร โว้กสรุปมาให้อ่านกัน |
เรื่อง: ปารัณ เจียมจิตต์ตรง
ย้อนกลับไปช่วงโควิด-19 โรคระบาดทำให้โลกไม่อาจเคลื่อนไปข้างหน้า ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยความเร็วต่ำ จวบจนกระทั่งสถานการณ์คลี่คลาย อุตสาหกรรมบันเทิงไทยจึงค่อยๆ ฟื้นตัว แสงที่เคยเลือนหายเริ่มฉายให้เห็นดาวดวงใหม่ รวมถึงดาวอีกหลายดวงที่กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง นั่นคือภาพที่ปรากฏขึ้นในปีนี้ ทั้งพาร์ตของละคร ซีรีส์ ละครเวที เพลง คอนเสิร์ต และผู้คนในวงการบันเทิงที่ได้โชว์ศักยภาพไปไกลระดับโลก นี่คือเรื่องราวของกลุ่มดาวที่สร้างไดนามิกให้กับวงการเอนเตอร์เทนเมนต์ไทยในปีนี้
ม่านการแสดงและเส้นทางสู่ระดับโลก
เริ่มกันที่ “ละครเวที” ธุรกิจบันเทิงที่โดนผลกระทบหนักจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะในปี 2563 โรงละครเกือบทุกแห่งต้องปิดม่านแบบไม่มีกำหนด รวมถึงซีเนริโอ & เมืองไทยรัชดาลัย เธียเตอร์ที่ต้องปรับตัวไปทำธุรกิจอื่นๆ และถึงแม้ประตูของโรงละครจะเปิดต้อนรับผู้ชมได้อีกครั้ง กระแสก็ยังไม่หวนกลับคืนเหมือนก่อน กระทั่งการมาถึงของ ฟ้าจรดทราย เดอะมิวสิคัล ที่การเปิดตัวมาพร้อมกับเสียงวิจารณ์อื้ออึงเซ็งแซ่ในแง่ลบ โดยเฉพาะการเปรียบเทียบนักแสดงเวอร์ชันใหม่กับเวอร์ชันเก่าเมื่อ 17 ปี ก่อนแบบเรียงคน ตั้งแต่ณเดชน์ คูกิมิยะที่เล่นละครเวทีเรื่องแรกในบท “ชารีฟ” แก้ม กุลกรณ์พัชร์ในบท “มิเชลล์” จนถึงหนูนา หนึ่งธิดาที่พลิกมาเล่นร้ายในบท “แคชฟียา” ว่าไม่เหมาะสม สู้ครั้งก่อนไม่ได้ และไม่น่าเวิร์ก
แต่บทพิสูจน์ไม่ต้องรอนานนัก เพราะในรอบแรกของการแสดง ไม่เพียงเสียงปรบมือที่ดังสนั่นโรงละคร คำชื่นชมยังไหลทะลักแบบปากต่อปาก วิดีโอบางส่วนของโชว์กลายเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ที่มีการแชร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำปรามาสในวันแรก (ทั้งที่ยังไม่ได้ดู) เปลี่ยนเป็นการจองบัตรรัวๆ จนในที่สุด ฟ้าจรดทราย 2024 ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้กับวงการละครเวทีไทย ด้วยสถิติขายบัตร Sold out ทุกที่นั่ง ครบทั้ง 61 รอบ!
ถึงแม้ว่าการแสดงจะหยุดชะงักลงกลางคันราว 3 เดือน เนื่องจากณเดชน์ประสบอุบัติเหตุจนกระดูกนิ้วมือข้างขวาร้าว แต่เมื่อประตูเมืองฮิลฟาราพร้อมเปิดต้อนรับผู้ชมอีกครั้งในช่วงปลายเดือนตุลาคม โรงละครรัชดาลัยก็กลับมาคึกคัก และกลายเป็น ฟ้าจรดทราย อีกเวอร์ชันที่ตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้ชม และยังเป็นการกระทุ้งเตือนใครหลายคนว่าอย่าด่วนตัดสินอะไรง่ายๆ
ในขณะที่ฟากฝั่งของ “ซีรีส์และละคร” ก็วิวัฒน์ไปพร้อมกับบริบทของสังคมอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเรื่องความหลากหลายทางเพศ ทำให้ซีรีส์ Boy’s Love และ Girl’s Love ของบ้านเรายังคงยึดพื้นที่ความนิยมในทวีปเอเชียได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีแฟนๆ จากทั่วโลกเฝ้าติดตามผลงานเรื่องใหม่อยู่เสมอ
ในปีนี้ซีรีส์ที่ต้องใช้คำว่าปรากฏการณ์คือ ใจซ่อนรัก The Secret of Us ที่สร้างจักรวาลเกิร์ลเลิฟให้กับหลิงหลิง คองและออม กรณ์นภัส ให้เป็นซูเปอร์สตาร์คู่ใหม่ ถึงแม้ซีรีส์จบลงแล้ว แต่ไม่ว่าทั้งคู่ปรากฏตัวที่งานใด จะมีแฟนคลับตามไปให้กำลังใจอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ไม่เพียงในประเทศเท่านั้น เพราะแฟนมีตที่ฮ่องกงและมาเก๊าก็ถูกแฟนๆ จองบัตรหมดในพริบตา ไม่ต้องพูดถึงโลกออนไลน์ที่แฮชแท็ก #หลิงออม ติดเทรนด์ X แบบไม่หยุดพัก รวมถึงโอกาสในการทำงานอีกมากมายที่ต่อคิวยาวข้ามปี จนพูดได้ว่านี่คือปีทองของพวกเธออย่างแท้จริง
นอกจากชื่อเสียง อีกมุมที่เราอยากพูดถึงคือ ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชคช่วย เพราะตลอดเส้นทางที่ผ่านมา ทั้งสองคนผ่านการแสดงมาแล้วหลายเรื่อง มีทั้งก้าวที่สำเร็จและผิดหวัง โดยเฉพาะหลิงหลิงที่เคยเกือบยอมแพ้ และหันหลังให้กับอาชีพนักแสดงแล้วด้วยซ้ำ แต่ด้วยความมุ่งมั่นพัฒนาตัวเอง ทำให้ทั้งคู่เดินทางมาถึงก้าวสำคัญในอาชีพนักแสดง ได้รับความรักจากผู้คนมากมาย เหมือนที่หลิงหลิงบอกโว้กว่า “ซีรีส์ ใจซ่อนรัก ให้ประสบการณ์เยอะมากค่ะ ทั้งได้เจอบัดดี้ใหม่ โอกาสทำงานที่กว้างขึ้น และความรักจากแฟนคลับ ไม่ว่าที่แฟนมีตหรือทุกๆ ที่ เป็นความทรงจำที่ทำให้เราใจฟูมากๆ” เช่นเดียวกับออม “ออมก็รู้สึกเหมือนพี่หลิง ทั้งๆ ที่ทุกคนมีเวลาจำกัด มีธุระส่วนตัว แต่พวกเขายอมสละเวลามาเจอเรา ซึ่งบางครั้งก็แค่แป๊บเดียว เป็นความรักที่บริสุทธิ์มากและทำให้เราอยากพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ (ยิ้ม)”
ถ้าพูดถึง “ซอฟต์พาวเวอร์” ที่ทรงพลังของอุตสาหกรรมบันเทิงไทยในปี 2024 ชื่อที่ทุกคนเอ่ยถึงเป็นเอกฉันท์ก็คือ หลานม่า ภาพยนตร์ที่เล่าถึงความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว ได้เดินทางไปฉายในหลายประเทศทั่วโลก ขึ้นแท่นหนังไทยที่ทำเงินรวมทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล รวมทั้งได้รับคัดเลือกจากสมาพันธ์สมาคมภาพยนตร์แห่งชาติ ให้เป็นตัวแทนหนังไทยเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 97 สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม
หลานม่า ไม่ได้ประสบความสำเร็จเพียงเรื่องรายได้ หรือรางวัลจากเวทีต่างๆ เท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้ชมที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้อยากกลับไปกอดคนในครอบครัวแบบแน่นๆ เพราะ หลานม่า เล่าถึงเรื่องนี้อย่างเรียบง่าย จริงใจ แต่ทรงพลังจนเข้าถึงผู้ชมทั่วโลก เหมือนที่บิวกิ้น-พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุลเล่าให้ฟังว่า “ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าหนังที่ดีไม่จำเป็นต้องซับซ้อน เพราะความพิเศษของ หลานม่า คือการเล่าเรื่องด้วยความจริงใจ ซึ่งฟีดแบ็กที่ผมได้รับจากคนรอบตัวรวมถึงเวลาไปเดินสายต่างประเทศ ทำให้เห็นว่าความรักและความผูกพันในครอบครัวไม่มีกำแพงภาษา หลายคนดูจบแล้วคิดถึงเรื่องของตัวเอง เพราะหนังได้ขับเคลื่อนให้สัมผัสถึงสิ่งนี้โดยไม่รู้ตัว” ไม่ว่าสุดท้ายแสงสปอตไลต์ของออสการ์จะฉายไปยังหนังต่างประเทศเรื่องใด แต่ หลานม่า ได้แสดงถึงศักยภาพของทีมภาพยนตร์ไทยให้โลกได้เห็นแล้ว และได้ส่งข้อความโอบกอดความรักถึง “ครอบครัว” ได้อย่างงดงามที่สุด
อินฟลูเอนเซอร์และแฟชั่นไอคอนิก
ข้ามมาที่เรื่อง “แฟชั่น” บ้าง ถือเป็นปีที่น่าประทับใจของไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารีที่มีบทบาทในวงการแฟชั่นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการปรากฏตัวในงานแฟชั่นวีกในฐานะ Global Brand Ambassador ของ Burberry เช่นที่ London Fashion Week Spring/Summer 2025 ที่ผ่านมา Lefty แพลตฟอร์มออนไลน์ด้าน Influencer marketing ได้รายงานว่าไบร์ทได้สร้างมูลค่าด้านสื่อให้แบรนด์มากกว่า 1.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนั้น เว็บไซต์ The Business of Fashion ได้ประกาศให้ไบร์ทเป็น 1 ใน 500 บุคคลที่มีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นโลกประจำปีนี้ รวมถึงการเป็นศิลปินชายไทยคนแรกที่ได้รับเชิญไป MET Gala 2024 หนึ่งในอิเวนต์สำคัญของวงการแฟชั่น และเชื่อเหลือเกินว่าเส้นทางของไบร์ทยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น ในปีต่อๆ ไป จะเห็นเขาเฉิดฉายกว่านี้แน่นอน
เช่นเดียวกับมิกซ์ เฉลิมศรีที่ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าบทบาทของเธอในวงการบันเทิงจะไปสิ้นสุดตรงไหน จากจุดเริ่มต้นของบิวตี้บล็อกเกอร์ สู่การเป็นอินฟลูเอนเซอร์เบอร์ต้นๆ หลังจากเปิดช่องยูทูบ เฉลิมศรี ที่ปัจจุบันมีผู้ติดตามเกือบ 1.5 ล้านคน และเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งหิ้วหวี กลุ่มเพื่อน LGBTQ+ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมาย ต่อด้วยการกระโจนเข้าวงการเพลงในฐานะนักแต่งเพลงและศิลปินในชื่อ Badmixy ที่มีรายชื่อเพลงฮิตยาวเหยียด ประสบการณ์ทั้งหมดทำให้มิกซ์ก้าวขึ้นไปอีกขั้นด้วยการเปิดค่ายเพลง WanLove Music โดยเปิดรับศิลปินฝึกหัดรุ่นแรกในปีนี้ ซึ่งมีผู้สนใจสมัครกว่า 10,000 คน จากนั้นจะคัดเลือกเหลือ 29 คนสุดท้ายเพื่อเข้าแข่งขันรายการออดิชันรูปแบบ Survival เวทีนี้นับเป็นอีกหนึ่งโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เดินตามความฝัน ดังเช่นเจ้าของค่ายที่พิชิตหลายความฝันของตัวเองได้สำเร็จ และแน่นอนว่านี่ยังไม่ใช่มิชชั่นสุดท้ายของเธอ
ดาวฤกษ์แห่งวงการเพลง
WATCH
2024 นับเป็นขวบปีที่วงการเพลงไทยมีเรื่องตื่นเต้นให้ติดตามแบบไม่หยุดพัก ทั้งศิลปิน T-Pop ที่ออกสูติบัตรแจ้งเกิดกันรัวๆ รวมถึงคอนเสิร์ตที่ชวนให้เสียเงินดูตลอดทั้งปี (พูดง่ายๆ ว่าทำงานหาเงินไม่ทัน) หนึ่งในไฮไลต์คือ PALMY มิตร Universe Concert การกลับมาจัดคอนเสิร์ตใหญ่ในรอบ 12 ปีของปาล์มมี่-อีฟ ปานเจริญ ที่บัตร Sold out ทั้ง 4 รอบการแสดงที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ถ้าไม่นับคุณภาพของการร้องเพลงของปาล์มมี่ที่แข็งแรงสุดๆ หรือกิมมิกในคอนเสิร์ตที่เป็นไวรัลในโลกออนไลน์ต่อเนื่องนานนับสัปดาห์ ตั้งแต่การสุ่มแฟนคลับผู้โชคดีขึ้นมารับทองคำ ประกันชีวิต หรือหลังจบคอนเสิร์ตที่มีข้าวต้มมื้อดึกให้ผู้ชมได้กินก่อนกลับบ้าน (ครีเอทีฟมาก) หนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้คอนเสิร์ตประสบความสำเร็จคือตัวของปาล์มมี่เอง ทั้งคอสตูมที่มีเอกลักษณ์ วิธีการสื่อสารที่ยูนีกจนขโมยหัวใจของแฟนเพลงทุกกลุ่ม โดยเทพนิยายในครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่เธอถามแฟนคลับด้วยข้อความง่ายๆ แต่ให้อารมณ์สนุกๆ ทางอินสตาแกรมว่า “ถ้ามี่มีคอนเสิร์ตใหญ่ อยากทราบว่าจะมากันสักกี่คนคะ จะได้กะถูกค่ะ” หรือข้อความต่อมาว่า “มี่พอจะกะคร่าวคร่าวได้แล้วนะคะ เดือนที่จะจัดเป็นกันยายน วันที่ 7 และ 8 ค่ะ เรื่องสถานที่เราไปนั่งแอร์เย็นเย็นที่อิมแพคกันค่ะ แบบนี้สะดวกกันมั้ยคะ” สุดท้าย คอนเสิร์ตไม่ได้จบที่ 2 รอบเหมือนที่ปาล์มมี่คิด แต่เป็น 4 รอบที่เปิดให้จองปุ๊บ หมดปั๊บ! ถ้ามองเรื่องการตลาด อาจมีหลายปัจจัยที่ทำให้โปรเจกต์นี้พุ่งชนเป้าหมาย แต่บทสรุปข้อใหญ่คือความสามารถและเสน่ห์ที่เต็มเปี่ยมของผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้องเพลงโดยไม่สวมรองเท้าและสร้างความสุขให้แฟนๆ ซึ่งนั่นคือหัวใจของการเป็นศิลปิน
ปิดท้ายด้วยปรากฏการณ์ของลิซ่า-ลลิษา มโนบาล ดาวที่ส่องสว่างมาแล้วหลายปี แต่หนึ่งโมเมนต์สำคัญประจำปี เกิดขึ้นในเช้าวันที่ 28 มิถุนายน 2024 เวลา 7.00 น. (ประเทศไทย) ที่มิวสิกวิดีโอเพลง Rockstar ปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก เป็นช่วงเวลาที่คนทั่วโลกคลิกดูเพลงของเธอพร้อมกัน รวมถึงคนในวงการบันเทิงไทยที่พร้อมใจกันตื่นเช้ามาดูเพลงใหม่ของลิซ่า และหลังจากนั้นไม่นานเราก็เห็นเหล่าซูเปอร์สตาร์ของไทย (และทั่วโลก) โพสต์รูปลิซ่ากับเพลง Rockstar พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จนอาจพูดได้ว่าวันนั้นคือ Lisa Day เธอเป็นทั้งปรากฏการณ์ แรงบันดาลใจ และบทพิสูจน์ว่าฝันที่ยิ่งใหญ่สามารถเป็นจริงได้ แน่นอนว่าคงไม่ใช่ทุกคนที่ไปถึง แต่ถ้าไม่กล้าฝัน เราจะเริ่มต้นจากอะไรล่ะ และทุกครั้งที่ลิซ่าได้รับรางวัลจากเวทีระดับโลก นอกจากขอบคุณครอบครัว เพื่อนร่วมงาน และแฟนคลับ อีกสิ่งหนึ่งที่มักจะได้ยินเธอพูดเสมอก็คือ “ขอบคุณค่ะ” เป็นภาษาไทย ทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้ เชื่อเหลือเกินว่าพวกเราจะอดยิ้มไปด้วยกันไม่ได้
นอกเหนือจากปรากฏการณ์ลิซ่า หลายปีที่ผ่านมาก็มีคนบันเทิงไทยมากมายที่มีโอกาสไปทำงานในอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลก กล่าวได้ว่าพวกเธอและเขาช่วยย่นระยะทางจาก “ในประเทศ” ไปสู่ “ระดับโลก” ให้สั้นลง แต่คำว่า “ทีมไทยแลนด์” ไม่ได้ประกอบด้วยบุคลากรที่ทำงานในวงการบันเทิงเท่านั้น ยังต้องมีการสนับสนุนและการวางแผนอย่างจริงจังจากหน่วยงานภาครัฐ รวมถึงพวกเรา เหล่าคนดู ผู้ชม ผู้ฟัง และแฟนคลับทุกคนซึ่งถือเป็นสมาชิกคนสำคัญของทีมไทยแลนด์ด้วยเช่นกัน
โดยเฉพาะวันนี้ที่ทุกคนมีพื้นที่โซเชียลมีเดียของตัวเอง การวิพากษ์ วิจารณ์ และติชมอย่างสร้างสรรค์ถือเป็นจิ๊กซอว์สำคัญที่จะช่วยส่งพลังให้ศิลปินและอุตสาหกรรมบันเทิงไทยเติบโตและเดินหน้าไปด้วยกัน
ภาพ : Nat Prakobsantisuk, Sootket Jiwpanit, Nucha Jaitip, Getty Images และ Courtesy of the studios
WATCH