LIFESTYLE

รู้จักกับ 5 ภาพยนตร์และซีรี่ส์ว่าด้วยเรื่องราวของผู้มีความหลากหลายสอดคล้องเดือน Pride Month

จะมีซีรี่ส์เรื่องใดบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้ที่บทความนี้

     ในเดือนมิถุนายนนี้นอกจากจะเป็นเดือนที่สำคัญของกลุ่ม LGBTQ+ แล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งเดือนสำคัญที่ร่วมเฉลิมฉลองให้กับผู้มีความหลากหลายรอบด้าน ทั้งในเรื่องเพศ ชนชั้น สีผิว รูปร่าง และอีกมากมาย ทำให้เดือนนี้ถูกขนานนามในอีกชื่อเรียกว่า Pride Month นั่นเอง บทความนี้เราจะพาแฟนๆ ไปย้อนส่องภาพยนตร์และซีรี่ส์ที่ว่าด้วยเรื่องราวของความหลากหลายจากทุกแง่มุม จะมีเรื่องไหนบ้าง สามารถติดตามได้พร้อมกันที่ด้านล่าง

 

 

1. Moonlight (2016)

     เริ่มกันที่ภาพยนตร์เรื่องแรกกับ Moonlight ผลงานการกำกับของ Berry Jenkins ภาพยนตร์แนวดราม่า Coming of Age ที่ว่าด้วยเรื่องราวในแต่ละช่วงชีวิตของชายหนุ่มผิวสีอย่าง “ไชรอน (Chiron)” ที่เติบโตในไมอามี่ เริ่มตั้งแต่เรื่องในวัยเด็กที่ถูกเรียกแทนว่า “Little” ช่วงชีวิตที่เติบโตท่ามกลางการแพร่ระบาดของยาเสพติดในชุมชน ตลอดจนการเรียนรู้ถึงอัตลักษณ์ทางเพศที่มีความหลากหลายของคนในชุมชน ต่อกันที่ช่วงวัยรุ่นที่เขาได้กลับมาใช้ชื่อ “Chiron” ในการดำเนินเรื่องอีกครั้ง ช่วงเวลานี้ตัวละครหลักก็ได้เรียนรู้ถึงความรัก เพศ การค้าประเวณี และความรุนแรงในสังคมที่เกิดขึ้นกับเขาอยู่บ่อยครั้ง และปิดท้ายด้วยช่วงผู้ใหญ่ตอนต้นในฐานะ “Black” ชายหนุ่มที่ต้องเข้ามาพัวพันกับการซื้อขายยาเสพติด ตลอดจนความสัมพันธ์ของครอบครัวที่เป็นปมรอให้เขาได้แก้ไข

     ภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากจะเป็นภาพยนตร์ที่มีบทบาทเข้มข้นจนถึงขั้นคว้ารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลออสการ์แล้ว ยังต้องพูดถึงประเด็นที่ถูกผูกโยงเข้าด้วยกันอย่างซับซ้อน ตั้งแต่เรื่องของเพศ สีผิว ความรัก ชนชั้น ยาเสพติด และครอบครัว ซึ่งเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคมอีกหลายพื้นที่ ทั้งยังสะท้อนให้เราได้เห็นถึงความหลากหลายที่เกิดขึ้นจริงในสังคมอีกด้วย

 

 

2. Orange Is the New Black (2013)

     ถัดมากับซีรี่ส์เรื่อง Orange Is the New Black ที่ฉายครั้งแรกในปี 2013 ดัดแปลงมาจากหนังสือบันทึกความทรงจำเรื่อง “Orange Is the New Black: My Year in a Women's Prison” ของ Piper Kerma ที่ว่าด้วยเรื่องราวขอตัวละครหลักอย่าง “Piper Chapman” หญิงสาวผิวขาวชนชั้นกลางที่ถูกตัดสินจำคุก 15 เดือนในเรือนจำหญิง Litchfield Penitentiary โดยเธอต้องเข้าไปเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของชีวิตในคุก ทั้งยังต้องปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมห้องขังที่หลากหลาย เรียนรู้กฎเกณฑ์และข้อบังคับของเรือนจำ และเผชิญกับอดีตที่ผ่านมาของเธอเอง

     ซีรี่ส์เรื่องนี้นอกจากจะเป็นเรื่องราวที่แฝงไปด้วยความดราม่าและตลกร้ายแล้ว ยังเป็นเรื่องราวที่สอดแทรกเนื้อหาประเด็กสังคมต่างๆ ไว้ได้อย่างน่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นการตั้งคำถามถึงกระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย ระบบเรือนจำที่ไม่เป็นมิตรกับนักโทษหญิง และความหลากหลายทางเชื้อชาติและเพศวิถีที่ตัวละครหลักต้องเผชิญ ด้วยภาพทัศน์การถ่ายทอดที่สมจริง ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้เปรียบเป็นเรื่องราวที่ตีแผ่ความหม่นเทาของเรือนจำหญิงได้ในอีกหนึ่งแง่มุม

 



WATCH




 

3. Parasite (2019)

     หากจะพูดถึงความหลากหลายแล้ว แน่นอนว่าความหลากหลายทางชนชั้นก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมปัจจุบันและมีความเข้มข้นที่ไม่แพ้กับประเด็นความหลากหลายอื่นๆ จนถูกจับมาทำเป็นภาพยนตร์อย่างเรื่อง “Parasite” ให้เราได้เห็นความต่างทางชนชั้นกันแบบชัดเจน ภาพยนตร์เรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวตระกูลคิม ที่เรียกได้ว่าถูกจัดอยู่ในชนชั้นกรรมาชีพ ใช้ชีวิตในห้องใต้ดินอย่างยากลำบาก จนกระทั่งโอกาสก็ได้เข้ามาเยือนลูกชายของบ้าน ที่ถูกทาบทามให้ไปสอนภาษาอังกฤษให้กับครอบครัวเศรษฐี จนทำให้แผนการแบบ “ปรสิต” เริ่มต้นขึ้น ทั้งการหางานให้คนในครอบครัวทำแทบทุกตำแหน่งในบ้านหลังนี้ ลุกลามไปถึงขั้นสวมบทบาทใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบแทนเจ้าของบ้านอย่างแยบยล

     นอกจากเนื้อหาของเรื่องนี้จะมีความเข้มข้นแล้ว ยังสะท้อนให้เราได้เห็นถึงปัญหาโครงสร้างทางสังคมไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางชนชั้น ความเหลื่อมล้ำทางสังคม ตลอดจนความรุนแรงและการก่ออาชญากรรมที่เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบัน และการที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้อย่างถึงพริกถึงขิง ทำให้ Parasite คว้าคะแนนวิจารณ์เชิงบวกไปอย่างล้นหลาม

 

 

4. Shrill (2019)

     ต่อกันที่ Shrill ซีรี่ส์แนวดราม่าที่ออกฉายในปี 2019 เรื่องราวของ Annie Eddy หญิงสาวจากเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ผู้มีงานอดิเรกเป็นการเขียนบล็อกส่วนตัว แต่ด้วยรูปร่างของเธอที่อ้วนทำให้เธอต้องประสบพบเจอกับเรื่องราวอันน่าหดหู่ต่างๆ ไล่ไปตั้งแต่การโดนเลือกปฏิบัติ การโดน Body Shaming การล่วงละเมิดจากสังคม รวมไปถึงการกีดกันทางเพศ ด้วยปัญหาเหล่านี้ทำให้เธอเลือกที่จะค้นหาตัวตนของเธอผ่านงานอดิเรกเพื่อเรียกคืนความมั่นใจ และการยอมรับตัวเอง เพื่อเป็นลบล้างบาดแผลทางจิตใจที่ผู้คนและสังคมโดยรอบฝากไว้ให้เธอ

     ซีรี่ส์เรื่องนี้นอกจากจะนำเสนอเรื่องราวชีวิตประจำวันของแอนนี่ให้เราได้เห็นแล้ว ยังเป็นการนำเสนออีกหนุ่งมุมมองของความหลากหลายในด้านรูปร่างที่ถูกหยิบมาให้กลายเป็นตัวตลกในสังคม ตลอดจนการถูกเลือกปฏิบัติ การล่วงละเมิดที่ตัวละครหลักได้พบเจอ ทำให้เป็นอีกหนึ่งการตอกย้ำว่าไม่ว่าคุณจะรูปร่างแบบไหนหรือเพศอะไร การให้เกียรติซึ่งกันและกันยังคงพื้นฐานในการอยู่ร่วมกันในสังคมเสมอ

 

 

5. Pose (2018)

      ปิดท้ายด้วย Pose ซีรี่ส์น้ำดีอีกหนึ่งเรื่องที่น่าติดตามสำหรับเดือนไพรด์นี้ เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วยชีวิตเหล่า LGBTQ+ ช่วงปี 80s-90s ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในมหานครนิวยอร์ก บทละครสุดตื่นตาในครั้งนี้ถูกนำเสนอผ่านแกนหลักอย่าง “‘Drag Ball” งานที่จัดขึ้นทุกสัปดาห์ให้เหล่าคนข้ามเพศได้เข้ามาแต่งตัวประชันกันแบบจัดเต็ม เพื่อไขว่คว้าหาของรางวัลซึ่งไร้มูลค่า แต่เต็มไปด้วยคุณค่าทางจิตใจ ซีรี่ส์เรื่องนี้ไม่เพียงนำเสนอความสนุกสนานแต่เพียงเท่านั้น ยังบอกเล่าเรื่องของแต่ละตัวละครผ่านฉากหลังอันฉูดฉาดอีกด้วย

     ซีรี่ส์เรื่อง Pose นอกจากจะนำเสนอภาพความบันเทิงของโลกแห่งการแต่งแดร็กแล้ว ยังแฝงไปด้วยแง่มุมต่างๆ ที่ชวนให้เราได้ตั้งคำถามต่อไป ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของการยอมรับกันเองในสังคมของ LGBTQ+ การให้ความสำคัญกับบทบาทและเพื่อนร่วมชุมชน ตลอดจนการต่อสู้ดิ้นรนเพื่อสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศเช่นกัน ทำให้ซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นซีรี่ส์ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่ม LGBTQ+ ที่ทำออกมาได้ครบรสอีกหนึ่งเรื่องเช่นกัน

 

เรื่อง : Worramate Khamngeon
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH