แม้ในช่วงเวลานี้จะยังไม่ปล่อยผลงานเพลงออกมาเป็นเรื่องเป็นราว ทว่าก็ยังมีกิจวัตรประจำวันให้แฟนๆ ติดตามอยู่เสมอกับศิลปินหนุ่มเจ้าของเพลง 'Yummy' อย่าง 'Justin Bieber' ที่หลังจากเจ้าตัวหายหน้าหายตาไปจากวงการเพลงสักพักใหญ่เนื่องจากต้องรักษาโรค 'Ramsay Hunt syndrome' หรือโรคอัมพาตครึ่งซีกให้อาการทุเลาลง จึงจำเป็นต้องยกเลิกทัวร์คอนเสิร์ต 'Justice' ไปโดยปริยายและหันกลับไปพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นฟูอย่างเต็มที่ รูปบนอินสตาแกรมส่วนตัวของจัสตินจึงเป็นรูปกิจกรรมที่เขาได้ทำในช่วงนี้ หรือแม้แต่รูปแอบถ่ายจากเหล่าปาปารัสซี่ก็จะเป็นรูปที่ถ่ายติดเขาอยู่กับภรรยา 'Hailey Bieber' มาตลอดจนกลายเป็นเรื่องขบขันและมีการแซวถึงแฟชั่นของทั้งคู่ด้วยว่าสุดแสนจะคอนทราสต์ราวกับทั้งสองจะเดินทางไปต่างสถานที่อย่างไรอย่างนั้น (ตามไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่บทความ 'Hailey Bieber ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการแต่งตัวลุคต่างกันสุดขั้วกับ Justin Bieber ไปสถานที่เดียวกัน')

 

 

     เพราะเหตุนี้ที่จัสตินมักจะโพสต์รูปของเขาแทบจะเรียลไทม์ทุกครั้ง ทำให้หลายคนต่างสะดุดตากับโพสต์หนึ่งที่เขาโพสต์อัลบั้มรูปเมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา ดูผ่านๆ แล้วอาจจะเป็นรูปปกติแต่หากเลื่อนดูรูปด้านในแล้วจะมีสองรูปที่จัสตินถ่ายเซลฟี่ตัวเองในขณะที่เขากำลังร้องไห้ พร้อมมีรูปอื่นๆ ที่ต่างสไตล์จนเหล่าแฟนคลับยากที่จะคาดเดาถึงสาเหตุได้ว่าเขาร้องไห้เพราะอะไร หลายคนจึงนำรูปดังกล่าวไปแชร์เป็นจำนวนมากว่าเพื่อหาถึงสาเหตุที่แท้จริงของหยดน้ำตาศิลปินหนุ่มคนนี้ บ้างก็ว่าจัสตินได้จบสัมพันธ์รักกับเฮลีย์แล้ว บ้างก็ว่าจัสตินกำลังเสียใจในการสูญเสียเพื่อนสนิทของเขา เรื่อยไปจนถึงการที่ผู้คนกล่าวหาว่าเขาอาจเสพกัญชาเกินขนาดจนทำให้เกิดภาพหลอนและร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีสาเหตุก็เป็นได้้ แต่ประเด็นแรกที่ชาวเน็ตตั้งขึ้นมาก็ถูกไขข้อสงสัยในทันทีเมื่อเฮลีย์โพสต์สตอรี่และคอมเมนต์ในอินสตาแกรมของเขาเพื่อแสดงตัวตนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ได้เกิดความระหองระแหงกันแต่อย่างใด ประเด็นสองอย่างหลังจึงยังถูกถกเถียงกันในโลกออนไลน์ไม่จบสิ้น

 

 

     แม้จะยังไม่มีท่าทีว่าจัสตินจะออกมาชี้แจงถึงสาเหตุของรูปดังกล่าว แต่ในมุมของผู้เขียนมีความเห็นว่าการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยหรือการให้กำลังใจในขอบเขตทีี่พอดีถือเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ แต่หากกล่าวหาจำเลยว่าเขาร้องไห้เพราะเหตุนั้น เขาเสียใจเพราะเหตุนี้ ทั้งที่ยังไม่รู้แน่ชัดด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวเสียน้ำตาเพราะความเสียใจหรือดีใจเกินเหตุหรือไม่ การเสพข่าวอย่างมีวิจารณญาณในยุคนี้ถือเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึงและหยุดคาดเดาในสิ่งที่ยังไม่รู้จากปากเจ้าตัวเสียดีกว่า เพราะบางทีมันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้...