LIFESTYLE

สัมผัส 'อาการคลั่งรัก' ผ่านบทเพลง ความโรแมนติกในยุคจอขาวดำ เมื่อความรักแสดงออกโต้งๆ ไม่ได้

'คลั่งรัก' อาการสุดฮิตที่มีมาเเต่อดีต ร่วมสัมผัสกลิ่นอายของความโรแมนติกผ่านบทเพลงจากยุค 60s

'อาการคลั่งรัก' เป็นอาการที่บุคคลหนึ่งแสดงออกถึงความชอบที่มีต่ออีกฝ่ายอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์หรือสิ่งของ ต่างก็สามารถนำเอาความคลั่งรักมาใช้ได้ ซึ่งในแต่ละความสัมพันธ์ก็มักแสดงออกของอาการนี้แตกต่างกันไป ไม่เพียงแต่คู่รักเท่านั้น แต่รวมไปถึงความสัมพันธ์แบบเพื่อน พี่-น้อง แม้กระทั่งแฟนคลับ-ศิลปิน

ในเชิงจิตวิทยาแล้ว “อาการคลั่งรัก” หรือ Limerence เป็นคำศัพท์ที่ถูกบัญญัติขึ้นมาในปี ค.ศ. 1979 โดย Dorothy Tennov ในหนังสือ ‘Love and Limerence : The Experience of Being in Love’ โดโรธีได้กล่าวไว้ว่า อาการคลั่งรักเป็นอาการที่ตื่นขึ้นในตัวเราอันเกิดจากการตกหลุมรัก ผู้ที่อยู่ในอาการคลั่งรักมักจะแสดงออกถึงความลุ่มหลง คลั่งใคล้ และมักถูกกระตุ้นความรู้สึกนี้จากคนที่เราคลั่งรักอยู่เสมอ ถึงแม้จะฟังดูเป็นสิ่งที่ดีต่อความสัมพันธ์แต่ ‘อาการคลั่งรัก’ หากมากเกินไปอาจจะกลายเป็นความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship) ได้

ผู้เขียนเลยจะพาแฟนๆ ไปสัมผัสกับความคลั่งรักรูปแบบต่างๆ ที่มักพบเจอในช่วงปี 60s ยุคที่โทรทัศน์ยังเป็นจอขาวดำและราคาสูง ทำให้ผู้คนเลือกที่จะเสพความบันเทิงผ่านบทเพลง อันเป็นรูปแบบที่สามารถหาฟังได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นจากเสียงตามสาย วิทยุพกพา หรือการร้องร่ำทำเพลงด้วยตนเอง จน ‘เพลง’ ได้ถูกนำมาเป็นตัวแทนการสื่อสาร และแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความคลั่งรักที่ผู้เขียนสัมผัสได้



WATCH





  • ความคลั่งรักฉบับ Long Distance Relationship

ความรักทางไกลนั้นไม่ได้เพิ่งมีเมื่อไม่นานมานี้ แต่กลับมีมาตั้งแต่อดีตและอาจย้อนกลับไปได้อีกไกลทีเดียว ซึ่งอาจจะเป็นเพราะเทคโนโลยีการสื่อสารนั้นยังไม่ได้สะดวกสบายเท่าปัจจุบันทำให้คู่รักที่ต้องแยกจากกันต่างก็คิดถึงกัน ดังเช่นในเพลง “รักข้ามขอบฟ้า - ศรีไศล สุชาตวุฒิ” บทเพลงของคนคลั่งรักแต่ต้องอยู่ห่างกัน ผู้เขียนสัมผัสได้ว่าความรักของทั้งสองคนผ่านบทเพลงนั้นช่างโรแมนติกยิ่งนัก เพราะต่อให้อยู่ห่างกันคนละฟากฟ้า แต่ความกว้างใหญ่ของท้องฟ้านั้นก็ไม่อาจลดความรู้สึกที่มีให้กันได้เลยอย่างท่อนที่ร้องว่า ขอบฟ้า เหนืออาณาใดกั้น ใช่รักจะดั้น ยากกว่านกโบยบิน รักข้ามแผ่นน้ำรักข้ามแผ่นดิน เมื่อความรักดิ้น ฟ้ายังสิ้นความกว้างไกล

  • คนคลั่งรักแบบ “ขั้นสุด”

ที่สุดของความคลั่งรักสุดโรแมนติกในยุค 60s คงต้องขอยกให้กับเพลง “ยังจำได้ไหม - รวงทอง ทองลั่นธม” บทเพลงที่ทำให้ผู้เขียนสัมผัสได้ถึงความรักที่ไม่อาจจะปิดกั้นและเก็บงำทิ้งไว้ได้อีก เช่นท่อนหนึ่งของเพลงที่ร้องว่า คุณชมดวงตาว่าสุกเหมือนดาว คุณชมผิวสาวว่าขาวเหมือนนุ่น คุณชมกลิ่นแก้มว่าหอมละมุน ซ้ำชมว่าอุ่นยามหนุนอุรา” ทำให้เห็นว่าผู้คนในสมัยนั้นมักเปรียบเรือนร่างของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่สวยงาม และเหนือความคาดหมายออกไป ยังมีอีกท่อนที่ร้องว่าซึ่งคุณเพ้อว่า เป็นยอดบูชา ของ คุณ...” ทำให้ผู้เขียนสัมผัสได้ทันทีว่าเรื่องราวความรักตามเพลงนี้นั้น ช่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่หอมหวานจนอยากเก็บอีกฝ่ายไว้เป็นของบูชาเลยทีเดียว


  • คลั่งรัก “แบบไม่รู้ตัว”

นอกจากความโรแมนติกที่ผู้เขียนสัมผัสได้แล้ว ยังพบเจอความน่ารักเล็กๆ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในบทเพลงของคนคลั่งรักเช่นกัน อย่างเพลง “มั่นใจไม่รัก – รวงทอง ทองลั่นธม” ที่เผยความโรแมนติกสุดน่ารักออกมา เพราะความรักจากเพลงนี้เป็นเพลงที่เจอตัวตกหลุมรักอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ทำเป็นไม่รู้สึก แต่ยังคงคอยพร่ำเพ้อถึงอีกฝ่ายอยู่เสมออย่างท่อนที่ร้องว่า หลับตาก็คอยแต่ใฝ่ฝัน พร่ำเพ้อรำพันถึงตัวเขานั้นมั่นหมาย ดูรึใจหักใจเพียงใดไม่วาย” และ“เลือดในกาย ฉีดแรงทั่วไปทั้งหน้า ดั่งไฟเผาในวิญญารุมร้อนทั่ว กายา มิคลาย” จากทั้งสองท่อนนี้พอได้ลองฟังดูจึงทราบได้ในทันทีว่า คนๆ นี้ ตกหลุมรักอีกฝ่ายจนยากจะถอนตัว


  • คลั่งรักถึงขั้นมอบชีวิตให้กันได้

อีกหนึ่งรูปแบบของความคลั่งรักที่ผู้เขียนได้พบเจอผ่านบทเพลงก็คงเป็นรูปแบบที่อาจจะดูน่ากลัวไปสักนิด แต่พบเห็นได้ทั่วไปในบทเพลงยุคนั้น ด้วยความเชื่อและศรัทธาที่สูงในความรัก ทำให้การที่คนรักกันสามารถตายแทนกันได้นั้นเป็นเรื่องปกติมากในช่วงเวลาดังกล่าว เช่นเพลง “เพ้อ - สุเทพ วงศ์กำแหง” ในท่อนที่ร้องว่า “เห็นเธอระทมขมขื่นตื้นตัน แล้วฉันยิ่งตรมขมขื่นกว่าเธอ ฟ้าสิ้นดินหล่ม ขาดลมแรงเพ้อ หากใครแกล้งเธอ ฉันนี้จะยอมตายแทน” ผู้เขียนรับรู้ได้ทันทีว่าความรักของทั้งคู่มากเกินจินตนาการ ถึงขั้นที่ถ้าเกิดอีกฝ่ายทุกข์ทรมาน เราก็พร้อมที่จะมอบชีวิตให้แทนได้


รูปแบบความคลั่งรักเหล่านี้ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความโรแมนติกในยุค 60s ที่ผู้เขียนสัมผัสได้ ผ่านมรดกที่ถูกส่งต่อกันมาอย่าง ‘บทเพลง’ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของแนวคิด กลิ่นอายของวัฒนธรรมที่ยากจะย้อนกลับไปสัมผัส ถึงแม้ในปัจจุบันมุมมอง 'ความคลั่งรัก' อาจจะเปลี่ยนไปตามช่วงสมัย แต่ความรักที่ ‘พอดี’ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ เเล้วความรักของคุณล่ะเป็นแบบไหน

WATCH