LIFESTYLE

บทเพลง California Dreamin' ท่วงทำนองรักของหว่อง กาไวใน Chungking Express

ภาพฝันและความหมายอันลึกซึ้งผ่านบทเพลงที่สะกดหัวใจให้รับรู้ถึงตัวละคร

       ‘Age Well’ คือคำที่เหมาะสมอย่างมากสำหรับใช้ในการจำกัดความของภาพยนตร์เรื่อง Chungking Express เพราะหากย้อนกลับไปในปี 1994 ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย โดยเฉพาะในบ้านเราที่มีการตั้งชื่อไทยว่า ‘ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง’ ก็ยิ่งเป็นการง่ายที่จะทำให้ผู้ชมเข้าใจผิด คิดไปว่านี่คือภาพยนตร์แอ็กชั่นสไตล์ฮ่องกงที่คุ้นเคย ทว่าเมื่อได้รับชมตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง 42 นาทีของเรื่องราวในแผ่นฟิล์ม กลับเต็มไปด้วยซุ่มเสียงอันเงียบงันของความเหงา อีกทั้งตัวหนังยังมีรูปแบบการเล่าที่ถือว่าแปลกใหม่ (ในยุคสมัยดังกล่าว) ด้วยการแบ่งเรื่องออกเป็น 2 ตอนที่แทบจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันเลย นอกจากบรรยากาศและสถานที่ที่ใช้ร่วมกัน อย่างไรก็ตามเมื่อกาลเวลาผ่านไป Chungking Express ถูกหยิบกลับมาฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ชมได้ซึมซับเรื่องราวด้วยมุมมองที่ต่างไปจากเดิม จึงได้ค้นพบถึงความคมคายในการนำเสนอของผู้กำกับ Wong Kar-wai 

       Chungking Express บอกเล่าเรื่องราว 2 เรื่องที่เกิดขึ้นในย่าน Tsim Sha Tsui เกาะฮ่องกง ช่วงทศวรรษ 90 เมื่อนายตำรวจหมายเลข 223 นำแสดงโดย Takeshi Kaneshiro ถูกแฟนสาวบอกเลิกในวัน April Fool’s Day เขาตัดสินใจซื้อสับปะรดกระป๋องซึ่งเป็นของโปรดของแฟนสาวที่ชื่อ ‘เมย์’ ที่จะหมดอายุวันที่ 1 ‘พฤษภาคม’ ซึ่งตรงกับวันเกิดของเขา มาเก็บไว้ทุกวันจนกว่าเธอจะกลับมา จนวันหนึ่งเขาได้พบกับสาวผมทองลึกลับ นำแสดงโดย Brigitte Lin ก่อนที่ทั้งคู่จะสานสัมพันธ์อันคลุมเครือในช่วงระยะเวลา 1 คืน และแยกย้ายจากกันไปเมื่อพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาพ้นขอบฟ้า

       อีกเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของ ตำรวจหมายเลข 623 นำแสดงโดย  Tony Leung ที่มักจะไปซื้อของกินให้แฟนสาวที่เป็นแอร์โฮสเตสกินจากร้านประจำร้านหนึ่ง ซึ่งร้านดังกล่าวมี ‘อาเฟย’ นำแสดงโดย Faye Wong หลานสาวเจ้าของร้านมาช่วยงานอยู่บ่อยๆ และที่สำคัญคือเธอแอบรักนายตำรวจหมายเลข 623 อยู่ในขณะต่อมานายตำรวจคนนี้ก็กลายเป็นหนุ่มอกหักเมื่อได้รู้ว่าแฟนสาวได้ทิ้งเขาไป ความเหงาเข้าครอบงำจิตถึงขั้นพูดคุยกับสิ่งของในห้อง ส่วนอาเฟยก็พยายามทำทุกทางเพื่อใกล้ชิดกับคนที่เธอหลงรักให้ได้

       ต้องชื่นชมชั้นเชิงในการเล่าเรื่องของ Wong Kar-wai เพราะหากตัดสินจากแค่พล็อตเรื่อง Chungking Express ก็ดูไม่ต่างจากภาพยนตร์รักทั่วไป แต่ด้วยบรรยากาศเกาะฮ่องกงที่สร้างสรรค์ขึ้นมาให้ดูมีความกึ่งจริงกึ่งฝัน ที่ในมุมหนึ่งก็ดูวุ่นวายโกลาหล แต่อีกมุมหนึ่งก็ดูเหงาจับใจ เมื่อมาผสมเข้ากับบทสนทนาของตัวละครที่มีเสน่ห์น่าค้นหา ดึงดูดผู้ชมให้จมสู่เรื่องราวในแผ่นฟิล์มราวกับต้องมนตร์ Chungking Express จึงกลายเป็นภาพยนตร์ที่ตราตรึงใจอย่างไม่รู้ลืม



WATCH




       อีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เรื่องราวของ Chungking Express ลุ่มลึกยิ่งขึ้นไปอีก และบทความนี้อยากหยิบยกมากล่าวถึงเป็นพิเศษคือเพลงประกอบ โดยเฉพาะเพลง California Dreamin’ ผลงานคลาสสิกจาก The Mamas & the Papas ที่ตัวละครอาเฟยมักจะเปิดฟังเป็นประจำราวกับเป็นท่วงทำนองแห่งเรื่องราวที่ไหลไปอย่างเนื้อเพลงที่ว่า ‘California dreamin' (California dreamin') On such a winter's day’ 

       นอกจากความไพเราะอย่างไม่เสื่อมคลายแม้กาลเวลาจะผ่านมาหลายทศวรรษแล้ว บทเพลงนี้ยังแฝงไว้ด้วยนัยยะที่ Wong Kar-wai ไม่อยากบอกผู้ชมตรงๆ แต่อยากให้ตีความหรือรับรู้ได้เองด้วยความรู้สึก อาเฟยจึงเป็นตัวละครที่เปรียบเสมือนตัวแทนของคนหนุ่มสาวฮ่องกงในทศวรรษ 90 ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เต็มไปด้วยความฝัน แต่พวกเขากลับไม่สามารถฝันได้อย่างเต็มที่ด้วยความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การเมือง เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นรอยต่อที่อังกฤษกำลังจะส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนให้กับประเทศจีน เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นจะเป็นอย่างไร จะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลง ก็ไม่มีใครคาดเดาคำตอบได้ จึงไม่แปลกที่หนุ่มสาวฮ่องกงจะใฝ่ฝันถึงชีวิตที่ดีขึ้นนอกเกาะแห่งนี้ ดังนั้นตลอดทั้งเรื่องอาเฟยจึงหมกมุ่นอยู่กับแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา และเพลง California dreamin'  ที่เธอเปิดฟังตลอด เพื่อต้องการหลบหนีจากโลกความจริงอันโหดร้าย ปล่อยใจให้เฝ้าฝันถึงชีวิตที่ดีกว่า ณ ดินแดนแสนไกล อย่างเช่นท่อนหนึ่งของเนื้อเพลงที่ว่า ‘I'd be safe and warm (I'd be safe and warm) If I was in L.A. (if I was in L.A.)’  แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ได้เดินทางไปที่แคลิฟอร์เนีย ดินแดนแห่งความฝันของเธอ โดยทิ้งให้นายตำรวจหมายเลข 623 รอเธออยู่ที่ร้านอาหาร ‘แคลิฟอร์เนีย’  

       นอกจากอาเฟยแล้ว บทเพลง California Dreamin’ ยังเป็นภาพสะท้อน ‘การหลุดพ้น’ ของเหล่าตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง เพราะไม่ว่าจะเป็นนายตำรวจหมายเลข 223 นายตำรวจหมายเลข 623 หรือสาวผมทองลึกลับ ทุกคนต่างมีบ่วงพันธนาการที่ยึดโยงเหนี่ยวรั้งให้ชีวิตค่อยๆ ดำดิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามในตอนสุดท้ายนายตำรวจหมายเลข 223 ก็สามารถทำใจยอมรับได้ว่าแฟนสาวทิ้งเขาไปแล้วจริงๆ และสามารถก้าวเดินต่อไปได้โดยทิ้งหยาดน้ำตาและสับปะรดกระป๋องเอาไว้เบื้องหลัง เช่นเดียวกับนายตำรวจหมายเลข 623 ที่ใช้ความเจ็บปวดขับเคลื่อนชีวิตด้วยการลาออกจากงานและเซ้งร้านอาหารเจ้าประจำมาดำเนินกิจการต่อ  เฝ้ารออาเฟยที่เดินทางไปดินแดนแสนไกลอยู่ ณ ที่แห่งนั้น ก่อนที่เธอจะกลับมาหาเขาในตอนสุดท้าย 

       “ทุกที่ๆ เธอต้องการ” นายตำรวจหมายเลข 623 กล่าวกับอาเฟยหลังจากที่ทั้งคู่กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเธอบอกกับเขาว่าแคลิฟอร์เนียไม่ได้น่ามหัศจรรย์ขนาดนั้น วินาทีนั้นดินแดนแห่งความฝันของพวกเขาจึงไม่ใช่แคลิฟอร์เนียอีกต่อไป แต่คือการหนีไปจากที่นี่ ให้พ้นจากวิถีชีวิตที่ดูไร้ซึ่งความหวัง สู่ดินแดนใหม่ที่ไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อยว่าจะเป็นที่ใด ส่วนสาวผมทองก็ได้กลับไปสะสางบัญชีแค้นตามปรารถนา ก่อนที่เธอจะก้าวเดินต่อไปตามวิถีแห่งชีวิตเช่นกัน

   

       ปิดท้ายด้วยแง่มุมเชิงการเมืองที่ผู้กำกับ Wong Kar-wai แฝงเอาไว้ในบทเพลง California Dreamin’ โดยในช่วงปี 1994 ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉาย เกาะฮ่องกงในตอนนั้นกำลังเผชิญกับสภาวะที่วัฒนธรรมตะวันตกถาโถมเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง จนจารีตดั้งเดิมเริ่มถูกกลืนหายไป เหล่าคนหนุ่มสาวมีความฝันที่แตกต่างไปจากเดิม พวกเขาหันมายึดถือวิถี American Dream หรือความฝันของชาวอเมริกัน California Dreamin’ จึงเป็นภาพสะท้อนของการกลืนกินดังกล่าวได้เป็นอย่างดี แต่การนำเสนอของ Wong Kar-wai ไม่ได้มีธงคำตอบที่ตายตัว หรือบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นดีหรือแย่ เขาปล่อยช่องว่างตรงนี้เอาไว้ในผู้ชมได้ขบคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง

ภาพ : SCMP, IMDb, Lwlies, Adaymagazine, Filmmakermagazine, Sahamongkolfilm
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim

WATCH