อีกหนึ่งความบันเทิงที่ถูกถ่ายทอดมาจากยุควินเทจซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงขึ้นในปัจจุบันคงต้องพูดถึง “เครื่องเล่นแผ่นเสียง” ซึ่งเรามักจะเห็นผ่านตากันอยู่บ่อยครั้ง โดยภาพจำแรกของใครหลายคนคงนึกถึงกล่องไม้สี่เหลี่ยมพร้อมกับปุ่มบุดและก้านเข็มเล่นเพลงเก่าๆ เป็นแน่ แต่เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นล่าสุดนี้ เรียกได้ว่าแหกกรอบความวินเทจไปแบบสุดขั้ว

 

     

     เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ว่านี้คือ “Turntable II” ซึ่งเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่ถูกพัฒนามาโดย “Brian Eno” นักดนตรีชาวอังกฤษที่ครั้งหนึ่งเขาได้สร้างสรรค์เครื่องเล่นแผ่นเสียงแบบเรืองแสงมาก่อนหน้านี้ ก่อนที่จะนำมันกลับมาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง พร้อมส่งต่อภาพลักษณ์ใหม่ๆ ของอุปกรณ์ความบันเทิงสู่กลุ่มคนรักแผ่นเสียงให้สัมผัสกันทั่วโลก

 

 

     ความโดดเด่นของเครื่องเล่นแผ่นเสียง Turntable II คือในเรื่องของดีไซน์ที่มีความมินิมัล และความร่วมสมัย อีกทั้งยังมาพร้อมกับโทนสีเรืองแสงสุดสดใสที่เชื่อว่าใครต่างได้เห็นต้องประทับใจ โดยเทคนิคสำคัญที่ถูกนำมาใช้ในการออกแบบนี้เป็นการนำเอาหลอดไฟ LED ที่สามารถเปลี่ยนสีได้ตามอิสระ มาใส่ไว้ในส่วนกลางที่ถูกเจาะรูไว้เล็กๆ สำหรับแสงไฟที่ส่องออกมาได้ ซึ่งเครื่องเล่นแผ่นเสียงนี้สามารถเปลี่ยนได้หลายสี เช่น สีชมพู สีน้ำเงิน สีเขียว และสีเหลือง

 

 

     นอกจากจุดเด่นในเรื่องของงานดีไซน์แล้วไบรอันก็ยังคงเติมเสน่ห์ของการเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงไว้แบบจัดเต็ม เพราะนอกจากจะเล่นแผ่นเสียงไวนิลคุณภาพสูงแล้ว เครื่อง Turntable II นี้ ยังสามารถใช้เล่นคู่กับแผ่นเสียงที่ทำออกมาสำหรับแนวเพลง Lo-Fi หรือเเนวเพลงที่เน้นไปที่เสียงเพลงเคล้าไปกับเสียงบรรยากาศแบบเรียลๆ อีกด้วย แต่ความพิเศษของ Turntable II ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นดังกล่าวยังถูกผลิตมาจากอะคริลิก ซึ่งเป็นดีเอ็นเอของ Turntable ในรุ่นแรก โดยในรุ่นล่าสุดนี้สามารถใช้เล่นแผ่นเสียงได้ทั้งความเร็วที่ 33 และ 45 RPM และยังมาในรูปทรงกลมที่ต่างจากเครื่องเล่นเสียงแบบทั่วไปที่มักมาในรูปทรงฐานสี่เหลี่ยม

 

 

     ปัจจุบันเครื่องเล่นแผ่นเสียง Turntable II ถูกจัดแสดงไว้ที่ Paul Stolper Gallery ณ กรุงลอนดอน โดยจัดแสดงไว้ถึงวันที่ 4 มีนาคม 2567 นอกจากนี้เครื่องรุ่นนี้จะถูกผลิตออกมาเพียง 150 เครื่องเท่านั้น ซึ่งในแต่ละเครื่องจะมีระบุตัวเลขไว้ใต้ฐานเครื่องเล่นอีกด้วย ในส่วนของราคา Turntable II นั้น มีราคาอยู่ที่ราว 20,000 ปอนด์ หรือราวๆ 900,000 บาทไทย ถือเป็นเครื่องเล่นเพลงที่ราคานั้นคุ้มค่ากับดีไซน์ที่นอกจากจะสะดุดตาแล้ว ยังซื้อเป็นของสะสมได้อีกด้วย