LIFESTYLE
เรื่องราวหลังม่านการเข้าร่วมศึกดวลความเร็ว F1 ในปี 2026 ของ Porsche และ Audiเมื่อ Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า Porsche และ Audi จะเข้าร่วมศึก F1 ในปี 2026 พวกเขาเล็งเห็นอะไร และสิ่งใดคือเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน! |
ด้วยมูลค่าการตลาดที่มากกว่าปีละ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแข่งขันรถสูตร 1 หรือ Formula 1 (F1) คือศึกดวลความเร็วที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก แบรนด์รถยนต์หรูมากมายต่างลงทุนปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อจับจองพื้นที่ส่งรถภายใต้ป้ายชื่อของตนลงทำการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็น Ferrari, Aston Martin, Alfa Romeo, หรือ Mercedes อย่างไรก็ตามกลับไม่ปรากฏชื่อ Porsche และ Audi สองแบรนด์ยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เห็น สำหรับ Porsche ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาผลิตเครื่องยนต์เข้าแข่ง F1 ต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 1991 ส่วน Audi นั้นไม่เคยเข้าร่วม F1 เลยแม้แต่ครั้งเดียว
เหตุผลสำคัญคือพวกเขาไม่เล็งเห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น เนื่องจากจุดประสงค์สำคัญของการเข้าร่วม F1 คือการโฆษณาเพื่อหวังกระตุ้นยอดขายของแบรนด์ ทว่าก็ต้องแลกด้วยเงินลงทุนปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทั้ง Porsche และ Audi ภายใต้ชายคา Volkswagen พอใจกับยอดขายอยู่แล้ว จึงไม่อยากเดินเข้าสู่ความเสี่ยง อย่างไรก็ตามทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อ Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen ได้ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า Porsche และ Audi จะเข้าร่วมศึก F1 ในปี 2026 พวกเขาเล็งเห็นอะไร และสิ่งใดคือเหตุผลเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งนี้ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกันได้ในบทความนี้
ภาพจากสารคดี Formula 1: Drive to Survive / ภาพ: Netflix
โอกาสที่ต้องคว้าไว้
แม้ศึกการแข่งขัน F1 จะถือกำเนิดขึ้นมากว่า 7 ทศวรรษตั้งแต่ปี 1950 ทว่าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ การแข่งขันอันยาวนานที่ความนิยมของผู้ชมน่าจะทรงตัวนิ่งๆ แล้ว กลับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ราคาตั๋ว F1 Grand Prix ที่จัดขึ้นที่ไมอามี่ ในตลาดมือสองสูงถึงใบละ 1,342 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแพงกว่าตั๋วรอบชิงชนะเลิศ NBA, Stanley Cup และ World Series เสียอีก นอกจากนั้นในปี 2021 ศึก F1 พลิกกลับมาทำกำไรได้กว่า 92 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งๆ ที่ในปีก่อนหน้าขาดทุนไปกว่า 386 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้อยู่ๆ ตลาด F1 ที่ซบเซาเป็นขาลงมาหลายปี เปลี่ยนเป็นขาขึ้นภายในระยะเวลาสั้นๆ คือความนิยม โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องยกเครดิตให้กับซีรี่ส์สารคดีเรื่อง Formula 1: Drive to Survive ที่ออนแอร์ทางแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง Netflix
“F1 กำลังพัฒนาไปทั่วโลกในเชิงบวกอย่างมาก บวกกับสารคดีทางทำให้ F1 เติบโตขึ้นอย่างมากในสหรัฐอเมริกา” Herbert Diess ซีอีโอของ Volkswagen กล่าว และนอกจากนี้ Brett Goldberg ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอร่วมของ TickPick ยังได้กล่าวอีกว่า “ความตื่นเต้นเร้าใจที่ถูกถ่ายทอดผ่านสารคดีเน็ตฟลิกซ์ทำให้ความนิยมคลั่งไคล้ในกีฬาชนิดนี้หลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกาอย่างมหาศาล” ไม่น่าเชื่อว่าสารคดีเพียงเรื่องเดียวสามารถส่งอิทธิพลได้มากถึงเพียงนี้ แต่ทุกอย่างก็เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งนี่คือโอกาสที่ทาง Volkswagen เล็งเห็น และเป็นที่มาของคำประกาศกร้าวว่า Porsche และ Audi จะเข้าร่วมศึก F1 ในปี 2026
การแข่งขัน Formula 1 / ภาพ: Pinterest
เส้นทางที่ไม่ง่าย
แม้จะตัดสินใจว่าต้องการเข้าร่วม ทว่า Formula 1 ไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่ใครนึกอยากจะมานึกยากจะไปเมื่อไรก็ได้ ตรงกันข้ามนี่คือศึกดวลความเร็วที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก มีฐานผู้ชมหลายสิบล้าน เงินรางวัล รายได้ และเดิมพันที่มีมหาศาล ข้อตกลง Concorde ปัจจุบันกำหนดไว้ว่าหากมีทีมใหม่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขัน Formula 1 จำเป็นต้องจ่ายเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อให้ได้ตำแหน่งบนกริด แม้เงินจำนวนนี้จะไม่ได้มากเกินกำลังของ Volkswagen ทว่าพวกเขาก็ไม่ต้องการลงทุนด้วยเงินก้อนโตขนาดนั้น ในเมื่อยังมีทางเลือกที่ลงทุนน้อยกว่า และได้ประโยชน์มากกว่า
“พวกเราเห็นว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับ Porsche และ Audi ที่จะเข้าร่วม F1 และตอนนี้กำลังจัดลำดับความสำคัญกันอยู่ ตอนนี้ทุกอย่างคืบหน้ามากๆ เหลือเพียงการตัดสินใจในอีกบางประเด็นเท่านั้น” Diess กล่าวระหว่างการประชุมในเมืองโวล์ฟบวร์ก ประเทศเยอรมนีเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2022 เส้นทางสู่ Formula 1 ที่มีโอกาสเป็นไปได้คือการที่ Porsche จะร่วมมือกับ Oracle Red Bull Racing แทนที่ Honda ในฐานะผู้ผลิตเครื่องยนต์ และสำหรับ Audi ตามข่าวลือที่ออกมาคือพวกเขาประสงค์ที่จะซื้อทีม McLaren ที่ในระยะหลังประสบปัญหาทางการเงิน ด้วยข้อเสนอประมาณ 556.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แม้มันจะสูงกว่าการจ่าย 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อซื้อตำแหน่งบนกริด ทว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับการต้องเริ่มใหม่จากศูนย์ กับ 556.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีทุกอย่างพร้อมสรรพอยู่แล้ว มองมุมไหนแบบหลังก็คุ้มค่ากว่า อย่างไรก็ตามไม่มีคำตอบที่แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในการให้สัมภาษณ์ ดังนั้นความเป็นไปได้จึงยังค่อนข้างเปิดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อทีม หรือการสร้างทีมเอง
WATCH
ภาพจำลองตัวรถหาก Porsche เข้าร่วมศึก F1 ในปี 2026 / ภาพ: Motosport
ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมต้องรอถึงปี 2026 ประเด็นนี้ดูเหมือนจะมีคำตอบที่ชัดเจนมากกว่า เนื่องจากปี 2026 จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญขึ้นกับศึก F1 คือกฎการใช้เครื่องยนต์ที่จะต้องใช้เชื้อเพลิงที่ยั่งยืน 100% และขับเคลื่อนเครื่องยนต์ด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 50% การเปลี่ยนแปลงกฎข้อดังกล่าวจะทำให้ทุกทีมเหมือนเริ่มต้นใหม่พร้อมกันหมด และหาก Porsche และ Audi ใช้โอกาสนี้ที่เหล่าทีมมหาอำนาจอื่น ๆ กำลังมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการแข่งขันฤดูกาลปัจจุบัน ล่วงหน้าพัฒนาเครื่องยนต์รูปแบบใหม่ขึ้นมาก่อนใคร นับเป็นกลยุทธ์ช่วงชิงความได้เปรียบที่น่าสนใจไม่น้อย “คุณไม่สามารถตามทีมอื่นได้ทันเมื่อคุณเป็นน้องใหม่ที่เข้าร่วม อาจต้องใช้เวลา 5 หรือ 10 เพื่อก้าวขึ้นสู่ทีมแถวหน้า กล่าวอีกนัยหนึ่ง คุณมีโอกาสขึ้นเป็นผู้นำได้ก็ต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎสำคัญ สิ่งนี้กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2026 เมื่อเครื่องยนต์จะถูกขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าในระดับที่มากขึ้น รวมถึงเชื้อเพลิงสังเคราะห์ด้วย นั่นหมายความว่าทุกทีมต้องเริ่มพัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ ดังนั้นสิ่งนี้จึงมีบทบาทอย่างมากสำหรับการตัดสินใจเข้าร่วมในปี 2026” Diess กล่าว
การแข่งขัน Formula 1 / ภาพ: Thailand Super Series
การเดิมพันที่น่าเสี่ยง
จากที่เล่าที่มาทั้งหมดชัดเจนว่าการเข้าร่วมศึก F1 นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อีกทั้งยังต้องลงทุนมหาศาล ดังนั้นการที่ Porsche และ Audi ยอมทุ่มขนาดนี้ พวกเขาย่อมเล็งเห็นผลว่าการเดิมพันเกมนี้มันน่าเสี่ยงไม่น้อย โดยประการแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2022 เป็นต้นไป ฝ่ายจัดการแข่งขันได้เปลี่ยนกฎข้อสำคัญที่ส่งผลอย่างมากต่อการแข่งขัน จากเดิมที่ทุกทีมสามารถใช้งบประมาณทำทีมต่อปีอย่างไม่จำกัด มาเป็นกำหนดเพดานงบประมาณ หรือที่เรียกว่า ‘Cap’ โดยแต่ละทีมห้ามใช้งบประมาณทำทีมเกินกว่า 145 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี เพื่อให้การแข่งขันสนุกสูสียิ่งขึ้น และสิ่งนี้เป็นผลพลอยได้สำหรับ Porsche และ Audi ที่พวกเขาไม่จำเป็นต้องเสี่ยงทุ่มงบก้อนโตเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง
ประการที่สองคือนอกจากเงินรางวัลหลักร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับทีมผู้ชนะแล้ว พวกเขาเล็งไปที่การสร้างรายได้จากสปอนเซอร์ เช่นเดียวกับทีม F1 ชื่อดังทีมอื่น ๆ เช่น Ferrari, Mercedes และ Red Bull ที่มีข้อตกลงมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับสปอนเซอร์ระดับโลก เช่น Oracle, Puma, Tag Heuer และ Walmart ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Red Bull Racing ได้ลงนามในข้อตกลงการเป็นสปอนเซอร์มูลค่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ กับ Bybit แพลตฟอร์มสกุลเงินดิจิทัลสัญชาติสิงคโปร์
และประการที่สามเดิมทีจุดประสงค์หลักของการแข่งขัน F1 คือการโฆษณาทางอ้อมชนิดหนึ่ง เหล่าค่ายรถยนต์ต่างรีดเค้นศักยภาพสูงสุดของเครื่องยนต์มาประชันความเร็ว เพื่อเฟ้นหาว่าทีมใดจะเป็นหนึ่งในตองอู แม้รถยนต์ที่ใช้แข่งขันจะเป็นคนละประเภทกับที่วิ่งบนท้องถนน ทว่าก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมที่เป็นผู้ชนะย่อมมีภาพลักษณ์ที่ดีกว่าทีมผู้แพ้อย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งนี้จะประทับเข้าไปในความทรงจำของผู้ชมทุกคน แต่อย่างไรก็ตาม ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่านี่คือทฤษฎีที่ยึดถือกันมาตั้งแต่ทศวรรษ 50 ด้วยบริบทในปัจจุบัน มันจะยังเป็นเช่นนั้นอยู่หรือไม่ ตัวอย่างหนึ่งคือ Aston Martin ที่ผลงานในสนาม F1 ช่วงหลังย่ำแย่ ทว่ายอดจำหน่ายก็ไม่ได้ตกลงอย่างมีนัยยะสำคัญแต่อย่างใด
การแข่งขัน Fomula 1 / ภาพ: Logistics Manager
นอกจากนั้น Porsche และ Audi ก็มียอดขายที่น่าพึงพอใจอยู่แล้ว การลงทุนในเกมครั้งนี้จะเป็นความเสี่ยงที่ไม่คุ้มค่าหรือเปล่า เพราะนอกจากเม็ดเงินที่ทุ่มลงไป หากทีมเกิดผลงานไม่ดี เสียงวิพากษ์วิจารณ์ย่อมตามมา แต่อย่างไรก็ตามทาง Volkswagen ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว โดย Herbert Diess ได้กล่าวไว้ว่า “เราคิดว่าในปี 2026 หรือ 2028 Formula 1 จะเป็นงานมอเตอร์สปอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ยิ่งใหญ่กว่าทุกวันนี้ที่จะใหญ่ในจีน ใหญ่กว่าในสหรัฐอเมริกา และด้วยเหตุนี้การลงทุนในช่องทางนี้จึงน่าสนใจอย่างมาก”
ข้อสนับสนุนอีกประการคือคาดการณ์ว่าในปี 2026 จะเข้าสู่ยุคสมัยแห่งรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เช่นเดียวกับ F1 ที่มีการเปลี่ยนกฎเพื่อสนับสนุนการใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงานขับเคลื่อน ดังนั้นหาก Porsche กับ Audi สามารถคว้าชัยชนะมาได้ นั่นหมายถึงการโบกธงประกาศให้โลกรู้ว่าพวกเขานี่ล่ะคือราชาแห่งรถยนต์ไฟฟ้า ก้าวเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ในฐานะผู้นำ เมื่อการเดิมพันครั้งนี้ความเสี่ยงน้อย แต่ผลตอบแทนที่จะได้รับอาจมหาศาล ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Porsche และ Audi มุ่งมั่นที่จะเข้าร่วมศึก F1 ในปี 2026
สุดท้ายแล้วไม่ว่าเรื่องราวนี้จะลงเอยเช่นไร มันก็เป็นเพียงมันนี่เกมของเหล่ามหาเศรษฐี แต่สำหรับผู้ชมธรรมดา การเข้าร่วมของ Porsche และ Audi ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็มีแต่ได้กับได้ เนื่องจากในปัจจุบันจาก 10 ทีมที่เข้าร่วมศึก F1 ทว่ากลับมีผู้ผลิตเครื่องยนต์เพียง 4 รายเท่านั้น ได้แก่ Ferrari, Renault, Mercedes และ Honda ความตื่นเต้นเร้าใจจึงยังไม่มากเท่าที่ควร ดังนั้นหาก Porsche และ Audi เข้าร่วม F1 ย่อมทำให้เกิดการแข่งขันที่เข้มข้นยิ่งขึ้น และกำไรเหล่านั้นคือสิ่งที่ผู้ชมจะได้รับ
ข้อมูล : Bloomberg
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH