LIFESTYLE

James Hunt-Niki Lauda คู่ปรับตลอดกาล มิตรภาพตลอดไป แห่งโลก F1

ชายหนุ่ม 2 คนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่กลับโคจรมาเจอกันเพราะเสน่ห์แห่งความเร็ว และความหลงใหลในเครื่องยนต์

ในโลกกีฬาที่มีการช่วงชิงชัยชนะ ทุ่มเททุกอย่างเพื่อการเป็นแชมป์อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นเมื่อมีคนสองคนที่มีความเก่งกาจ พรสวรรค์ใกล้เคียงกัน หลงใหลในกีฬาเดียวกัน อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมี ‘คู่ปรับตลอดกาล’ เกิดขึ้นมากมายในประวัติศาสตร์

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคงหนีไม่พ้น Leonel Messi และ Cristiano Ronaldo 2 นักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ดันเกิดมาร่วมสมัยกัน ต่างคนต่างเดินหน้าสร้างสถิติอย่างบ้าคลั่ง ก่อนจะคว้ารางวัลบัลลงดอร์กันคนละ 6 และ 5 สมัยตามลำดับ ทิ้งห่างเจ้าของสถิติเดิม เหล่าตำนานโลกลูกหนังอย่าง Michel Platini, Johan Cruyff, และ Marco van Basten ชนิดไม่เห็นฝุ่น ส่วนเมื่ออยู่นอกสนาม ถึงแม้ทั้งคู่อาจจะไม่ใช่เพื่อนซี้กัน แต่ก็มีโมเมนต์น่าประทับใจให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ที่สำคัญคือทั้งคู่ให้เกียรติและยอมรับในตัวซึ่งกันและกันเสมอมา

อย่างไรก็ตามบทความนี้ไม่ใช่เรื่องราวของ Leonel Messi และ Cristiano Ronaldo แต่เป็นคู่ปรับตลอดกาลแห่งโลก Formula One อย่าง James Hunt และ Niki Lauda ที่หากย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 70 นี่คือ 2 ผู้ชิงชัยในสนามที่เข้มข้นที่สุด แต่ที่คาดไม่ถึงคือมิตรภาพนอกสนามของพวกเขากลับสวยงามกว่าที่คิด

Niki Lauda / ภาพ: Static01

2 หนุ่ม 2 มุม

หากจะเปรียบเทียบ James Hunt และ Niki Lauda คำว่า ‘หยินหยาง’ น่าจะเหมาะสมที่สุด เพราะตัวตนทั้งคู่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ชนิดที่ว่าไม่น่าจะกลายเป็นเพื่อนกันได้ Niki Lauda ลืมตาดูโลกในฐานะทายาทตระกูล Lauda ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีแห่งประเทศออสเตรียมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ โดยเป็นเจ้าของกิจการบริษัท RHI Magnesita ที่ปัจจุบันทำกำไรปีละ 43,000 ล้านยูโร อย่างไรก็ตาม Niki ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกโดนกดดัน ครอบครัวคาดหวังให้เขาเป็นในสิ่งที่เขาไม่อยากเป็น Niki ต่อต้านครอบครัวโดยการเป็นเด็กหัวเเข็ง ไม่เคยตั้งใจเรียนเลยในทุกระดับชั้น และยิ่งในช่วงวัยรุ่นที่ Niki เริ่มมีความฝันอยากเป็นนักขับ F1 แต่กลับโดนครอบครัวคัดค้าน ยิ่งหล่อหลอมให้เด็กหนุ่มกลายเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ เขาเกลียดที่ถูกครอบครัวคาดหวังให้เขาทำในสิ่งที่ไม่ชอบ เขาเกลียดที่โดนดูถูกความฝันในการเป็นนักแข่ง F1 และเกลียดที่พ่อมักจะขู่เขาว่าหากไม่เชื่อฟังกันจะถูกตัดออกจากกองมรดก

Niki ไม่สนใจคำขู่เหล่านั้น เขาหันหลังให้มรดกก้อนโต มุ่งสู่เส้นทางการเป็นนักขับท้าทายความเร็ว โดยเริ่มไต่เต้าตั้งแต่ระดับ Formula Vee และได้เข้าเป็นนักแข่งรถ F1 ของทีม March Engineering ซึ่งเป็นทีมที่เขาก่อตั้งขึ้นด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเส้นทางของ Niki ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ทีม March Engineering ของเขาประสบปัญหาจนถูกยุบไป ตรงกันข้ามกับฝีมือการขับของเขาที่นับวันยิ่งจัดจ้านขึ้นโดยสิ้นเชิง แน่นอนว่า Niki ไม่ยอมแพ้ ถึงแม้มรสุมชีวิตในช่วงนั้นจะทำให้เขาเกือบคิดฆ่าตัวตาย แต่ความคิดที่จะกลับไปคืนดีกับครอบครัวไม่เคยอยู่ในสมองเด็กหนุ่ม สุดท้าย Niki ก็กลับเข้าสู่โลกแห่งความเร็วอีกครั้งด้วยการเข้าทีม British Racing Motors และก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม จนทีม Ferrari มาดึงตัวเขาเข้าทีม

ถึงแม้จะเป็นนักขับฝีมือดี อีกทั้งยังมีดีกรีเป็นทายาทมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ แห่งประเทศออสเตรีย แต่ Niki กลับเกลียดการอยู่ใต้แสงไฟ ไม่ชอบให้ใครมาสนใจ เขาไม่ใช่คนชอบเข้าสังคม พูดคุยกับคนแปลกหน้าไม่เก่ง หากต้องไปงานปาร์ตี้เขาก็มักจะเก้ๆ กังๆ ทำตัวไม่ถูก และเลือกที่จะหลบอยู่ในมุมเงียบๆ มากกว่า “ผมเป็นคนจริงจัง ผมดูแลตัวเอง ผมดูแลรถของผม ผมเข้านอนแต่หัววัน ออกไปทำงานแล้วก็เอาชนะทุกคน หลังแข่งเสร็จผมกลับบ้าน แทนที่จะไปเที่ยวบาร์ แล้วคุยกับคนโง่ๆ พวกนั้น” Niki Lauda กล่าว

สิ่งเหล่านี้ตรงกันข้ามกับ James Hunt โดยสิ้นเชิง เนื่องจากคู่แข่งของ Niki นั้นเป็นหนุ่มเพลย์บอยเจ้าสำราญ ชื่นชอบงานปาร์ตี้เข้าสังคมเป็นชีวิตจิตใจ หากที่ไหนมีการสังสรรค์ พ่อหนุ่มคนนี้ก็ถึงไหนถึงกันเสมอ และไม่รังเกียจที่จะดื่มสักแก้วก่อนการแข่งขัน ใช้ชีวิตจนถึงขีดสุดเพราะในทศวรรษ 70 F1 คือกีฬาที่อันตรายมาก เขาไม่รู้ว่าวันไหนจะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต

James Hunt / ภาพ: Formula1

James Hunt หรือ James Simon Wallis Hunt  เป็นชาวอังกฤษที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในครอบครัวนายหน้าขายที่ดิน ซึ่งถึงแม้จะพอมีพอกินอยู่บ้าง แต่บ้านของ James ก็เป็นแค่แฟลตธรรมดาในเมือง Surrey แตกต่างจากคฤหาสน์หลังโตของ Niki Lauda โดยสิ้นเชิง James เริ่มเรียนรู้การขับรถมาจากการขับรถแทรกเตอร์ในฟาร์มในช่วงวันหยุด ก่อนที่เขาจะเริ่มตกหลุมรักโลกแห่งความเร็วอย่างจริงจังเมื่อ Simon พี่ชายของเขาพาไปดูการแข่งรถที่ Silverstone

หลังจากนั้นความฝันของ James คือการเป็นนักขับ F1 โดยเริ่มต้นเส้นทางที่ระดับ Formula 3 ซึ่งเขาได้รับความสนใจจากทีม Hesketh Racing นี่คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวของชายหนุ่ม 2 คนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่กลับโคจรมาเจอกันเพราะเสน่ห์แห่งความเร็ว และความหลงใหลในเครื่องยนต์

 

การขับเคี่ยวที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ

การขับเคี่ยวในสนามระหว่าง Niki และ James เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 1973-1979 โดยในช่วง 6 ปีนี้ หากวัดกันในเรื่องสถิติ Niki ดูจะเป็นฝ่ายเหนือกว่าอยู่นิดหน่อย โดยเขาสามารถคว้าแชมป์ได้ 2 สมัย ในปี 1975 และ 1977 เป็นผู้ชนะใน 16 สนาม ขึ้นโพเดี้ยม 39 ครั้ง ในขณะที่ James คว้าแชมป์ได้ 1 สมัยในปี 1976 เป็นผู้ชนะ 10 สนาม ขึ้นโพเดี้ยม 23 ครั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องราวระหว่าง Niki และ James ซับซ้อนมากกว่าแค่สถิติและถ้วยรางวัล โดยเฉพาะในปี 1976 ซึ่งเป็นปีที่ทั้งคู่ขับเคี่ยวกันอย่างเข้มข้นที่สุด



WATCH




Niki Lauda และ James Hunt ผู้เป็นทั้งเพื่อนและคู่แข่ง / ภาพ: Historic Racing News

ในปีนั้น Niki ผู้เป็นแชมป์เก่า ทำคะแนน James มาโดยตลอด จนถึงสนามที่ 10 Nürburgring เมือง Nürburg ประเทศเยอรมันตะวันตก ในวันนั้นคือเหตุการณ์ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์แห่งโลก F1 มาจนถึงปัจจุบัน เมื่อรถของ Niki เสียหลักแหกโค้งชนกำแพงจนเกิดไฟลุก ก่อนที่จะถูกรถของคู่แข่งที่ตามมาชนซ้ำ การช่วยเหลือจากทีมแพทย์ที่มาถึงล่าช้า ร่างของ Niki จึงไหม้ในระดับรุนแรงชนิดที่ชุดแข่งกันไฟสมัยนั้นต้านทานไว้ไม่อยู่ Niki ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลกว่า 28 วัน ก่อนที่จะพบว่าตัวเองสูญเสียใบหูด้านขวาเกือบทั้งหมด รวมถึงผมทางซีกขวา เช่นเดียวกับเสียคิ้วและเปลือกตา

หากเป็นคนทั่วไปคงตัดใจยอมแพ้การแข่งขันในปีนี้ไปแล้ว และปลอบใจตัวเองว่าแค่มีชีวิตรอดมาได้ก็น่าดีใจแล้ว ทว่าไม่ใช่กับ Niki Lauda เขาถอนตัวจากการแข่งขันไปเพียง 2 สนามเท่านั้น ก่อนจะกลับสู่สังเวียนความเร็วอีกครั้งด้วยร่างกายที่ยังเต็มไปด้วยบาดแผล และต้องฝืนความเจ็บปวดอย่างมหาศาลเพื่อควบรถเข้าเส้นชัย ถึงแม้จะเก่งกาจและมีหัวใจที่แข็งแกร่งขนาดไหน แต่ Niki ก็ไม่ใช่ยอดมนุษย์ การฝืนอาการบาดเจ็บทำให้ผลงานเขาตกลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้ James Hunt ซึ่งเป็นผู้ตามมาโดยตลอดพลิกแซง คว้าแชมป์ในปีนั้นได้สำเร็จ

อุบัติเหตุ ณ Nürburgring / ภาพ: GQ UK

“ผมรู้สึกเสียใจจริงๆ สำหรับ Niki ผมรู้สึกเสียใจสำหรับทุกคนที่การแข่งขันต้องดำเนินไปในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้และผมขอขอบคุณการตัดสินใจของ Niki  หลังจากประสบอุบัติเหตุแบบนั้น เขาจะทำอะไรได้อีก? บอกตามตรงว่าผมอยากคว้าแชมป์และรู้สึกว่าสมควรได้รับมัน แต่ผมก็รู้สึกว่า Niki สมควรที่จะได้แชมป์ และผมแค่หวังว่าเราจะสามารถแบ่งปันมันได้” James Hunt ให้สัมภาษณ์หลังคว้าแชมป์ เป็นคำพูดที่สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเขาเคารพ Niki ขนาดไหน

ส่วน Niki ก็ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน “เขา (James Hunt) ทำได้ยอดเยี่ยม เขาเร็วจริงๆ ไม่มีคำถามใดๆ เกี่ยวกับตัวเขา เขาคือคนที่ดีที่สุดในช่วงเวลานั้น” จากบทสัมภาษณ์นี้ทำให้ผู้คนภายนอกรับรู้ถึงมิตรภาพที่ 2 ยอดนักขับมีให้แก่กัน ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสนามโดยสิ้นเชิง ก่อนที่หลังจากนั้นจะมีข้อมูลเผยตามมาอีกจำนวนมาก

“พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ผมคิดว่าพวกเขาได้แชร์แฟลตด้วยกันในช่วงที่แข่ง F3 พวกเขาเป็นชายหนุ่มสองคนที่เติบโตมาด้วยกัน และรักษามิตรภาพนี้ไว้อย่างนานตราบชั่วชีวิต”

“สิ่งที่ผมรู้จักเกี่ยวกับ Niki  คือเขาให้การสนับสนุนและให้คำแนะนำที่ดีแก่ผมเสมอมา” Freddie Hunt ลูกชายของ James Hunt เผย

ภาพยนตร์เรื่อง Rush (2013) Daniel Brühl รับบทเป็น Niki Lauda และ Chris Hemsworth รับบทเป็น James Hunt / ภาพ: Media Amazon

มรดกแก่คนรุ่นหลัง

“สำหรับผม James เป็นคนที่มีเสน่ห์ที่สุดเท่าที่ F1 เคยมีมา” ประโยคสั้นๆ ทว่ากินใจที่ Niki Lauda กล่าวถึง James Hunt ผู้เป็นทั้งเพื่อนและศัตรูหลังจากที่เขาเสียชีวิตลงด้วยอาการหัวใจวายในปี 1993 เรื่องราวของพวกเขาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Rush กำกับโดย Ron Howard ในปี 2013 ซึ่ง Niki ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับมันเอาไว้ว่า “เรามีความสัมพันธ์ที่ดีและน่าเคารพ ย้อนกลับไปในสมัยของเราใน Formula Three เราเชื่อใจซึ่งกันและภาพยนตร์เรื่องนี้ Rush เป็นสิ่งที่ดี และถูกต้องตามความจริง 80%”

ก่อนที่นักข่าวจะถามต่อว่า “หากเลือกได้คุณอยากเป็นนักขับ F1 ในยุคปัจจุบัน หรือในยุค ‘70s” ซึ่ง Niki ก็ให้คำตอบว่า “แน่นอนว่าต้องเป็นยุคปัจจุบัน ด้วยค่าตอบแทนที่มากกว่าถึง 10 เท่า และระบบความปลอดภัยที่ดีกว่ามากๆ ส่วนเรื่องความตื่นเต้น หากคิดว่ามันจะน้อยลง เรื่องนั้น James จะเป็นคนจัดการมันเอง”

นี่คือเรื่องราวระหว่าง Niki Lauda และ James Hunt คู่ปรับตลอดกาล มิตรภาพตลอดไป ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ควรค่าแก่การเล่าขานอยู่เสมอ เป็นมรดกที่จะถูกส่งมอบแก่คนรุ่นหลังอย่างไม่รู้จบ

WATCH