กำลังกลายเป็นกระแสให้คนแฟชั่นได้พูดถึงกันอยู่ในเวลานี้ สำหรับโพสต์ภาพอินสตาแกรมของ 'ลิซ่า BLACKPINK' ที่เธอได้เลือกสวมใส่ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม เพื่อท่องเที่ยวในบริเวณสถานที่ทางประวัติศาสตร์ จังหวัดอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นวัดมหาธาตุ วัดหน้าพระเมรุ และวัดแม่นางปลื้ม จนกลายเป็นไวรัลภายในไม่กี่นาทีที่โพสต์เซ็ตภาพดังกล่าวลงบนบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัวของเธอ พร้อมกับกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ว่า นี่คือ Soft Power ผ้าไทย ที่ลิซ่า BLACKPINK สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแฟชั่นไอเท็มชิ้นนี้ ซึ่งอาจต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ขายหมดไม่ต่างจากแฟชั่นไอเท็มก่อนหน้านี้ที่ลิซ่าเคยเลือกหยิบมาใช้

     สำหรับผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมครามที่ ลิซ่า BLACKPINK สวมใส่ในครั้งนี้เป็นผ้าไทยอันเป็นผลงานสร้างสรรค์ของร้าน 'ชานเรือน นาข่า' (Chanruen Nakha) จังหวัดอุดรธานี ร้านผ้าไทยของคุณแม่ของนักแสดงสาว เดียร์น่า ฟลีโป หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทของ ลิซ่า BLACKPINK ที่ร่วมเดินทางท่องเที่ยวในครั้งนี้ด้วย

     ความน่าสนใจจากเซ็ตภาพดังกล่าวของ ลิซ่า BLACKPINK ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่หลายคนยกย่องให้กลายเป็นหนึ่งในตัวอย่างวิธีการสร้าง Soft Power ในประเทศไทย เพราะผลที่ตามมานั้นเกินคาด มีรายงานจากหลายสื่อในประเทศไทยว่า ผ้าฝ้ายหมักโคลนย้อมคราม ของร้านดังกล่าวอาจกลายเป็นสินค้าขายดีในชั่วข้ามคืน และอาจส่งผลต่อเนื่องเป็นวงกว้างต่อวงการผ้าไทยได้ อีกทั้งยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า สถานที่ต่างๆ ที่ ลิซ่า BLACKPINK เดินทางไปถึงในจังหวัดอยุธยา ยังกลายเป็นเส้นทางตามรอยของเหล่าแฟนคลับในเวลาต่อมา ซึ่งนั่นหมายถึงผลประโยชน์ทั้งในฝั่งของแฟชั่นผ้าไทย และสถานที่ท่องเที่ยว ที่ได้รับการโปรโมตออกไปสู่สายตาชาวโลกผ่านอินสตาแกรมของ ลิซ่า BLACKPINK อีกด้วย