SKINCARE
รู้ทันสาเหตุปลายนิ้วลอกและมือลอก พร้อมแนวทางแก้ไขปัญหาก่อนบานปลายค้นหาสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการลอกที่นิ้วหรือมือและแนวทางการรักษา |
หากสังเกตเห็นผิวหนังลอกที่ปลายนิ้วหรือฝ่ามืออย่างไม่ทราบสาเหตุ นั่นอาจหมายถึงคุณกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง ซึ่งปัญหาผิวลอกสามารถเกิดขึ้นได้โดยเฉพาะบริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ และแนวรอบเล็บ และถึงแม้ว่านิ้วลอกจะไม่ก่อให้เกิดความกังวลมากนัก เพราะเป็นไปได้ที่จะเกิดจากการสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้ระคายเคือง รวมไปถึงภาวะผิวแห้ง แต่อย่างไรก็ตามบางครั้งนิ้วมือลอกอาจเกิดได้จากปัจจัยอื่นๆ ที่ร่างกายกำลังส่งสัญญาณเตือนเราอยู่ วันนี้โว้กบิวตี้จึงจะพามาค้นหาสาเหตุที่จะทำให้นิ้วหรือมือลอก พร้อมด้วยแนวทางการแก้ไข รวมถึงวิธีการป้องกันในอนาคต
นิ้วลอกเกิดจากอะไร
นิ้วลอกจะปรากฏเป็นผิวแห้งบริเวณเล็บและปลายนิ้ว นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดผื่นหรือคันได้ โดยผิวหนังลอกที่ปลายนิ้วเป็นภาวะที่พบบ่อยและเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ เช่น สาเหตุด้านสิ่งแวดล้อม โรคประจำตัว หรืออาการป่วยซ่อนเร้น ก็สามารถนำไปสู่อาการนิ้วลอกได้เช่นกัน ซึ่งต่อไปนี้เป็นปัจจัยบางประการที่ทำให้เกิดอาการนิ้วมือลอก
1. การล้างมือบ่อยๆ
การล้างมือบ่อยเกินไปอาจทำให้ผิวหนังลอกได้ นั่นเพราะมันจะไปทำให้ผิวมีความแห้งกร้าน ด้วยน้ำและสารชำระล้างที่เข้มข้นเข้าไปทำลายกำแพงไขมันของผิวหนังออก และอาจทำให้สบู่ซึมเข้าสู่ชั้นผิวที่บอบบางมากขึ้นจนทำให้นิ้วลอกและเกิดอาการระคายเคืองได้ ยิ่งหากใช้น้ำอุ่นและกระดาษชำระหยาบๆ ด้วยก็อาจทำให้มือแห้งและคันได้
วิธีแก้ปัญหา: ทามอยส์เจอไรเซอร์หรือแฮนด์ครีมหลังล้างมือ เพื่อป้องกันผิวแห้งและลอก และควรใช้สบู่ที่อ่อนโยนและน้ำเย็นในการล้างมือ
WATCH
2. การใช้สารเคมีรุนแรง
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีรุนแรงอาจส่งผลต่อผิวหนัง ไม่ว่าจะเป็น สบู่ สารฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้เป็นไปได้ว่าอาจมีสารเคมีรุนแรง ฉะนั้นหากพบการลอกของนิ้วมือเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้โดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะหากคุณมีผิวแห้ง เพราะนั่นอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและคันตามมาได้ด้วย
วิธีแก้ปัญหา: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกลิ่นสังเคราะห์และสารกันบูด และถ้าหากคุณมีผิวบอบบางแพ้ง่าย ก็ควรทำการทดสอบก่อนใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ
3. อาการแพ้
อาการแพ้บางสิ่งบางอย่างก็อาจทำให้นิ้วลอกได้เช่นกัน เช่น การโดนนิกเกิลจากการสวมใส่เครื่องประดับ อะคริลิกในเล็บปลอม อาหารหรือพืชบางอย่าง หรือยาบางชนิด ซึ่งการแพ้นี้จะทำให้ผิวเปลี่ยนสี คัน ผิวหนังจะพองและลอกออกในที่สุด นอกจากนี้ถุงมือที่ทำจากยางพาราก็เป็นอีกสิ่งที่มีสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้ผิวหนังระคายเคืองได้
วิธีแก้ปัญหา: การรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของโรคภูมิแพ้ โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือสวมใส่สิ่งของบนมือที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ และควรใช้ถุงมือป้องกันเมื่อทำกิจกรรมต่างๆ ที่อาจทำให้ได้รับสารก่อภูมิแพ้
4. การขาดวิตามิน
เนื่องจากวิตามินบี 3 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพผิว ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและการทำงานของเกราะป้องกันผิว ดังนั้นหากร่างกายขาดวิตามินบี 3 หรือไนอาซินอาจทำให้ผิวลอกรวมถึงปลายนิ้วด้วย และมันยังอาจนำไปสู่โรคเพลแลกรา (Pellagra) ซึ่งทำให้ผิวเกิดการอักเสบและเป็นสะเก็ด
วิธีแก้ปัญหา: รับประทานอาหารที่มีไนอาซินสูง เช่น รำข้าว ไข่ ถั่วลิสง สัตว์ปีก ปลา ธัญพืชไม่ขัดสี และพืชตระกูลถั่ว หากเลือกเป็นอาหารเสริมสำหรับเด็กแนะนำปริมาณที่ 6-12 มก./วัน ส่วนผู้ใหญ่ต้องการ 14-16 มก./วัน
5. โรคมือลอก
โรคมือลอก (Hand Eczema) หรือ ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณมือ อาจเกิดจากพันธุกรรม สารก่อภูมิแพ้ และปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ นอกจากนี้สารเคมี สบู่ และสภาพอากาศแห้ง ก็อาจทำให้เกิดอาการผื่นผิวหนังอักเสบได้เช่นกัน
วิธีแก้ปัญหา: หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีอันตราย ทาครีมให้ความชุ่มชื้นที่มือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังอาบน้ำ แต่ถ้าหากมือและนิ้วมีอาการลอก เปลี่ยนสี มีรอยแตก คัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและหาทางแก้ไขที่ดีที่สุด
อาการปลายนิ้วมือลอกอาจดูเหมือนปัญหาเพียงเล็กน้อยที่ไม่ถึงกับต้องไปพบแพทย์ ทว่าหากลองรักษาด้วยตัวเองแล้วมากกว่าหนึ่งสัปดาห์แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้นยิ่งไม่ควรชะล่าใจ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานบริเวณที่ผิวลอกก็อาจจะยิ่งแย่กว่าเดิมเนื่องมาจากการติดเชื้อ หนทางที่ดีที่สุดคือการพบแพทย์ผิวหนังทันทีเพื่อระบุหาสาเหตุที่แท้จริงและใช้แนวทางรักษาที่ตรงจุด
ข้อมูล : Healthline, Stylecraze
WATCH