BODY

รู้หรือไม่ว่า ‘Bridge’ ที่เป็นส่วนประกอบในน้ำหอมคืออะไร?

Bridge ในน้ำหอมคืออะไร? ทำไมเวลาแต่ละคนฉีดน้ำหอมกลิ่นเดียวกัน แต่ให้กลิ่นปิดท้ายที่ไม่เหมือนกัน

     ‘น้ำหอม’ มีทั้งหมด 3 โน้ตหลักๆ ได้แก่ Top notes, Heart/Middle notes, Base notes ซึ่งแต่ละโน้ตจะเผยกลิ่นหอมออกมาตามลำดับไล่กัน โดยจะเริ่มจาก Top notes เป็นกลิ่นสดชื่นโดดเด่น ติดทนประมาณ 15-30 นาที ตามด้วย Heart/Middle notes จะเน้นกลิ่นที่มีความนุ่มนวลกลมกลืนไปกับโน้ตแรกได้ง่าย ติดทนมากกว่าโน้ตแรกประมาณ 3-6 ชั่วโมง ปิดท้ายด้วย Base notes เป็นกลิ่นสุดท้ายของน้ำหอม สามารถอยู่ได้นานถึง 24 ชั่วโมง มีความหอมเรียบๆ ไม่ฉุดหรือจัดจนเกินไป

 

 

Q By Dolce&Gabbana Eau De Parfum Intense จาก Dolce & Gabbana (ราคา 7,500 บาท)

     แต่รู้หรือไม่ว่ายังมีอีกหนึ่งกลิ่นที่แอบซ่อนอยู่ นั่นคือ Bridge เป็นกลิ่นของน้ำหอมในช่วงท้ายของ Base notes ซึ่งเป็นกลิ่นที่ติดหลงเหลืออยู่บนตัวหลังจากที่น้ำหอมทั้งหมดได้ระเหยออกไปจนเกือบหมดแล้ว ส่วนมากจะนับว่า Bridge นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งใน Base notes เท่านั้น โดย Bridge เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างอ่อนไหวมาก เพราะเกิดจากกลิ่นของหัวน้ำหอมทั้งหลายที่เหลืออยู่เริ่มเจือจางและผสมเข้ากับกลิ่นตัวตามธรรมชาติของเรา ทำให้เป็นกลิ่นมักเปลี่ยนแปลงง่ายขึ้นอยู่กับกลิ่นตัวธรรมชาติของผู้ใช้แต่ละคน การทำกิจกรรมต่างๆ และสภาพอากาศรอบข้าง เป็นต้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมการใช้น้ำหอมขวดเดียวกันจึงให้กลิ่นที่ไม่เหมือนกัน

 

 

     หลายคนอาจเกิดคำถามว่าเลือกน้ำหอมอย่างไรให้เมื่อใช้แล้วได้กลิ่นปิดท้ายที่หอมและเข้ากับบุคลิกของตัวเอง เทคนิคง่ายๆ คือการเลือกโน้ตที่ใช่สำหรับตัวเรา ไม่ว่าจะแนวฟรุตตี้ ฟลอรัล โอเรียนทัล วู้ดดี้ หรือสไปซี่ แต่ละกลิ่นย่อมมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไปและไม่เหมือนใคร พอเมื่อเราเลือกกลิ่นที่เรารู้สึกชอบแล้ว จากนั้นลองฉีดกับตัวเอง ออกไปเดินหรือเล่นทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันตามปกติ เมื่อครบ 12 ชั่วโมงหรือทำกิจกรรมเสร็จจนครบวัน ลองดมที่ผิวของเราหรือเสื้อผ้าที่ใส่ว่าเรารู้สึกชอบกลิ่นสุดท้ายที่ตกตะกอนมาทั้งวันหรือไม่ ถ้าชอบก็แสดงว่าคุณเจอกลิ่นที่ใช่แล้ว

 



WATCH



Libre L'Absolu Platine Eau De Parfum จาก Yves Saint Laurent (ราคา 7,800 บาท)

     สรุปง่ายๆ คือ Bridge notes เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ที่ได้มาจาก Base notes แต่กลิ่นหลักที่ใครหลายคนได้กลิ่นนั่นคือการผสมผสานจากกลิ่นธรรมชาติของตัวเรานั่นเอง ฉะนั้นน้ำหอมแต่ละขวดจึงให้ผลลัพธ์กลิ่นสุดท้ายที่ไม่เหมือนกัน ใครทำกิจกรรมกลางแจ้งบ่อยหรือมีเหงื่อเยอะ จึงควรหลีกเลี่ยงการเลือกน้ำหอมที่มีความอบอุ่น เพราะจะยิ่งทำให้เรารู้สึกอบอ้าว ไม่สบายตัว ควรเลือกน้ำหอมที่มีความเย็นสดชื่นจะช่วยปรับลุคให้มีเสน่ห์ยิ่งขึ้น

 

ภาพ : Courtesy of brands

WATCH

TAGS : Perfume