มหากาพย์ความยิ่งใหญ่ของวงการนาฬิกาในปี 2025 เกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ทว่าสิ่งที่เป็นไฮไลต์และได้รับการจับตามองมากที่สุดคือการเฉลิมฉลองครบรอบของแบรนด์ รวมถึงนาฬิการุ่นไอคอนิกมากมายที่ฉลองขวบปีที่สำคัญในปีนี้พอดิบพอดี เมซงนาฬิกาชั้นนำจึงพร้อมถ่ายทอดความเป็นเลิศในการรังสรรค์เรือนเวลาสุดพิเศษเนื่องในโอกาสเช่นนี้ VOGUE WATCH จึงไม่พลาดหยิบยกเรือนเวลาแห่งการเฉลิมฉลองจากเมซงชั้นนำมานำเสนอให้คอนาฬิกาและแฟนโว้กทุกคนได้ติดตามกันในบทความนี้

- VACHERON CONSTANTIN HISTORIQUES 222 STAINLESS STEEL
หากกล่าวถึงการเฉลิมฉลองประจำแวดวงนาฬิกา คงไม่มีใครไม่พูดถึง Vacheron Constantin เมซงจากเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่เถลิงความยิ่งใหญ่ครบรอบ 270 ปี (อ่านเรื่องราวของทริปสุดพิเศษนี้เพิ่มเติมได้ ที่นี่) โดยย้อนกลับไปในช่วงต้นปี 2025 วาเชอรอง คงสตองแตง นำเสนอนาฬิกาไอคอนิกอย่าง ‘222’ ในรูปแบบของเรือนเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเปิดขวบปีที่ 270 ซึ่ง Historiques 222 Stainless Steel ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับวัสดุสเตนเลสสตีลที่มาพร้อมหน้าปัดสีน้ำเงิน สายแบบ ‘Integrated’ หลอมรวมความงดงามของตัวเรือนและสายเข้ากันอย่างไร้รอยต่อ มาพร้อมกับสัญลักษณ์ ‘Maltese Cross’ วัสดุเยลโลว์โกลด์ที่เด่นสะดุดตาบริเวณขอบตัวเรือนตำแหน่ง 5 นาฬิกา ขนาดตัวเรือน 37 มิลลิเมตรก็พอเหมาะพอดีสำหรับผู้สวมใส่แทบทุกคน ความเรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์สร้างกระแสความสนใจทันที นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดเพิ่มเติมกับหลักบอกเวลาและเข็มที่เคลือบด้วย Super-LumiNova® สะท้อนแสงบอกเวลายามค่ำคืนอย่างทรงประสิทธิภาพ ในขณะที่แสงสว่างเข้าถึงก็เผยความงดงามของโทนสีขาวนวล ภายในอัดแน่นด้วยกลไก Calibre 2455/2 พัฒนาและผลิตภายในเมซง มีส่วนประกอบ 194 ชิ้น และสำรองพลังงานได้มากถึง 40 ชั่วโมง นับเป็นการเปิดศักราชของวงการนาฬิกาในปี 2025 ที่บอกใบ้ถึงการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

- ZENTIH G.F.J.
อีกหนึ่งเมซงนาฬิกาที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานไม่แพ้แบรนด์ใดคือ Zenith ที่เริ่มก่อตั้งแบรนด์มาตั้งแต่ปี 1865 นับจนถึงปี 2025 ก็สิริรวมอายุครบรอบ 160 ปีพอดิบพอดี ในงาน Watches & Wonders 2025 ไฮไลต์ ณ บูธเซนิธจึงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากนาฬิการุ่น G.F.J. ซึ่งเป็นชื่อย่อของ Georges Favre-Jacot ผู้ก่อตั้งแบรนด์ นักสร้างสรรค์นาฬิการะดับตำนานที่ตั้งเป้าหมายการผลิตนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบที่สุด 160 ปีให้หลังนิยามของความวิจิตรบรรจง ความแม่นยำ และน่าเชื่อถือของนาฬิกาจะถูกสานต่อและย้อนรำลึกถึงเขาอยู่เสมอ เรือนเวลา G.F.J. นี้คือหลักฐานบ่งบอกที่ชัดเจน เมซงนำเอากลไก Calibre 135 Manual กลับมาใช้อีกครั้ง พร้อมด้วยส่วนประกอบแฮร์สปริง กลไก Stop-second ที่สรรสร้างเป็นฟังก์ชั่นบอกเวลาแบบคลาสสิก ตั้งแตการบอกเวลาหลักชั่วโมง นาที บนหน้าปัดหลักวัสดุ Lapis Lazuli และหลักวินาทีบนหน้าปัดย่อยบริเวณ 6 นาฬิกาทำจากวัสดุเปลือกไข่มุกตัวเรือนทำจากวัสดุแพลทินัม 950 นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดวงแหวนวงนอกของหน้าปัดที่นำเสนองานศิลปะอย่าง ‘Bricks Guilloché’ เวอร์ชั่นเฉลิมฉลอง 160 ปี มาพร้อมหลักเวลาและเข็มวัสดุไวต์โกลด์ เติมเต็มความสมบูรณ์ให้ตัวเรือนขนาด 39.5 มิลลิเมตร ด้วยสาย 3 แบบ ทั้งสายหนังจระเข้สีน้ำเงิน สายหนังคาล์ฟสีดำ และสายหนังคาล์ฟสีน้ำเงิน ‘Blue Saffiano’

- GERALD CHARLES MAESTRO GC39 25th ANNIVERSARY EDITION
หลังคนอาจจะคุ้นเคยกับแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่อายุเกินหลักศควรรษหรืออาจมากกว่า 2 ศตวรรษเลยด้วยซ้ำ สำหรับ Gerald Charles ถือเป็นแบรนด์ที่อาจไม่ได้มีอายุยาวนานแต่กลับมีความสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์นาฬิกาอยู่ไม่น้อย เพราะแบรนด์ก่อเมื่อปี 2000 ตั้งโดย Gérald Genta หรือชื่อเต็มว่า Gérald Charles Genta สุดยอดนักรังสรรค์นาฬิการะดับตำนาน ซึ่งเชื่อว่าหลายคนอาจเห็นผลงานของเขาผ่านตามาทั้ง Audemars Piguet Royal Oak, IWC Schaffhausen Ingenieur, Patek Philippe Nautilus และอื่นๆ อีกมากมาย เมื่อก้าวสู่สถานะตำนานนาฬิกาของเขาภายใต้แบรนด์ตัวเองก็โดดเด่นไม่แพ้กัน ปีนี้กับการเฉลิมฉลองขวบปีที่ 25 แม้เฌรัลด์จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่จิตวิญญาณยังคงถ่ายสู่คอนาฬิกาทุกคนด้วย Maestro GC39 25th Anniversary Edition ที่สะดุดตาตั้งแต่แรกด้วยตัวเรือนรูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมหน้าปัดตรงกลางทำจากวัสดุ Lapis Lazuli เพิ่มความพิเศษด้วยการตกแต่งหน้าปัดแบบ ‘meta guillochage’ เทคนิคการแกะสลัก ต้นแบบวิธีใช้เคมีเพื่อสลักผลงานขนาดจิ๋ว แน่นอนว่าบนหน้าปัดจะต้องประทับตราสัญลักษณ์ฉลองครบรอบ 25 ปี มาพร้อมเข็มนาฬิกาทรงดาบ ภายในเดินเครื่องด้วยกลไก ‘Anti-Clockwise Jumping Hour’ แสดงผลเวลาหลักชั่วโมงด้วยตัวเลขและหลักนาทีด้วยเข็มที่เดินรอบทิศอย่างงดงาม ซึ่งทั้งหมดพัฒนาและสร้างสรรค์ขึ้นภายในเมซง ปิดท้ายความพิเศษหนือระดับด้วยสายรับเบอร์สี ‘Royal Blue’ มาพร้อมแพตเทิร์น ‘Clous de Paris’ เช่นเดียวกับเม็ดมะยม ประกอบรวมกันเป็นนาฬิกาสำหรับการเฉลิมฉลองของเมซงที่สมบูรณ์แบบที่สุด

- AUDEMARS PIGUET CODE 11.59 BY AUDEMARS PIGUET FLYING TOURBILLON
นาฬิกาโมเดล Code 11.59 by Audemars Piguet ในแบบฉบับ Flying Tourbillon คือหนึ่งในผลงานการเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีของเมซง โดยเป้าประสงค์หลักคือการผสานโลกแห่งศิลปะงานฝีมือเข้ากับความซับซ้อนเชิงกลไกของนาฬิกา โดดเด่นด้วยวัสดุแซนด์โกลด์ 18k ประดับตกแต่งด้วยเพชรเจียระไน brilliant-cut ความสะดุดตาเริ่มตั้งแต่โทนสีของวัสดุที่แตกต่างและมีความละเอียดประณีต สามารถสะท้อนเล่นกับแสงได้อย่างน่าดึงดูด สอดคล้องกับเพชรน้ำหนักรวม 1.2 กะรัตที่ประดับระยิบระยับส่งเสริมกันและกัน สะท้อนวิถีการพัฒนานาฬิกาอาวองต์-การ์ดที่ทั้งหวือหวาและเนี้ยบทุกกระเบียดนิ้วในเวลาเดียวกันต ตำแหน่งตูร์บิญงจัดวางอย่างคลาสสิกที่บริเวณ 6 นาฬิกา ทั้งหลักชั่วโมง นาที และเข็มทำจากวัสดุเดียวกับตัวเรือน มาพร้อมแพตเทิร์นลายหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์ของโมเดล ภายในเดินเครื่องด้วยกลไก Selfwinding Calibre 2968 สำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมงและรักษามาตรฐานความแม่นยำอย่างยอดเยี่ยม ทั้งหมดเผยให้เห็นผ่านเคสโปร่งใสด้านหลัง ในขณะที่ด้านหน้าก็ใช้วัสดุแซปไฟร์คริสตัลแบบโค้งลดแสงสะท้อน ทำให้ตัวเรือนนาฬิกาขนาด 38 มิลลิเมตรงดงามในทุกมิติที่ถูกจ้องมอง ปิดท้ายด้วย สายหนังจระเข้สีเบจที่ประดับด้วยเพชร 42 เม็ดบริเวณตัวล็อคสอดประสานเข้ากับตัวเรือนแบบพอเหมาะพอดี นาฬิกาเรือนนี้จึงถือเป็นเรือนเวลาสำหรับสุภาพสตรีที่พิสูจน์ความยอดเยี่ยมทั้งในเชิงงานฝีมือและกลไกนาฬิกาของโอเดอมาร์ส ปิเกต์อย่างชัดเจน

- HUBLOT BIG BANG UNICO WATER BLUE SAPPHIRE
ในขวบปีที่ 20 ของนาฬิกา Big Bang ทาง Hublot จึงจัดการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่พร้อมเปิดตัวนาฬิกา Big Bang หลากหลายรูปแบบที่สะท้อนความยอดเยี่ยมในหลากมิติ ครั้งนี้โว้กเลือก Big Bang Unico Water Blue Sapphire มานำเสนอความโดดเด่นของตระกูล Big Bang ซึ่งเปิดตัวในช่วง Watches & Wonders 2025 เป็นอีกครั้งที่อูโบลต์ตั้งใจค้นคว้าและพัฒนาเรือนเวลาจากวัสดุแซปไฟร์หลากสีสัน โดยสี ‘Water Blue’ ถือเป็นสีใหม่ล่าสุดที่สามารถฉายภาพความโดดเด่นของตัวเรือน Big Bang Unico ได้อย่างเด่นชัด จุดเริ่มต้นน่าสนใจตั้งแต่การพัฒนาเม็ดสีและสูตรการผสมเพื่อสรรสร้างนาฬิกาตัวเรือนโปร่งแสงเช่นนี้ นอกจากความสวยงามและน่าตื่นเต้นของตัวเรือนภายนอก ภายในยังมีกลไกเคลื่อนไหวแบบ 2 ทิศทางที่ทำให้สำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง บรรจุในตัวเรือนขนาด 44 มิลลิเมตร มาพร้อมสายรับเบอร์สีเดียวกัน นอกจากนี้บริเวณเบเซลยังมีรายละเอียดของการไขหมุดรูปตัว ‘H’ จำนวน 6 จุดที่เป็นเอกลักษณ์ ฟังก์ชั่นเพิ่มเติมคือระบบ ‘One-Click’ ที่เปิดโอกาสให้ผู้ครอบครองเปลี่ยนสายได้อย่างสะดวกสบาย โดยนาฬิกาเรือนนี้นอกจากนี้เผยความงดงามของตัวเรือนแซปไฟร์ด้วยความโปร่งแสง ยังมีหน้าปัดแบบสเกเลตันที่เผยให้เห็นกลไกภายในอย่างชัดเจน ในขณะที่เลขหลักเวลาก็ถูกออกแบบให้มีสายฟ้าเข้ากันกับทุกองค์ประกอบ ถือเป็นเรือนเวลาแห่งการเฉลิมฉลองอีกหนึ่งเรือนที่ควรค่าแก่การกล่าวถึงในปี 2025 นี้ โดยผลงานเชิงนวัตกรรมและศิลปะนี้ผลิตจำกัดเพียง 50 เรือนทั่วโลกเท่านั้น

