Vogue Thailand

WATCHES & JEWELLERY

VOGUE SCOOP | การฉลอง 270 ปี Vacheron Constantin ประสบการณ์เหนือระดับจากปารีสสู่เจนีวา

ตั้งแต่การเยี่ยมชมและดินเนอร์เอ็กซ์คลูซีฟ ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ไปจนถึงการฉลองจุดเริ่มต้นของเมซง พร้อมด้วยผลงานมาสเตอร์พีซ นี่อาจเป็นทริปนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบที่สุด

โดย Nattanam Waiyahong
24 กันยายน 2568

มหากาพย์การเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของแบรนด์นาฬิกาในปี 2025 คือไฮไลต์ที่หลายคนจับตามองกับวาระครบรอบสำคัญทั้งเรื่องของแบรนด์และนาฬิการุ่นไอคอนิกมากมาย แต่ถ้าจะกล่าวถึงการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่และดำเนินต่อเนื่องตลอดทั้งปีคงต้องกล่าวถึง Vacheron Constantin เมซงระดับตำนานที่ก้าวสู่ขวบปีที่ 270 พร้อมเนรมิตประสบการณ์แสนพิเศษตั้งแต่การเผยโฉมเรือนเวลาอันน่าทึ่ง การทุบสถิติโลก เรื่อยมาจนถึงทริปฉลองความยิ่งใหญ่ที่พาเปิดประสบการณ์แบบไม่เหมือนใคร ณ กรุงปารีส และกรุงเจนีวา ซึ่งโว้กประเทศไทยได้รับเชิญเป็นส่วนหนึ่งของทริปสุดยิ่งใหญ่ประจำปีของวงการนาฬิกาครั้งนี้ และ #VOGUESCOOP ก็ไม่พลาดที่จะถ่ายทอดเรื่องราวนี้ให้แฟนๆ ได้สัมผัสไปพร้อมกัน

Article

LA QUÊTE DU TEMPS - MECANIQUE D’ART

ไฮไลต์สำคัญประการแรกที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ  La Quête du Temps - Mecanique d’Art ผลงานออโตเมตอนขนาดยักษ์ที่ถือเป็นผลงานการเฉลิมฉลองอันยิ่งใหญ่ของเมซง โดยจัดแสดงพิเศษ ณ ห้องหมายเลข 602 พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ โดยสิ่งประดิษฐ์แห่งมวลมนุษยชาติชิ้นนี้มีองค์ประกอบมากถึง 6,293 ชิ้น แบ่งเป็นส่วนประกอบนาฬิกาถึง 2,370 ชิ้น มีคอมพลิเคชั่นนาฬิกามากกว่า 23 แบบ ท่าทางของหุ่นออโตเมตอน 144 แบบ และแสดงสัญลักษณ์ด้านดาราศาสตร์อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งหมดใช้เวลาพัฒนานานกว่า 7 ปี ซึ่งภายในเรือนเวลานี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 9270 ซึ่งมีตัวเลข ‘270’ บ่งบอกถึงการเฉลิมฉลองปีแห่งความสำเร็จเป็นดั่ง ‘Easter Egg’ อีกด้วย

 

ออโตเมตอนชิ้นนี้ไม่เพียงแต่เป็นสุดยอดนวัตกรรม แต่เป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติยุคใหม่ พร้อมเล่าเรื่องราวแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ยุคเก่า ย้อนรำลึกไปจนถึงการเฝ้ามองดวงดาวของคนสมัยก่อน และการกำเนิดของดาราศาสตร์และนักดาราศาสตร์ เริ่มตั้งแต่รากฐานขององค์ความรู้ที่ใช้ชื่อว่า ‘ปรัชญาธรรมชาติ’ และเริ่มต้นขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 18 การรังสรรค์ผลงานชิ้นนี้จึงผนวกรวมแนวทางของออโตเมตอนและเรือนเวลาตั้งโต๊ะเข้าไว้ด้วยกัน สามารถบ่งบอกเวลาอย่างแม่นยำ มากไปกว่านั้นหุ่นนักดาราศาสตร์ที่ถูกนิยามว่าเป็นตัวแทนของมวลมนุษยชาติจะชี้บอกเวลาได้ราวกับเป็นนักดาราศาสตร์ที่ชี้ดวงดาวอย่างแม่นยำ ด้านศิลปะก็รังสรรค์โดมให้เหมือนกับห้วงอวกาศ สอดแทรกกลุ่มหมู่ดาวที่มองเห็นจากเมืองเจนีวา นอกจากนี้นาฬิกาด้านหน้ายังแสดงผลแบบ 24 ชั่วโมง และเป็นแบบ ‘Retrograde’ ส่วนด้านหลังเป็นการแสดงจักราศีและหมู่ดวงดาวของซีกโลกเหนือ รวมถึงฐานที่จำลองเส้นระบบสุริยะท่ามกลางจักรวาลด้วยวัสดุ ‘Lapis Lazuli’ การสำรองพลังงานโดยรวมสูงถึง 15 วัน และสั่งการออโตเมตอนได้แบบ ‘On-demand’ และตั้งเวลาการทำงานได้อย่างแม่นยำ ปิดท้ายด้วยเทคนิคงานฝีมือตกแต่งชั้นสูง ตั้งแต่การจัดเรียงอัญมณี การจัดวางคริสตัล งานสลัก การเพนต์ และอื่นๆ รวม 8 รูปแบบ น้ำหนักรวมอยู่ที่ 250 กิโลกรัม นับเป็นสุดยอดชิ้นงานที่สะท้อนความสำเร็จของมวลมนุษยชาติและเฉลิมฉลองความสำเร็จยาวนานถึง 27 ทศวรรษของเมซงอย่างสมเกียรติ

Article

MÉTIERS D’ART TRIBUTE TO THE QUEST OF TIME

นอกเหนือจากออโตเมตอน วาเชอรอง คงสตองแตง ที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำนาฬิกาข้อมือก็ไม่พลาดหยิบยกแรงบันดาลใจจากผลงานชิ้นสำคัญมาต่อยอดสอดการรังสรรค์เรือนเวลาข้อมือขั้นสุดยอดเช่นกัน Métiers d’Art – Tribute to the Quest of Time คือผลงานนาฬิกาที่ใช้เวลาพัฒนานานกว่า 3 ปี ผลิตจำกัดเพียง 20 เรือน และใช้ส่วนประกอบมากถึง 512 ชิ้น โดยใช้การบอกเวลาแบบ ‘Retrograde’ เช่นเดียวกับออโตเมตอน จุดสำคัญอีกอย่างคือการจำลองหมู่ดาวที่สังเกตเห็นจากเจนีวาในวันที่ 17 กันยายน 1755 หรือวันเดียวกับที่เมซงก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ หุ่นนักดาราศาสตร์ถูกถอดแบบมาใส่บนหน้าปัดและใช้ท่าทางการชี้บอกเวลาหลักชั่วโมงและนาทีเช่นเดียวกับผลงานนาฬิกาตั้งโต๊ะ ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ มีกลไกสำรองพลังงานที่มีจุดบ่งชี้บนตัวเรือนอย่างชัดเจนถึง 2 รูปแบบ และจำลองการโคจรของดวงจันทร์อย่างแม่นยำตามหลักคำนวณทางดาราศาสตร์ ด้านความสวยงามโดดเด่นด้วยแผนที่ดวงดาวโทนสีน้ำเงิน และดวงจันทร์ 3 มิติบนหุ่นจำลองนักดาราศาสตร์ซึ่งถูกสลักด้วยมือลงบนวัสดุไทเทเนียม มากไปกว่านั้นหน้าปัดด้านหลังยังเคลื่อนไหวไปตามจังหวะหมู่ดาวแบบเรียลไทม์ ความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือตัวเรือนไวต์โกลด์ 18k สร้างมิติความเรียบง่ายแต่หรูหราทรงพลัง และขนาดหน้าปัด 43 มิลลิเมตรที่ถือว่าพอเหมาะพอดีกับการแสดงความยอดเยี่ยมแบบครบถ้วนทุกองค์ประกอบ ซึ่งทุกรายละเอียดสะท้อนภาพความยอดเยี่ยมในทุกมิติ และเป็นอีกหนึ่งชิ้นงานสำหรับการเฉลิมฉลองที่สำคัญของเมซงโดยแท้จริง

Article

EXCLUSIVE LOUVRE EXPERIENCE

ถัดจากเรื่องข้อมูลทางเทคนิคและรายละเอียดของนาฬิกาอันเข้มข้น พักผ่อนเบาสมองกันด้วยความเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับที่วาเชอรอง คงสตองแตงมอบประสบการณ์แสนพิเศษ ณ ช่วงเวลาที่อยู่ในกรุงปารีส กับการเปิดให้เข้าชมผลงาน La Quête du Temps - Mecanique d’Art ณ ห้อง 602 พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์แบบส่วนตัว จากพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้ชมมากที่สุดในโลก ช่วงเวลาหนึ่งกลายเป็นพื้นที่แห่งความเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเพียงแขกคนสำคัญของเมซงร่วมชมผลงานระดับมาสเตอร์พีซด้วยตาตัวเอง และยังเปิดประสบการณ์การเดินผ่านเส้นทางสำคัญของพิพิธภัณฑ์แบบไม่มีท่องเที่ยวคนอื่นแม้แต่คนเดียว ถือเป็นสุดยอดประสบการณ์ที่เชื่อว่าไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ อย่างแน่นอน

Article

FRÉDÉRIC FONTAN’S MASTERPIECE

หลังจากเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์กันแบบส่วนตัว ช่วงเย็นการเปิดประสบการณ์แสนพิเศษยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเมซงจากเจนีวาเนรมิตพื้นที่พีระมิดของลูฟวร์ให้กลายเป็นพื้นที่แสดงศิลปะการเต้นที่ออกแบบโดย Frédéric Fontan ที่ทุกจังหวะมีรากฐานการพัฒนาจากเรื่องดาราศาสตร์ พร้อมสะท้อนสัญญะเกี่ยวกับดวงดาว เรื่อยไปจนถึงรายละเอียดของเสื้อผ้าที่สีทองและขาวใช้เป็นตัวแทนของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ตามลำดับ ศิลปะอันน่าประทับใจเปิดต่อมความตื่นเต้นให้ผู้ชมท่ามกลางบรรยากาศของพิพิธภัณฑ์อันเงียบสงบยามเย็นและชวนให้ค้นหาต่อจนถึงช่วงดินเนอร์

Article

DINNER NIGHT AT LOUVRE

คงไม่มีประสบการณ์ใดที่ทำให้รู้สึกพิเศษไปมากกว่าการดินเนอร์ยามค่ำคืน ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ วาเชอรอง คงสตองแตง เนรมิตพื้นที่โซนสำคัญปิดเป็นพื้นที่แห่งการเฉลิมฉลอง เริ่มตั้งแต่ค็อกเทลช่วงหัวค่ำกับการชมบรรยากาศและเพลิดเพลินกับเสียงดนตรีจาก ‘handpan’ ก่อนที่จะรับฟังสปีชของประธานกรรมการบริหารอย่าง Laurent Perves และบุคคลสำคัญของเมซง หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงดินเนอร์ที่เคล้าอารมณ์ความพิเศษเหนือระดับเข้ากับวิธีการนำเสนอศิลปะไปพร้อมกับการเฉลิมฉลอง เช่นเดียวกับเซ็ตการแสดงเต้นที่ยังคงลากยาวมาจนถึงการแสดงชุดฟินาเล่ที่ปิดฉากการเฉลิมฉลอง ณ กรุงปารีสอย่างน่าประทับใจ

Article

BRING OUR NAMES TO THE UNIVERSE

แม้งานจะจบลง แต่สิ่งที่จะอยู่คู่เป็นเหมือนประสบการณ์เหนือระดับของแขกคนสำคัญที่ร่วมดินเนอร์ ณ พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ครั้งนี้คือการลงทะเบียนดวงดาวจำนวนหลักร้อยดวงให้กลายเป็นชื่อของแขก หมายความว่าดวงดาวบนฟ้าที่อาจใกล้หรือไกลแตกต่างกันไปจะมีดวงดาวที่ถูกลงทะเบียนเป็นชื่อของแขกปรากฏอยู่ในโลกความจริง ณ ที่แห่งหนึ่งในจักรวาลอันกว้างใหญ่ นับเป็นของที่ระลึกที่จะประทับในความทรงจำและสารบบดาราศาสตร์แบบไม่มีวันเลือนหาย

Article

EXCEPTIONAL MANUFACTURE VISIT

เมื่อการเฉลิมฉลอง ณ กรุงปารีสสิ้นสุดลง ได้เวลาเดินทางสู่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสัมผัสถึงรากฐานและต้นกำเนิดของเมซง การเยี่ยมชมโรงงานถือเป็นสิ่งสำคัญที่แบรนด์นาฬิกาจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อเสิร์ฟประสบการณ์และบอกเล่าเรื่องราวความพิเศษเฉพาะตัว ทว่าสำหรับวาเชอรอง คงสตองแตง การเยี่ยมชมโรงงานและสำนักงานใหญ่เปลี่ยนโฉมความคิดไปตลอดกาล เพราะเมซงเนรมิตให้พื้นที่โรงงานเป็นพื้นที่แห่งโลกนาฬิกาและศิลปะ ที่สร้างความประทับใจด้วยการแสดงดนตรีและศิลปะการเต้นควบคู่ไปกับเซ็ตติ้งการรังสรรค์นาฬิกา พร้อมกับจัดโซนแสดงถึงรากฐานความยอดเยี่ยมในมิติต่างๆ อย่างพิเศษที่สุด ตั้งแต่การทำนาฬิกา ศิลปะ งานฝีมือ และองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย การเยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่การชมสถานที่ต้นกำเนิดของเรือนเวลา แต่หมายถึงการเสพเรื่องราวของเมซงแบบลึกซึ้งและน่าตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกัน

Article

HISTORICAL TIMEPIECES

เมื่อกล่าวถึงวาเชอรอง คงสตองแตงและจะไม่กล่าวถึงเหล่าเรือนเวลาระดับจารึกในประวัติศาสตร์คงไม่ได้ เพราะการจัดแสดงผลงาน ณ โรงงานครั้งนี้สอดแทรกการจัดวางนาฬิกาชั้นยอดไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาตั้งโต๊ะ นาฬิกาข้อมือ ไปจนถึงนาฬิกาจิวเวลรี แน่นอนว่ารวมถึงนาฬิกาสำหรับการเฉลิมฉลอง 270 ปีที่ถูกปล่อยออกมาตลอดทั้งปี 2025 อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิการุ่น 222, Overseas Perpetual Calendar Ultra-thin, Overseas Minute-Repeater และนาฬิกาอย่าง Les Cabinotiers รุ่นต่างๆ ที่สะท้อนภาพความเนี้ยบประณีตในการสรรสร้างสุดยอดเรือนเวลาชั้นสูง ยกตัวอย่างเช่น Les Cabinotiers Berkley Grand Complication นาฬิกาสถิติโลกที่ถูกจัดวางแบบไม่หวือหวา สะท้อนภาพความสมดุลลงตัวที่นำเสนอผลงานแบบไม่ยัดเยียดและให้ทุกคนที่มีโอกาสเดินตามเส้นทางของโรงงานได้สัมผัสถึงความสุดยอดของเมซงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

Article

INTERACTIVE 270th CELEBRATION DINNER

อีกหนึ่งดินเนอร์ในทริปนี้ที่สร้างประสบการณ์ความประทับใจขั้นสูงสุดคือการดินเนอร์เฉลิมฉลองครบรอบ 270 ปีของเมซงในวันเกิดพอดิบพอดี (17 กันยายน) นี่คือวันสุดพิเศษที่เมซงเตรียมการมาอย่างเพียบพร้อม บรรยากาศงานดินเนอร์เต็มไปด้วยเหล่าแขกผู้หลงใหลในเรื่องนาฬิกา ดินเนอร์ถูกจัดในรูปแบบ ‘Interactive’ มีการฉายภาพงานศิลป์แห่งการเฉลิมฉลองตั้งแต่เริ่ม ก่อนจะไล่ระดับสู่ความน่าตื่นเต้นผ่านวิดีโอแบบ 360 องศาทั่วทั้งสถานที่ มากไปกว่านั้นโต๊ะยังถูกออกแบบเป็นส่วนหนึ่งของจอ ฉายภาพนาฬิการูปแบบต่างๆ ที่ถือเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ตลอดทั้งดินเนอร์มีการแสดงดนตรี การแสดงเต้น และอื่นๆ สอดประสานเข้ากับการฉายภาพที่ยิ่งใหญ่อลังการ บันทึกความประทับใจลงในความทรงจำของแขกทุกคนที่ได้ลิ้มรสอาหารจากฝีมือเชฟระดับมิชลินที่มีอายุเพียง 29 ปีอย่าง Danny Khezzar

Article

GRAND FINALE AT HEADQUARTER

ปิดท้ายประสบการณ์แสนพิเศษด้วยช่วงฟินาเล่ในพื้นที่โรงงาน หลังจากเพลิดเพลินกับเส้นทางการเยี่ยมชมโรงงาน นิทรรศการนาฬิกา และดื่มด่ำกับดินเนอร์ วาเชอรอง คงสตองแตงขมวดปมการเฉลิมฉลองด้วยการสร้างสรรค์ฉากของโรงงานให้กลายเป็นโซนจัดแสดงแสงสีเต็มรูปแบบ อาคารหลักที่มีโลโก้จัดเซ็ตติ้งฉายไฟส่องสว่างยามค่ำคืน มาพร้อมกับสัญลักษณ์ ‘Maltese Cross’ บนอาคารและตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลอง 270 ปี ทั้งหมดปิดท้ายประสบการณ์แบบครบถ้วนทุกมิติ เป็นบทสรุปของทริปปารีส-เจนีวา ที่เชื่อว่าไม่มีใครสามารถผลิตซ้ำได้อีกอย่างแน่นอน

 

***ผลงาน La Quête du Temps - Mecanique d’Art ที่จัดแสดง ณ ห้อง 602 พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เปิดให้เข้าชมในรูปแบบสาธารณะแล้วจนถึงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2025 ใครเป็นสาวกนาฬิกาหรือต้องการยลโฉมสุดยอดมาสเตอร์พีซอันเป็นสัญลักษณ์ของมวลมนุษยชาติจากแวดวงนาฬิกาไม่ควรพลาด

กราฟิก : สุกฤตา ว่องวัฒนพิบูลย์
ภาพ : Courtesy of Vacheron Constantin และ นาทนาม ไวยหงษ์