เปิด 5 แบรนด์นาฬิกาหน้าปัดมุก มอบแสงและเงาที่งดงามเหนือระดับ
ความสวยงามจากท้องทะเลสู่เรือนเวลาสุดคลาสสิก
เตรียมส่งท้ายฤดูร้อนพร้อมก้าวเข้าฤดูฝนของปี 2024 นี้ด้วยการวบคอลเล็กชั่นนาฬิกาหน้าปัดมุก หรือ Mother-of-Pearl ที่ส่องประกายเหลือบแสงหลากเฉดสี ท้าทายแสงอาทิตย์อันร้อนแรง นับเป็นหนึ่งในคอลเล็กชั่นเรือนเวลาที่สาวๆ ต้องมีสักเรือน โดยเสน่ห์ของนาฬิกาหน้าปัดมุกคือเหมือนคุณได้สวมใส่นาฬิกาที่ต่างออกไปจากเดิมเพราะหน้าปัดมุกนั้นจะสะท้อนแสง เล่นกับจุดกระทบของแสง และแสดงความเหลือบรุ้งที่แตกต่างกันในแต่ละสภาพแสงที่ตกกระทบ ซึ่งในแต่ละวัน แต่ละเวลา เราก็จะอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกันนั้นทั้งแสงไฟในห้างสรรพสินค้า แสงเทียนยามดินเนอร์ หรือแสงเช้าตอนออกไปทำงาน สีหน้าปัดมุกก็จะมีความเหลือบที่แตกต่างกันออกไป
ภาพ: IAMWATCH
1. New BLANCPAIN Ladybird Colors
เปิดคอลเล็กชั่นด้วยนาฬิกาหน้าปัดมุกสีขาวอันงดงามซึ่งผลิตจากมุกบริสุทธิ์คุณภาพสูง จึงมีความโดดเด่น ดูมีมิติมากกว่าปกติ เสริมให้ตัวเลขหลักชั่วโมงสีรุ้งโดดเด่นสวยหวานอย่างน่าชื่นชมจาก BLANCPAIN ขอบหน้าปัดถูกประดับด้วยเพชรน้ำงามจำนวน 70 เม็ด ปิดท้ายด้วยความพิเศษของสายนาฬิกาที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ เพื่อสะท้อนทั้งอารมณ์และบุคลิกของผู้สวมใส่ตามความต้องการ โดยจะเป็นสายหนังจระเข้ 5 สีพร้อมชื่อสีที่สื่อถึงความสุขในช่วงฤดูร้อน อาทิ เหลืองเลมอนซอร์เบต์, ชมพูราสเบอร์รี่, เขียวแอปเปิ้ล, น้ำเงินมิดไนท์ และขาวบริสุทธิ์
Cr. IAMWATCH
2. RIENT STAR Mechanical Moon Phase Limited Edition
นาฬิกาหน้าปัดมุกที่อยู่ภายใต้คอนเซปต์ของ “พระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วงที่ทะเลสาบทาซาวะ” ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดอาคิตะประเทศญี่ปุ่นเป็น 1 ใน 100 ทะเลสาบที่สวยงาม และมีความลึกที่สุดในญี่ปุ่น ตัวเรือนมีการไล่เฉดสีเทา บนหน้าปัดมุกที่สีของหน้าปัดจะเปลี่ยนไปตามมุมมองและแสงที่ตกกระทบเช่นเดียวกันกับสีของพื้นผิวทะเลสาบทาซาวะที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนียภาพไปตามภูมิอากาศของช่วงเวลานั้นๆ มาพร้อมกับฟังก์ชั่นมูนเฟส เผยให้เห็นพระจันทร์สีเงินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน
WATCH
ภาพ: IAMWATCH
3. CITIZEN L
เรือนเวลาคาแร็กเตอร์สุดเฟมินีนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “May bells” หรือลิลลี่แห่งหุบเขา สัญลักษณ์ของความสุขและการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิ ส่วนของหน้าปัดได้นำความงดงามของดอกเมเบลล์ มาสร้างสรรค์เป็นตัวเรือนที่มีเส้นโค้งมนอันอ่อนโยน ผสานกับหน้าปัดที่ผลิตจากมุก เพื่อสื่อถึงความสวยงามและอ่อนโยนตามสีสันแห่งท้องทะเล บนพื้นหน้าปัดมีการประดับเพชรที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา ตัวแทนของหยดน้ำฝนที่วาววับบนดอกลิลลี่แห่งหุบเขายามเมื่อต้องแสงอาทิตย์ ปิดท้ายความลักชัวรีด้วยเม็ดมะยมดีไซน์ทรงมงกุฎสีน้ำเงินใส
ภาพ: IAMWATCH
4. BEHRENS
มาถึงแบรนด์นาฬิกาที่อาจจะไม่ค่อยคุ้ยเคยเท่าไหร่ สำหรับ BEHRENS ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องบอกเวลาสายคนรักอิสระ มีแนวทางเฉพาะตัวและชัดเจน ที่เกิดจากกลุ่มคนรักนาฬิกากลุ่มเล็กๆ ชาวเอเชียที่มีปรัชญาในการออกแบบ ทั้งรูปลักษณ์และกลไกที่ชัดเจนและแน่วแน่ พร้อมนำเสนอนาฬิกา BEHRENS รุ่น B015 Navigraph เรือนเวลาฟังก์ชั่นจีเอ็มทีรุ่นแรกของแบรนด์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ไซ-ไฟ และนิยายขายดีที่มีชื่อว่า The Wandering Earth ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการพยายามขับเคลื่อนโลกด้วยจรวดขับดันหรือทรัสเตอร์ เพื่อหนีจากหายนะการล่มสลายของระบบสุริยะ โดดเด่นด้วยหน้าปัดมุกขอบสีน้ำเงินแบบสเกเลตันทั้ง 4 วง ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ 9015 ที่ถูกปรับแต่งอย่างพิถีพิถันโดย BEHRENS เอง กระจกหน้าปัดทรงโดมและฝาหลังที่กรุกระจกแซปไฟร์ สามารถมองเห็นการทำงานของกลไกอันซับซ้อนและสวยงาม
ภาพ: IAMWATCH
5. HERMÈS Arceau Les folies du ciel
คอลเล็กชั่นอาจแตกต่างจากนาฬิกาหน้าปัดมุกรุ่นอื่น กล่าวคือ ไม่ได้เป็นนาฬิกาที่มีพื้นหน้าปัดทั้งหมดเป็นมุก แต่เป็นการใช้มุกแต่งแต้มประดับบนหน้าปัด อย่างชาญฉลาดและสวยงาม ผ่านภาพอันวิจิตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายโดดเด่น บนผืนผ้าพันคอไหมที่ออกแบบขึ้นในปี 1984 เพื่อเป็นเกียรติแก่วิทยาศาสตร์และการศึกษาเกี่ยวกับอากาศธาตุ ถ่ายทอดเรื่องราวอันงดงามผ่านบหน้าปัดมุกกับพื้นผิวเหลือบสีที่สามารถมองเห็นได้ ผ่านควันอันบางเบาที่ปล่อยออกจากปล่องไฟ รวมถึงภาพของฮอทแอร์บอลลูนสีชมพูนีโอราไลต์ และสีเขียวสองลำที่โบยบินไปตามคลื่นสายลม โดยผืนผ้าใบซึ่งผ่านกระบวนการเผาภายในเตา เพื่อรังสรรค์ความโค้งและมีมิตินูนต่ำ ทำงานด้วยกลไกอินเฮาส์อัตโนมัติคาลิเบอร์ H1837 พลังสำรองลานได้ยาวนาน 50 ชั่วโมง
WATCH