ท่ามกลางงาน Watches & Wonders 2024 มีนาฬิกาขั้นสุดยอดจากแบรนด์ชั้นนำถูกยกชูโรงอย่างโดดเด่นอย่างอัดแน่น ความพิเศษที่น่าสนใจจากแต่ละแบรนด์ล้วนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับ Piaget เองก็มีความโดดเด่นในแบบเหนือระดับ เพราะนี่คือการเฉลิมฉลองครบรอบ 150 ปีของแบรนด์พอดิบพอดี เพียเจต์จึงรังสรรค์เรือนเวลาชั้นยอดกับ Altiplano Ultimate Concept Tourbillon นาฬิกากลไกตูร์บิญงฉลอง 150 ปีที่ทุบสถิติโลกด้วยกลไกตูร์บิญงที่บางที่สุดในโลก และถือเป็นไฮไลต์ที่สาวกนาฬิกาจากทั่วโลกจับจ้องที่สุดในงานสำคัญครั้งใหญ่ที่สุดประจำปีของวงการนาฬิกา

     เรื่องราวของนาฬิกาเรือนนี้ไม่ธรรมดา เพราะเพียเจต์บอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวเลขจำนวนปีอย่างน่าทึ่งเชื่อมโยงกับขวบปีที่ 150 ของแบรนด์ โดยกำกับตัวเลขนาฬิกาเรือนนี้ว่า “ถือกำเนิดขึ้นหลังเมซงก่อตั้งมา 150 ปี กำเนิดขึ้นหลังแบรนด์คิดค้นกลไกเรือนเวลาฉบับ ‘Ultra-Thin’ ชื่อ 9P 67 ปี และ 6 ปีหลังจากที่เผยคอนเซปต์นาฬิกาที่บางที่สุดในโลกอย่าง Altipano Ultimate Concept” วันนี้สุดยอดนวัตกรรมแห่งยุคถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการพร้อมกับเรียกเสียงฮือฮาและชวนให้ทุกคนสัมผัสกับชิ้นงานที่ถือว่าเป็นความยอดเยี่ยมแห่งวงการนาฬิกาโดยแท้จริง

     ตัวเลข 2 มิลลิเมตรคือสิ่งที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้คือหนึ่งในสุดยอดเรือนบอกเวลาประจำปี 2024 ด้วยหน้าปัดขนาด 41.5 มิลลิเมตรทำจากวัสดุพีวีดีโคบอลต์อัลลอย สีน้ำเงิน มีประสิทธิภาพกันน้ำลึก 20 เมตร สิ่งที่น่าทึ่งคือการกดรายละเอียดของกลไกตูร์บิญงให้แทบจะเรียบแบนสนิทกับพื้นและย่นย่อการวงกลไกให้สมดุมในทุกตำแหน่ง ถึงกระนั้นก็ยังไม่ละทิ้งเรื่องความสวยงามและรายละเอียดสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโลโก้แบรนด์และตัวเลขปี 1874 ซึ่งเป็นปีต้นกำเนิดของแบรนด์เพียเจต์ ดังนั้นนาฬิกาเรือนนี้จึงถือเป็นหมุดบันทึกทางประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่สร้างทั้งมนต์เสน่ห์แห่งความทรงจำและการจารึกเรื่องราวความล้ำหน้าในการรังสรรค์เรือนเวลา

     นี่คือความลับสุดยอดกว่า 3 ปีในโรงงานนาฬิกาของเพียเจต์ ณ La Côte-aux-Fées ซึ่งเต็มไปด้วยการทำงานหนัก การตั้งคำถาม และความสงสัยแคลงใจ ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลไกตูร์บิญงคือสุดยอดนวัตกรรมที่เป็นดั่งยอดพีระมิดแห่งวงการนาฬิกา แต่การปรับเปลี่ยนและสร้างมิติความสลับซับซ้อนที่เหนือชั้นคือโจทย์ท้าทายครั้งใหญ่ของเพียเจต์ แม้จะมีคอนเซปต์นากาบางเฉียบอย่าง Altipano Ultimate Concept แต่แบรนด์ต้องรื้อสร้างและออกแบบส่วนประกอบเกือบทั้งหมดใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างถูกรังสรรค์ขึ้นเพื่อชิ้นงานระดับมหากาฬของเมซงประจำปีนี้ โดย Benjamin Comar ประธานกรรมการบริหารของแบรนด์ถึงขั้นกล่าวว่า “เราทำมากกว่าแค่เติมกลไกตูร์บิญงอย่างมาก เราประดิษฐ์ทุกอย่างขึ้นมาใหม่”

     กลไกเม็ดมะยมถูกฝังในตัวเรือนเพื่อความเรียบเนียนอย่างถึงที่สุด ประกอบกับสายที่ทำจากวัสดุโคบอลต์อัลลอยสร้างความเรียบเนียนแนบชิดขณะสวมใส่ ในขณะเดียวกันก็อัดแน่นด้วยความคงทนเช่นกัน แต่ความสลับซับซ้อนที่น่าทึ่งก็ต้องย้อนกลับสู่ที่บริเวณหน้าปัด โดยกลไกตูร์บิญงถูกวางไว้ในตำแหน่งเลข 10 พร้อมหลักตำแหน่งบอกวินาทีสลักรายล้อมวงแหวนของกลไกเอาไว้นี่คือการออกแบบที่ต้องการให้ทุกอย่างสมบูรณ์ภายใต้ขีดจำกัดความบาง 2 มิลลิเมตรทั้งๆ ที่โดยปกติกลไกและจุดแสดงเวลาบนหน้าปัดจะเบียดเสียดกันเต็มแล้ว

     กลไกที่ถูกบีบแน่นในขนาดอันเล็กจิ๋วนี้ยังคงประสิทธิภาพความยอดเยี่ยมระดับสูง เรือนเวลาจากเพียเจต์สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 40 ชั่วโมงโดยอาศัยการทำงานจากกลไกเมนสปริงด้านในพร้อมฟันเฟืองและเบลดที่ถูกทำให้หนาขึ้นเพื่อสร้างพลังงานได้มากขึ้นเช่นกัน อีกทั้งยังมีการลดทอนแรงเสียดทาน พร้อมปรับขนาดแซปไฟร์คริสตัลสู่ตัวเลข 0.20 และ 0.16 มิลลิเมตรทั้งด้านหน้าและหลังตามลำดับ และแน่นอนว่ากลไกทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านหน้าปัด ตัวเรือน และสายสีน้ำเงินตัดทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง เมื่อสวมนาฬิกาเรือนนี้จึงไม่ใช่แค่การสวมนวัตกรรมล้ำหน้า แต่หมายถึงการแสดงถึงเรื่องราวประวัติศาสตร์ของเมซงตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน และแนวโน้มความล้ำสมัยในอนาคตที่จะเคียงคู่ไปพร้อมกับมิติความสร้างสรรค์และเทคนิคอันซับซ้อนของเพียเจต์ต่อไป