#VOGUEMORE เฟ้นหารูปทรงและสีสันในเมืองมิลานไปกับ “ต้าเหนิง-กัญญาวีร์” และ Bottega Veneta

THE ARTISTIC CONNECTION
การเดินทางเฟ้นหารูปทรงและสีสันเชื่อมโยงกับความงดงามเชิงศิลป์ไปกับ “ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง”

นางแบบ: กัญญาวีร์ สองเมือง
แฟชั่นไดเร็กเตอร์: จงกล พลาฤทธิ์
ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
สไตลิสต์ สลาลี สมบัติมี
แต่งหน้า: จีระ เจริญธมะสุข
ทำผม:สิริการย์ จันทนยิ่งยง
ผู้ช่วยสไตลิสต์: รัชพนธ์ เจริญกุศล

 

เส้นทางการนำเสนอแฟชั่นของ Bottega Veneta ในยุคของ Matthieu Blazy เข้มข้นด้วยวิถีแห่งการเดินทางเสาะหาแนวทางความสร้างสรรค์อันไม่รู้จบ ดังนั้นการแปรเปลี่ยนพลังงานและแรงบันดาลใจสู่ผลผลิตทางวัฒนธรรมที่สวมใส่ได้จริงจึงเป็นดั่งงานศิลปะชั้นยอดที่สามารถสะกดความสนใจของผู้สนใจแฟชั่นได้อย่างอยู่หมัด การเดินทางเยือนถิ่นที่ตั้งของแบรนด์ ณ เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี คือหัวใจสำคัญในการถ่ายทอดมนต์เสน่ห์เหล่านั้นผ่านตัวตนที่น่าดึงดูดของ “ต้าเหนิง-กัญญาวีร์ สองเมือง”

#VOGUEMORE ครั้งนี้จึงพาทุกคนท่องไปในโลกแห่งรูปทรงและสีสัน ผสมผสานกับงานศิลปะภายในเมืองที่ปรากฏขึ้นผ่านมุมมองเชิงศิลป์ที่สร้างสรรค์เหนือคำบรรยาย รูปแบบการหยิบยกเอาแรงบันดาลใจเพื่อหล่อหลอมผลงานแฟชั่นจึงเหมือนการเฟ้นหาสิ่งของ สีสัน ลวดลาย และองค์ประกอบต่างๆ จนสามารถหลอมรวมประกอบสร้างงานแฟชั่นที่สะท้อนแก่นรากจากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 ได้อย่างดีที่สุด

คีย์หลักสำคัญของคอลเล็กชั่นนี้คือการหยิบยกแรงบันดาลใจจากทั่วทุกมุมโลก ไม่เพียงแต่ในดินแดนอิตาลี แต่หมายถึงกระแสการอ้างอิงหรือที่คุ้นเคยกับคำว่า ‘Reference’ และแรงบันดาลใจอันไร้ขีดจำกัด ตั้งแต่สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นด้วยความทะเยอทะยาน หรือจะเป็นการรังสรรค์โดยฝีมือธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ ต่อยอดแนวความคิดรากฐานเชิงศิลป์สู่เป้าหมายในการพัฒนาแฟชั่นเพื่อตอบโจทย์ความอิสระในการใช้ชีวิต สิ่งที่ใครสักคนหนึ่งอยากเป็น หรืออยากจะออกเดินทางไปในจินตนาการในแบบที่ไม่มีจุดสิ้นสุด สะท้อนถึงแนวคิดยุคใหม่เกี่ยวกับการวิเคราะห์ปัจเจกบุคคล ผู้ซึ่งมีความคิดอิสระ และนำเสนอมันผ่านช่องทางต่างๆ หนึ่งในนั้นคือแฟชั่น และแน่นอนว่าโบเตก้า เวเนต้ากำลังสื่อสารสิ่งนี้อยู่อย่างชัดเจนที่สุด

แมทธิวแสวงหาแรงบันดาลใจผ่านการพรากจาก การเดินทาง และจินตนาการดังที่กล่าวไป จากความสุขไปถึงความยากลําบาก และยังคงเป็นอีกครั้งที่ตัวละครต้นแบบนั้นมีความพร้อมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการผันเปลี่ยน ความไม่แน่นอน และการขับเคลื่อนหรือการเดินทางจากความธรรมดาไปสู่ความพิเศษ โดยไม่ถูกผูกมัดด้วยบรรทัดฐานของบุคคล จึงทําให้พวกเขาเริ่มที่จะโอบรับความดั้งเดิมในธรรมชาติไว้ในสิ่งที่สวมใส่ สะท้อนออกมาเป็นแฟชั่นที่เสริมลูกเล่นหลากอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นลวดลายและสีสันที่พุ่งถึงขีดความจัดจ้านไปจนถึงดำดิ่งสู่ความล้ำลึกกับเฉดและโทนที่ต่างกันออกไปตั้งแต่สีแดง สีส้ม เรื่อยไปจนถึงสีเขียวและค่อยๆ ไล่ระดับโทนเย็นลงมาเรื่อยๆ

เรื่องสีสันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สะดุดตา แต่สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือเรื่องรูปทรง โดยแบรนด์เลือกสรรความแข็งมาเป็นแกนหลักผสมผสานกับความนุ่มนวลตามแบบฉบับธรรมชาติ เราจะเห็นได้ถึงชุดเดรสขึ้นทรงแข็งประกอบร่างสร้างรูปทรงที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมแม้ขยับเขยื้อนร่างกาย ดอกไม้ ดอกไม้ไฟ และการก่อตัวของหินตามธรรมชาติก็ถูกหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจอีกส่วนที่ระบุถุงการเชื่อมโยงกับธรรมชาติด้วยมิติที่ซับซ้อนมากขึ้น “โดยความจำเป็นของการเชื่อมต่อกับโลกดึกดำบรรพ์ของสัตว์ แร่ธาตุและพืชอีกครั้งนั้น เปรียบเสมือนกับการเก็บเปลือกหอยอันงดงาม โดยสิ่งๆ นั้นอาจจะมีความหมายหรือไม่มีความหมายก็ตาม ซึ่งการกระทำเหล่านี้ เป็นการเชื่อมโยงกับความงามของสิ่งมีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ ทางธรรมชาติที่ถือว่าเป็นการโอบรับอันไร้รูปแบบ และนี่คือเสื้อผ้าที่ไม่มีกฎเกณฑ์” แมทธิวกล่าวถึงคอลเล็กชั่นนี้ด้วยการเปรียบเปรย

รายละเอียดของเสื้อผ้าที่เน้นย้ำเรื่องรูปทรงประกอบกับการไล่ระดับสีอย่างชาญฉลาดนั้นยังมีจุดสำคัญเรื่องเทคนิคการตัดเย็บอีกด้วย ไล่ตั้งแต่การตัดต่อรายละเอียดฟริงจ์เพิ่มความพลิ้วไหวให้กับชุดที่มีโครงสร้างซิลูเอตชัดเจน การเพิ่มรายละเอียดงานปักประดับที่เสริมให้ชุดเดรสสีฟ้าตรงจัดจ้านด้วยรายละเอียดราวกับการแตกกระจายของดอกไม้ไฟ เสื้อและกางเกงเข้าชุดอันโดดเด่นด้วยลายตารางสลับสีจับคู่กับฟริงจ์อันแทนที่เส้นขอบหรือรอยคมต่างๆ ทั่วทั้งร่างกาย เรื่อยไปถึงการทอและจัดระเบียบผ้าที่มีความแตกต่างกันเพื่อเชื่อมโยงเข้าถึงกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว

เรื่องกระเป๋าก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เทคนิค Intrecciato อันเป็นเอกลักษณ์ยังคงถูกสานต่ออย่างมั่นคง กระเป๋ารุ่น Sardine ขนาดใหญ่มาพร้อมด้ามจับเซรามิก บ่งบอกถึงรากฐานที่หนักแน่นแต่พร้อมสำรวจความสดใหม่ดั่งการเดินทางตามแรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่น กระเป๋ารุ่น Città ก็โดดเด่นด้วยเทคนิคงานฝีมือทิศทางเดียวกัน และถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานจริงผ่านฟังก์ชั่นหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นช่องกระเป๋าด้านใน ฝากระเป๋าแบบแม่เหล็ก และรายละเอียดการผูกปมสำหรับปรับระดับความยาว นอกจากนี้ยังมีรองเท้า Atomic ที่มาในรูปแบบของหนังสานเทคนิค Mini Weave Cushion Lux และเวอร์ชั่น Stretch Mesh ผ้าตาข่ายมอบความสบายเต็มเปี่ยมเมื่อสวมใส่ ปิดท้ายด้วย Cha-Cha รองเท้าส้นสูงพื้นยางแบบเปิดและปิดหน้าเท้า สะท้อนงานแบบ Craft in Motion ที่เน้นย้ำงานฝีมือที่ให้ความสำคัญกับการสวมใส่จริง

ทุกองค์ประกอบของคอลเล็กชั่นส่งอิทธิพลถึงการถ่ายทอดแฟชั่นในรูปแบบของโว้ก ณ เมืองมิลานกับต้าเหนิงครั้งนี้ เพราะด้วยรูปทรงและสีสันของเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่ เหมาะสำหรับการเฟ้นหาซอกมุมแห่งความสร้างสรรค์อันสะท้อนมนต์เสน่ห์ของงานศิลปะหลายแขนงในเวลาเดียวกัน ซึ่งเหมือนกับการเดินทางของแบรนด์ที่ไม่ได้เน้นย้ำทางใดทางหนึ่งแต่เปิดโอกาสให้สำรวจและศึกษาเข้าถึงในทุกๆ แง่มุม ไม่ว่าจะเป็นมุมเล็กๆ กับงานขนาดจิ๋ว หรืองานขนาดใหญ่ในพื้นที่กว้างขวาง ทั้งหมดสามารถหลอมรวมมุ่งสู่ศูนย์กลางไอเดียตั้งต้นของคอลเล็กชั่นนี้ได้อย่างงดงามที่สุด