FASHION
#VOGUEMORE ทบทวนช่วงเวลาที่น่าจดจำของ ‘หมาก-ปริญ’ และ ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’นักแสดงหนุ่มและ Friend of the House CHANEL “หมาก-ปริญ สุภารัตน์” ชวนเพื่อนนักแสดงหนุ่ม “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ร่วมถ่ายทอดเสน่ห์ของ J12 ไอคอนแห่งการรังสรรค์นาฬิกาของ CHANEL ผ่านภาพแฟชั่นเซ็ตของปกดิจิทัล รวมถึงยังเล่าประสบการณ์สำคัญในชีวิตที่แชร์กับเหล่าคนพิเศษ ทั้งมิตรภาพ ความรัก ไปจนถึงโมเมนต์ส่วนตัวที่ไม่เคยเผยที่ไหนมาก่อน |
ช่างภาพ:ธาดา วาริช
สไตล์ไดเร็กเตอร์: จิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล
ผู้ช่วยสไตลิสต์: ฐิตาภรณ์ พุกพัก
ช่างแต่งหน้า: จิรายุ ดีสาระ และ นฤชาติ เจตนาวิไลย
ช่างผม: ณัฐพจน์ บุญสิทธิ์ และ รัชดา พ่วงพวงงาม
อาร์ตไดเร็กเตอร์: วิวาน วรศิริ
กราฟฟิก: บพิตร วิเศษน้อย
บทความและสัมภาษณ์: ธนภพ ณ ตะกั่วทุ่ง
เมื่อประมาณช่วงปี 2010 คือช่วงยุคการเปลี่ยนผันของอุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศไทยครั้งสำคัญ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมละครไทยที่ได้ให้กำเนิดนักแสดงหน้าใหม่มากฝีมือมากมาย และให้โอกาสพวกเขาได้ขโมยหัวใจผู้ชมด้วยการแสดงและเสน่ห์อันล้นเหลือ ทำให้ละครโทรทัศน์ช่วงค่ำกลายเป็นกระแสฮิตฟีเวอร์อีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นละครเรื่องเดี่ยว หรือละครที่ร้อยต่อเรื่องราวเป็นซีรี่ส์อย่าง “สี่หัวใจแห่งขุนเขา”ก็ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะสองหนุ่มนักแสดงดาวรุ่งที่มีสไตล์และบุคลิกที่แตกต่างกัน “หมาก-ปริญ สุภารัตน์” หนุ่มไทยแท้ที่มาพร้อมกับเสน่ห์ความทะเล้นและพลังบวกที่พร้อมสร้างรอยยิ้มให้คนรอบกาย และ “ณเดชน์ คูกิมิยะ” หนุ่มลูกครึ่งไทย-ออสเตรียกับเสน่ห์ความสุขุมที่คนรอบข้างต้องรู้สึกใจพองไปตามๆ กัน ปัจจุบันเวลาได้ผ่านมานานกว่า 14 ปี ทั้งสองหนุ่มกลายเป็นนักแสดงคุณภาพที่โลดแล่นอยู่บนหน้าจอโทรทัศน์ รวมถึงยังเผยความสามารถในด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นบนบิลบอร์ดโฆษณา โรงภาพยนตร์ นิตยสารแถวหน้า หรือแคมเปญแฟชั่นระดับโลก ล้วนแล้วก็มีใบหน้าของทั้งสองคนปรากฏอยู่
1 / 2
2 / 2
ครั้งนี้สองหนุ่มนักแสดงขวัญใจชาวไทยได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้งในรอบหลายปี ด้วยการถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ตและปกดิจิทัลกับโว้กประเทศไทยอย่าง #VOGUEMORE ซึ่งทั้งสองอาจจะเคยถ่ายปกนิตยสารร่วมกันมาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หมากและณเดชน์ได้ขึ้นปกร่วมกันเพียงแค่สองคน เมื่อถามถึงความรู้สึกในการโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้ง หมากได้กล่าวว่า “มันทำให้ผมคิดถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่ด้วยกัน เรารู้จักกันมานานกว่าสิบปีแล้วครับ การถ่ายแบบครั้งนี้ผมจึงสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ เหมือนเราอยู่กับเพื่อนและให้ช่างภาพ (จอร์จ-ธาดา) สแน็ปเก็บโมเมนต์เอาครับ” ณเดชน์ก็เผยความรู้สึกเดียวกันว่า “เราสนิทกันอยู่แล้ว ทำงานกับพี่หมากก็สนุกทุกครั้ง และยังได้สวมนาฬิกาของชาเนลถ่ายแบบร่วมกันอีก ผมเลยรู้สึกประทับใจมากครับ” ซึ่งถึงแม้ทั้งสองคนจะถ่ายแบบในเซ็ตเดียวกัน สวมนาฬิการุ่น J12 เหมือนกัน รวมถึงการสไตลิ่งที่คล้ายกัน ทว่าทั้งคู่กลับมีวิธีการเตรียมตัวที่แตกต่างกัน โดยณเดชน์ตื่นเช้ามาเล่นโยคะ อาบน้ำ ขับรถออกมาถึงกองด้วยตัวเอง ขณะที่ฟังเพลง Smooth Operator ของ Sade เพื่อให้ตัวเองรู้สึกดื่มด่ำถึงอารมณ์ของแฟชั่นเซ็ต ส่วนหมากนั้นเมื่อทราบว่าต้องมาทำงานกับณเดชน์ ก็ตื่นมาออกกำลังกายเป็นกิจวัตรที่ทำประจำในตอนเช้า ปล่อยใจให้โล่ง และเตรียมมาเปิดรับประสบการณ์ใหม่กับเพื่อนสนิท ซึ่งทั้งบรรยากาศในการถ่ายแฟชั่นเช็ตนั้นเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย ความขี้เล่นและสนิทสนมของทั้งคู่ ทำให้เวลาแห่งความสนุกสนานผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
WATCH
1 / 2
2 / 2
หลังจากถ่ายแบบแฟชั่นเซ็ตครั้งนี้กับชาเนลและโว้กประเทศไทย หมากและณเดชน์ได้มานั่งตอบคำถามทั้งหมด 4 คำถาม เพื่อเป็นการทบทวนความทรงจำที่สำคัญและน่าจดจำด้วยกันของแต่ละคน รวมถึงยังเผยโมเมนต์ส่วนตัวที่ไม่เคยเผยที่ไหนมาก่อน จะมีเรื่องราวใดบ้างที่น่าสนใจ มาฟังคำตอบของทั้งคู่กัน
เมื่อให้เล่าถึงประสบการณ์การเดินทางที่น่าประทับใจในช่วงนี้ ณเดชน์ได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับทริปล่าสุดที่เขาได้ขอแฟนสาว ‘ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์’ แต่งงาน โดยเขาได้เล่าว่า“แน่นอนครับ คือทริปที่เดินทางไปยุโรปล่าสุด ถ้าจะว่ามันคือการเตรียมตัวที่จะไปสู่การขอญาญ่าแต่งงานก็ว่าได้ อันนั้นคือเป้าหมายหลัก แต่ความตั้งใจส่วนอื่นคือการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ครับ ไม่ว่าจะเป็นอาหารทุกมื้อ สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเรา และตัวเขา และอนาคตในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งเวลาผ่านไปเร็วมาก จึงทำให้เราตั้งใจว่าต่อจากนี้อยากทำให้ทุกช่วงเวลาเป็นเวลาที่สำคัญ โดยไม่ให้เวลาผ่านไปอย่างน่าเสียดาย" ซึ่งหมากก็ให้คำตอบว่าเป็นทริปเดียวกัน แถมยังเผยว่า“เป็นครั้งแรกที่ไปต่างประเทศกับเพื่อนๆ นานขนาดนั้น ได้เจอกับเหตุการณ์เซอร์ไพรส์ที่น่าประทับใจ ครั้งนี้มุมมองการไปเที่ยวของเราก็เปลี่ยนเยอะมากครับ ผมอยากจะซึมซับเวลาและประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด และอีกอย่างอยู่ต่างประเทศนานถึง 15 วัน ผมคิดถึงอาหารไทยมากครับ”
1 / 2
2 / 2
การเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ทั้งสองหนุ่มต่างมีโปรเจกต์ในมือมากมาย แต่ทั้งสองก็มีโปรเจกต์ส่วนตัวที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน โดยสำหรับหมากคือการสร้างบ้านกับคู่หมั้น ‘คิมเบอร์ลี่ แอน โวลเทมัส’ เขาได้เผยถึงความคืบหน้าของโปรเจกต์นี้ว่า “เรามีการกำหนดช่วงเวลาไว้ที่ชัดเจนเพราะเราต้องใช้บ้าน ซึ่งผมต้องบินและเดินทางไปทำงานหลายที่บ่อย ก็เลยอยากพยายามเร่งทำทุกอย่างให้เสร็จเรียบร้อยครับ” เมื่อถามถึงสไตล์บ้านหมากก็ตอบกลับว่า “บ้านในฝันที่ชอบคือบ้านสีขาวสไตล์ยุโรปครับ เพราะน้องคิมชอบบ้านสีขาว เราก็ชอบด้วย บ้านหลังนี้เราร่างเส้นขึ้นมาด้วยกันตั้งแต่เส้นแรก พอเห็นมันเริ่มออกมาเป็นรูปเป็นร่างเราก็ชื่นใจครับ” ในส่วนของณเดชน์นั้นคือการก่อสร้างธุรกิจใหม่อย่างศูนย์ออกกำลังกาย ด้วยเป้าหมายที่ว่า “ผมอยากเปิดประสบการณ์ให้คนเข้ามาพิชิตเป้าหมายในการพัฒนาร่างกายและสุขภาพจิต ไม่ใช่แค่การสร้างหุ่นเพียงอย่างเดียว ยิ่งตอนนี้ผมใช้ร่างกายในการทำงาน มันฝึกให้ผมมีวินัยขึ้นครับ จนตอนนี้ทำเป็นรูทีนไปแล้ว”
1 / 2
2 / 2
ด้วยความนิยมและความสำเร็จในด้านการงาน จึงทำให้ทั้งคู่ต้องใช้เวลาอยู่กับผู้คนตลอดเวลา แต่ถ้าหมากและณเดชน์ต่างมีเวลาอยู่คนเดียว กิจกรรมโปรดของณเดชน์คือการซ็อปปิ้งออนไลน์ “มันเหมือนการระบายอารมณ์ด้วย Retail Therapy ครับ พอมีแผนจะไปเที่ยวก็จะเริ่มแล้ว โดยเฉพาะแบรนด์แฟชั่นของคนไทย ผมก็จะเซฟและทักไปหาก่อนเลยครับ แต่ถ้าอีกหนึ่งกิจกรรมที่เป็นประโยชน์หน่อยคงเป็นการเปิดเพลงฟังในรถและร้องตามครับ ผมชอบการแอดลิป เปลี่ยนอ็อกทีฟประสานเสียงตาม หรือถ้ามีเรื่องคิดในใจผมก็จะเขียนโน้ตไว้ครับ ทั้งแต่งเพลง เขียนเฮดไลน์หนังสั้นที่อยากจะสร้างวันหนึ่ง” เมื่อถามถึงแนวภาพยนตร์ที่อยากจะสร้าง เขาตอบว่าเขาชอบทั้งโรแมนติก-คอมเมดี้ เพราะชอบสร้างเสียงหัวเราะให้คนที่อยู่รอบข้าง หรือจะเป็นแนวแอ็กชั่นเพราะอยากลองเล่นบทบู๊เหมือน Tom Cruise
ส่วนหมากนั้นคือนักวางแผน ซึ่งเขาได้เผยว่า “ส่วนผมจะชอบนั่งและโฟกัสว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ มีเรื่องให้ต้องคิดไหม มีงานในอนาคตอะไรที่เราต้องเตรียมตัวทำการบ้านก่อน ซึ่งบางทีก็รู้สึกเหมือนนั่งสมาธิเหมือนกันนะครับ มันทำให้จิตใจเราไม่ฟุ้งซ่าน เราใช้ชีวิตมาก็ 33 ปีแล้ว เราก็ชอบลืมโมเมนต์สำคัญบางช่วงในชีวิต หรือพลาดเหตุการณ์บางอย่างไป ผมเลยอยากจะโฟกัสและเก็บโมเมนต์สำคัญให้ครบครับ”
1 / 2
2 / 2
สุดท้ายเมื่อถามทั้งสองหนุ่มถึงช่วงวินาทีที่ทำให้รู้สึกมีความสุขที่สุด ณเดชน์ได้ตอบว่า “ไหนๆ วันนี้ได้อยู่กับพี่หมากแล้ว ขอเลือกเป็นเรื่องเพื่อนแล้วกันครับ การมีเพื่อนสนิทที่เราสามารถคุยกันได้ทุกเรื่องมันคือสิ่งที่มีค่ามากครับ ผู้ชายเราจริงๆ แล้วคุยกันน้อยมาก เราไม่ค่อยโทรคุยเรื่องส่วนตัวทุกวัน เพราะเราต่างมีหน้าที่การงาน หรือมันอาจจะเป็นนิสัยของผมกับพี่หมากด้วยมั้งครับ แต่พอได้เจอกันทุกครั้ง กินข้าวกัน ปาร์ตี้กัน เราเลยได้คุยสิ่งที่อยู่ในใจให้เขาฟัง เขาก็ได้แสดงความเห็นและช่วยบาลานซ์ความคิดเราให้มองเห็นมุมอื่น ดังนั้นการมีเพื่อนที่ดีและได้คุยกับเขาคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดเช่นกันครับ”
ซึ่งในส่วนของหมากนั้นช่วงวินาทีที่มีความสุขที่สุดคือ“การที่ตื่นมาแล้วเห็นคนรักอยู่เคียงข้างครับ เราสามารถจัดการเวลาและควบคุมทุกอย่างในชีวิตเราได้ การรู้ว่าสิ่งที่วางแผนกันจะเป็นไปตามที่เราคิด มันทำให้เราสบายใจ ไม่รู้สึกเครียดหรือกังวลครับ แค่ตื่นมาเห็นหน้าน้องคิมก็รู้สึกปลอดภัยครับ ปกติเวลาอาจจะผ่านไปเร็วแต่พอได้มองหน้าเขาเวลาทุกวินาทีมันมีค่าครับ”
คำตอบจากคำถามเหล่านี้ นอกจากจะเป็นการให้ทั้งสองหนุ่มได้ทบทวนและย้อนกลับไปสัมผัสความทรงจำและช่วงเวลาที่น่าจดจำในอดีตแล้ว ยังเป็นการได้เผยถึงมุมมองความคิดอันแสนละเอียดอ่อนของทั้งคู่ ถึงแม้ทั้ง ‘หมาก-ปริญ’ และ ‘ณเดชน์ คูกิมิยะ’ จะมีบุคลิกที่ต่างกัน และดำเนินชีวิตในด้านการทำงานในฐานะนักแสดงและบุคคลตัวอย่างในสังคมในเส้นทางที่แตกต่างกันไม่มากก็น้อย แต่ทั้งสองนั้นมีเป้าหมายชีวิตที่คล้ายกันนั่นคือ การเก็บเกี่ยวกับประสบการณ์แห่งความสุขและอยากที่จะสร้างช่วงเวลาอันแสนประทับใจกับเหล่าคนสำคัญในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ ความรัก และที่สำคัญ…กับตัวเอง
WATCH