CELEBRITY
#VOGUEMORE ชีวิตนักแสดงของ “แอน ทองประสม” ไอคอนแห่งวงการบันเทิงไทยผู้ไม่เคยหยุดเรียนรู้ด้วยประสบการณ์ในวงการเกิน 3 ทศวรรษ แต่แอน ทองประสมก็เปิดกว้างรับความรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ จากคนหลากหลายวงการและช่วงวัยอยู่เสมอ |
เส้นทางการดำเนินชีวิตเป็นนักแสดงของ “แอน ทองประสม” นั้นสามารถบรรยายได้หลากหลายมิติชนิดไม่รู้จบ เพราะประสบการณ์การทำงานเกินกว่า 2 ทศวรรษทำให้นักแสดงหญิงชื่อแอนเปรียบดั่งรุ่นใหญ่ในวงการบันเทิงไทย แต่การพัฒนาและมุมมองแนวคิดที่ต้องสอดประสานไปกับโลกยุคใหม่ก็เป็นเรื่องสำคัญที่แอนไม่เคยละเลย เป็นเหตุให้ผู้หญิงคนนี้สามารถดำเนินชีวิตบนเส้นทางสายบันเทิงได้อย่างราบรื่น อีกทั้งยังต่อยอดสู่การทดลองทำอะไรใหม่ๆ อย่างงานแฟชั่นที่ร่วมกับโว้กประเทศไทยกับ VOGUE MORE ประจำเดือนตุลาคม 2023
บทบาทชีวิตของแอนคือบทละครเรื่องหนึ่งที่เป็นตัวอย่างการใช้ชีวิตให้กับดารานักแสดงรุ่นใหม่ รวมถึงใครก็ตามที่ติดตามและถอดรหัสแนวคิดของเธอ วันนี้โว้กพร้อมพาเจาะลึกถึงมุมมองการใช้ชีวิตทั้งในและนอกจอ ซึ่งสะท้อนตัวตนของแอนอย่างเด่นชัด พร้อมทั้งเชื่อมโยงวิถีแห่งอนาคตที่แอนกำลังเดินหน้าอยู่ในปัจจุบัน ติดตามบทสัมภาษณ์ของแอนกับโว้กประเทศไทยได้ในบทความนี้
“จุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดงคือการก้าวเข้าสู่วงการที่เต็มไปด้วยบุคคลที่เปี่ยมด้วยฝีมือการแสดง” แอนเผยถึงจุดเริ่มต้นของการเป็นนักแสดงในยุคที่ทักษะการแสดงถูกเฟ้นหาอย่างเข้มข้น ดังนั้นการก้าวย่างสู่สถานะนักแสดงจึงเท่ากับการผจญภัยบนเส้นทางสายอาชีพนักแสดงที่แท้จริง “แอนเข้ามาเป็นนักแสดงจริงๆ ไม่ได้เข้ามาเป็นดาราหรือเพื่อหาแสง” เธอกล่าวถึงอดีตตั้งแต่จุดตั้งต้นอาชีพ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังยึดถือวิถีเริ่มต้นที่มุ่งมั่นในการเป็นนักแสดงอาชีพ “เริ่มอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น” แอนกล่าวเพิ่มเติม พร้อมเสริมว่า “เหยื่อที่เราตกไปได้ผล ทำอย่างไรได้อย่างนั้น ไม่ได้มีอะไรผิดแผน จากฟีดแบ็กหลายคนก็มองว่าแอนเป็นรุ่นพี่นักแสดงที่มีประสบการณ์ยาวนาน จากการรับรู้ของคนรุ่นเดียวกันและรุ่นใหม่ บางคนอาจไม่เคยเห็นผลงานแอนตั้งแต่สมัยสวรรค์เบี่ยง เพราะยังเด็กมาก แต่โตมาเห็นเราเล่นเกมรักทรยศ และอื่นๆ ก็ทำให้เขารู้จักเราจากคำบอกเล่าว่าเราอยู่มานานแล้ว”
ช่วงเวลาทอง…สำหรับนักแสดงระดับไอคอนของวงการบันเทิงไทยก็อาจไม่ได้รุ่งโรจน์ตลอดทุกยุคทุกสมัย เท่ากับว่าแอนเองก็ต้องมีช่วงเวลาแสนพิเศษอยู่ด้วยเช่นกัน “ช่วงเวลาทองคือช่วงเวลาที่เราได้รับโอกาสหลากหลาย สามารถเลือกที่จะทำได้ ยังมีเรื่องเงินทอง ชื่อเสียง ความรัก การแห่แหนของผู้คน ทั้งหมดมาในช่วง 27-32 เป็นช่วงเวลาที่อิ่มที่สุดถ้าถามแอน” เธอบอกเล่าถึงการนิยามยุคทองของแอนกับความสำเร็จในทุกมิติ ถึงกระนั้นเธอก็ยอมรับในการเปลี่ยนแปลงของกาลเวลา ช่วงอายุ 35-37 กลายเป็นจุดเปลี่ยนผ่านที่ทำให้แฟนๆ เห็นแอนในบทบาทที่แตกต่างจากเดิม “เราต้องปรับความรู้สึก ปรับทักษะการแสดง ค้นหาคลังการศึกษาด้านการแสดงรูปแบบใหม่ๆ ไม่ว่าจะการเป็นเป็นแม่คนหรือผู้หญิงที่ผ่านโลกมามากมาย เราค่อยๆ ปรับไป” แอนพูดถึงพลวัติทางเวลาที่ไม่ได้เป็นอุปสรรค พร้อมเสริมว่า “แสงสีที่เราเคยได้ในยุคเฟื่องฟูก็ได้ไม่เท่าเดิม แต่ก็มีความหนักแน่นมั่นคง และมีจุดอื่นๆ ให้เราโฟกัสมากกว่าแค่แสงสีเสียงที่เราเคยไปสนใจเมื่อก่อน”
“แอนอยู่มาตั้งแต่ยุคทีวีหนวดกุ้ง” ประโยคที่บ่งบอกการเดินทางผ่านวันเวลาจนมาถึงปัจจุบันที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันหนักแน่น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเองก็ทำให้นักแสดงหญิงคนนี้รู้สึกตื่นเต้นได้ไม่น้อยเหมือนกัน ส่งผลให้เธอต้องก้าวกระโจนโดยไม่จดจ่อกับสิ่งเดิมๆ เสมอไป “วันนี้แอนมาถ่ายปกดิจิทัลของโว้ก ทำงานกับเด็กรุ่นใหม่ วิธีการถ่ายแบบใหม่ๆ มันก็เป็นทักษะใหม่ๆ ที่เกิดจากงานที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา” แต่ตอนนี้แอนระบุชัดเจนว่า “หมดยุคทองของแอนไปแล้ว” โดยแอนเริ่มตกผลึกกับประสบการณ์และตะกอนทางการแสดง สร้างความสุขรูปใหม่ได้ในมิติที่ไม่เหมือนยุคทองอีกแล้ว ปิดท้ายในหัวข้อคำถามเกี่ยวกับยุคทองว่า “การทำงานของเราตอนนี้โฟกัสกับศิลปะมากกว่าเดิม แอนอาจจะมีความสุขกว่า เพราะทุกอย่างเสถียรขึ้น เราโตขึ้น”
“พี่แอนหายไปไหน” คำถามสำคัญที่หลายคนเคยสงสัยหลังแอนห่างหายไปจากหน้าจอ เธอปรับบทบาทไปเป็นบุคคลเบื้องหลัง ซึ่งเธอรู้สึกเสียดายเมื่อมองย้อนกลับไป เพราะตอนนี้เสียความสาวและพลังในการทำงานของช่วงนั้นไปแล้ว “แอนอาจจะทำอะไรได้เยอะกว่านี้ก็ได้” นักแสดงหญิงมากฝีมือเผยถึงช่วงเวลาที่มิอาจหวนคืนมาได้ แต่นั่นก็เป็นการเปิดประตูอีกบานส่งผู้หญิงชื่อแอนครบเครื่องขึ้นกว่าเดิม “ยังดีที่คนยังจำเราได้อยู่ ถ้าเราติสต์ไปเลยเราอาจจะไปแล้วไปเลย” แอนพาย้อนสู่จุดพลิกผันที่อาจกลับมาไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งเธอก็รู้สึกว่าโลกเบื้องหลังไม่ใช่ทั้งหมด เธอยังมีความรู้สึกเชื่อมโยงกับมิติอันหลากหลายจากบทบาทเดิมที่เคยคลุกคลีอยู่นานหลักสิบปี “แม้จะมีความสนุกแต่ก็ไม่ได้อิ่มฟูเท่าการแสดง” แอนเผยความรู้สึกอย่างชัดเจน
พอถามถึงมุมมองเกี่ยวกับผลงานออริจินัลและรีเมกแอนก็ตอบด้วยมุมมองที่น่าสนใจเริ่มตั้งแต่การมองผลงานรีเมกด้วยทัศนคติเชิงบวก อาทิการพูดถึงผลงานดั้งเดิมที่เป็นเหมือนเสาหลักที่มั่นคง การมาตีความเสริมเพิ่มรายละเอียดก็จะทำให้ความสนุกเพิ่มมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องอคติต่อการรีเมกเสมอไป ส่วนผลงานออริจินัลคือสีสันใหม่ที่ทำให้น่าตื่นเต้น “ทุกศิลปะมีความดีงามของมันเสมอ” คติอันดีงามที่แอนฝากไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้
WATCH
จากชีวิตที่เข้มข้นสู่บทละครที่ขับเคี่ยวด้วยอารมณ์ ผลงานเกมรักทรยศในมุมมองแอนนั้นสะท้อนภาพห้วงอารมณ์ความไม่ไว้ใจและเป็นปฏิปักษ์ของคู่รัก ซึ่งนำมาสู่ปัญหาที่ตกไปสู่ลูก ถ้าทุกคนเริ่มเห็นความจริงและหลีกเลี่ยงการปะทะอาจปรับเปลี่ยนสถานการณ์ให้ไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ การปรับตัวยอมรับความเจ็บปวดแบบเล็กน้อยอาจทำให้ปลายทางดีกว่าที่เคย มุมมองข้อคิดจากนักแสดงผู้ถ่ายทอดเรื่องราวบีบคั้นอารมณ์จากผลงานรีเมกเรื่องดัง พร้อมกล่าวว่า “ละครไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อความสะใจ แต่ถูกพูดถึงในรายละเอียดเบื้องหลัง มันทำให้กลับมาคิดถึงตัวเรา มันมีประโยชน์ต่อการตีความเยอะนะ มันไม่ใช่ละครฉูดฉาดทั่วไปที่เอาแค่ความสะใจ”
นอกจากผลงานที่ท้าทายแล้วสิ่งสำคัญของการรับบทสำคัญในผลงานรีเมกคือการเปรียบเทียบ แอนต้องรับมือกับเสียงวิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเธอก็เผยความคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้โว้กฟังอย่างเจาะลึก โดยเธอกล่าวว่า “มันเป็นงานที่ไม่ควรปฏิเสธเพียงเพราะความกลัวจะถูกเปรียบเทียบ มันท้าทายเรามากเหลือเกิน เราไม่ควรปฏิเสธ แอนยอมจะแลกกับความเสี่ยงที่จะโดนเปรียบเทียบ แอนดูทั้งเวอร์ชั่นเกาหลีและอังกฤษ รู้สึกว่าทั้งคู่เล่นดีหมด เริ่มกังวล เลยไปถึงการที่จะไปเลียนแบบเขา จึงคิดว่าไม่ได้ๆ เราดูขนาดนี้ไม่ได้ เราจึงโฟกัสที่โครงสร้าง เราคือเรา คู่แสดงเราก็เป็นอีกคนหนึ่ง การฟาดฟันกันก็ออกมาในรูปแบบที่แตกต่างออกไป เพราะฉะนั้นเราต้องเล่นจากจิตวิญญาณของเรา แอนเลยไม่ได้เอาเป็นเอาตายกับต้นฉบับ ทำให้เราสนุกกับการแสดงมากขึ้น” และยังกล่าวต่ออีกว่า “พอเล่นจนจบเราฟินของเราระหว่างการทำงานระหว่างวัน แต่ก็คิดเสมอว่าพอผลงานออกเราโดน(วิจารณ์)แน่ เรารู้สึกถ่อมตัว เราไม่น่าสู้เกาหลี สู้อังกฤษได้ เราเป็นนักแสดงไทยที่อายุงานร่วม 30 ปี แต่ว่าเราไม่ค่อยได้เจอบทบาทที่หลากหลาย อาจจะมีข้อบกพร่องเยอะ แต่พอฟีดแบ็กออกมาคนส่วนใหญ่รับได้กับรสชาติการแสดงของเรา”
อีกหนึ่งเรื่องสำคัญคือการเดินหน้าบนเส้นทางชีวิตที่ต้องคลุกคลีกับคนต่างวัย ซึ่งแอนก็ไม่ได้รู้สึกสำคัญกับเรื่องอายุ “โลกของคุณใหม่สำหรับเรา เราอยากรู้จักคุณ อยากข้ามไปอยู่โลกใหม่พร้อมกับคุณ” แอนเผยมุมมองเรื่องการปรับตัวสู่แนวทางการเปลี่ยนแปลงร่วมกับคนรุ่นใหม่ตามยุคสมัย แต่แอนเองก็นึกย้อนถึงจุดแตกต่างที่เห็นว่าคนรุ่นเก่าอาจมีความโดดเด่นเรื่องความแข็งแกร่งด้านความคิดและอารมณ์ เพราะการเดินทางของเวลาดำเนินไปไม่รวดเร็วเท่ายุคปัจจุบัน “แม้จะต่างวัยต่างช่วงอายุ แต่เราสามารถเป็นเพื่อนกันได้ มันทำให้แอนสนุกไปด้วย” แอนทิ้งท้ายเรื่องการปรับตัวเข้ากับคนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งระบุชุดความคิดที่เปิดกว้างทำตามบทบาทหน้าที่โดยไม่มีอายุมาเกี่ยวข้องเชิงอำนาจ หรือพูดให้เข้าใจอย่างง่ายคือต้องใจกว้าง
บนเส้นทางแห่งชีวิตของแอนหลายคนอาจมองว่าเธอคือสุดยอดนักแสดงที่ประสบความสำเร็จอยู่บนยอดพีระมิด แต่สำหรับแอนนั้นแตกต่างออกไป เพราะเธอมองว่าตัวเธอเองเป็นคนเดินไม่เคยถึงยอด “แอนเป็นกลางๆ เหมือนชีวิตแอนในทุกๆ ด้าน ถ้าแอนจะสำเร็จแบบพีระมิดจริงๆ แอนต้องทะยานกว่านี้ แอนต้องได้มากกว่านี้ รวยกว่านี้ ประสบความสำเร็จกว่านี้ แต่แอนไม่มีแรงพอจะพาไปถึงจุดนั้น เพราะตัวเองไม่ได้มีแรงผลักดันแบบนั้น คิดว่าตัวเองโหนไม่ไหว แอนชอบความสมดุลที่เป็นอยู่แบบนี้มากกว่า ความสำเร็จประมาณนี้ดีแล้ว ไม่ต้องรวยมาก ไม่ต้องมีเพื่อนเยอะ ก็จัดการสิ่งรอบตัวได้” คำพูดที่สะท้อนความพอใจของตัวแอนกับสถานะที่เป็นอยู่โดยไม่ต้องพยายามฝืนความสมดุลอันเรียบง่ายของตัวเอง “ไม่ต้องลักชัวรีสุดขีด แต่ต้องมีให้ชุ่มชื่น แต่ก็ไม่ได้ต้องขวนขวายหาหรือฝืนตัวเองจนเกินไป เปรียบกับการวิ่งมาราธอนแอนเหมือนวิ่งฟูลไม่ไหวแต่วิ่งฮาล์ฟได้ ถามว่าไกลไหมก็ไกล แต่ก็ไม่ได้ไกลจนสุดทาง แค่นี้พอแล้ว” แต่เมื่อถามว่ายังอยากแสดงอยู่ไหมแอนก็ตอบทันทีว่า “แอนยังคงอยากแสดงอยู่เสมอ ถ้ามีบทบาทอะไรที่เหมาะกับวัยเราก็พร้อมเล่น โชคดีที่เด็กรุ่นใหม่เปิดให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมสนุกสนานกับพวกเขา ไม่ได้จับแอนเป็นแม่มัดมวยผมเสมอไป” พร้อมเสริมว่า “ท้ายที่สุดถ้าไม่ได้จริงๆ แอนก็อาจจะเป็นคุณป้าท่านหนึ่งอยู่บ้านรับละครที เป็นผู้จัดการบ้างก็สบาย ไม่เป็นไร” ก่อนปิดท้ายว่า “ความหวังสุดท้ายคือการลองเล่นมิวสิคัล และคงไม่ต้องขวนขวายอะไรด้านชีวิตส่วนตัวแล้ว ทุกอย่างชัดเจน ทั้งแง่มุมส่วนตัวและชีวิตคู่ที่จับมือใช้ชีวิตไปด้วยกัน ชัดเจนแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไปแต่ไม่แต่งงาน เพราะมันก้าวความรู้สึกนั้นมาแล้ว”
ทั้งหมดคือแง่มุมชีวิตของแอนที่มาร่วมงานกับโว้กประเทศไทยและเผยเรื่องราวแบบเจาะลึกครั้งนี้ นอกจากบทสัมภาษณ์แล้วแอนยังถ่ายแฟชั่นเซ็ตปกดิจิทัล ร่วมงานกับแบรนด์ Roger Vivier นำเสนอความคลาสสิกหรูหราที่สะท้อนภาพความโก้เก๋ในแบบฉบับที่สอดคล้องกับตัวตนของแอนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรองเท้าส้นสูง กระเป๋า หรือแม้แต่แอ็กเซสเซอรี่ที่ส่งเสริมมิติด้านความงดงามของแอนให้โดดเด่นขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
WATCH