Vogue Thailand

VOGUE GALA

ไทย-สากล...การผสมผสานแบรนด์ไทยและแบรนด์ระดับโลกที่เป็นจุดสำคัญของงาน Vogue Gala 2025

การผสมผสานระหว่างผลงานของไทยกับดีไซเนอร์ระดับสากลคือภาพสะท้อนความเชื่อมโยงถึงการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรม คนท้องถิ่น และความร่วมสมัยในงาน Vogue Gala 2025

โดย Nattanam Waiyahong
09 กันยายน 2568

     Vogue Gala 2025 เริ่มต้นขึ้นพร้อมหลักแนวคิดการสนับสนุนชุมชนและอุตสาหกรรมผ้าไทยเพื่อเดินหน้าสู่ระดับสากล ชิ้นงานการประมูลจากแบรนด์ต่างๆ ที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษจากวัสดุผ้าไทยอันเลอค่าคือสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทว่าอีกประเด็นที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือแฟชั่นของเหล่าแขกคนสำคัญที่เดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง เพราะครั้งนี้หลายคนล้วนนำเสนอลุคแฟชั่นที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ของการคลุกเคล้าระหว่างฝีมือเชิงศิลปะของไทย ผนวกรวมเข้ากับชิ้นงานจากแบรนด์ระดับชั้นนำของโลก กลายเป็นงานที่ลุคแฟชั่นของแขกต่างมีเอกลักษณ์และเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการผสมผสานของมิติคำว่า ‘Local’ และ ‘Global’ โดยแท้จริง

     การผสมผสานเรื่องแฟชั่นและจิวเวลรีจากแบรนด์ไทยเข้ากับแบรนด์สากล หรือมากกว่านั้นคือการหยิบยกผ้าไทยมาเป็นส่วนสำคัญของลุคกาล่าจับคู่เข้ากับจิวเวลรีอันเลอค่า สังเกตได้จากชุดของแขกคนสำคัญหลายชุดที่ถูกออกแบบมาอย่างละเมียดละไมโดยฝีมือดีไซเนอร์ไทย ยกตัวอย่างเช่น ASAVA กับการรังสรรค์ 3 ชุดสำหรับผู้หญิง 3 สไตล์ พร้อมการนำเสนอจิวเวลรีและความโดดเด่นของแอ็กเซสเซอรี่ของแบรนด์ระดับสากล (อ่านบทความเพิ่มเติมได้ ที่นี่) ที่เนรมิตเรื่องราวการคลุกเคล้าระหว่างมนต์เสน่ห์ความเป็นไทยอันเป็นรากฐานการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมที่พร้อมเดินควบคู่ไปกับความเป็นสากลได้อย่างลื่นไหล

     หรือจะเป็นการเดินทางสู่งานกาล่าในฐานะดีไซเนอร์และมิวส์ที่มีความสำคัญกับการพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นไทย อย่าง แพร-วทานิกา ที่ออกแบบชุดแบรนด์ VATANIKA สำหรับ มัจฉา โมซิมันน์ นางแบบลูกครึ่งไทย-สวิส ที่สวมใส่มาร่วมงาน Vogue Gala 2025 ได้อย่างสง่างาม ถือเป็นอีกหนึ่งมิติของพัฒนาแฟชั่นจากผ้าไทยให้มีรูปแบบความหรูหราเหนือระดับ และสามารถแสดงภาพคุณค่าของผลงานหัตถศิลป์ที่สามารถอยู่ในบรรยากาศงานกาล่าได้อย่างงดงาม

     นอกจากนี้ยังมีการผสมผสานลุคที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดจากแบรนด์ LANDMEE ของ จูเน่-เพลินพิชญา ที่นำเสนอความโดดเด่นด้วยดอกไม้และสีเหลืองสดสะดุดตา จับคู่เข้ากับจิวเวลรีชิ้นไอคอนิกจาก CHAUMET หรือจะเป็นความ ‘subtle’ ในการตัดต่อผ้าไหมกับสูทของ สน ยุกต์ ที่นำถ่ายทอดเสน่ห์ความงามจากงานหัตถศิลป์แบบเรียบง่ายเข้ากับสูทคลาสสิก และจับคู่เข้ากับจิวเวลรีของแบรนด์ BVLGARI ได้เป็นอย่างดี ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่นำเสนอความเฉียบคมที่ให้ ‘glimpse’ ของผลงานไทยได้สอดแทรกเข้าไปพอดิบพอดี

     และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือผลงานการออกแบบของ MESH MUSEUM สำหรับ ใหม่-ดาวิกา ในค่ำคืนสุดพิเศษ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก ฉลองพระองค์ของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ในยุค 1950s–1960s ที่นำมาตีความใหม่ ด้วยเส้นสายร่วมสมัยและลายพิมพ์จุดขนาดใหญ่ที่แฝงกลิ่นอายสไตล์ป๊อปอาร์ต พร้อมดีเทลจับเดรป และสไบยาวพลิ้วไหว ทำจากวัสดุผ้าไหมทอมือ เคล้ากลิ่นอายความวินเทจและร่วมสมัย ในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดความเป็นไทยในรูปแบบสากลอย่างมีระดับ มากไปกว่านั้นยังสอดประสานเข้ากับจิวเวลรีเลอค่าจากแบรนด์ BVLGARI ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ แป้งจี่-ปภาวรินทร์ และ เมเบิ้ล-สิริวลี 2 สาวในสังกัดของใหม่ยังร่วมงานครั้งนี้ด้วยชุดจาก MILIN อีกหนึ่งดีไซเนอร์ไทยด้วยเช่นกัน

         ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะมีอีกหลายลุคที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นชุดเดรสที่สรรสร้างจากอาร์ไคฟ์ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ด้วยวัสดุผ้าไหมมัดหมี่สีน้ำตาล โดดเด่นด้วยเกาะอกรูปทรงหัวใจ และดีเทลการเจาะลูกไม้สีดำบริเวณช่วงเอว รวมถึงการประดับคริสตัล สะท้อนภาพงานฝีมือในการเลือกใช้ผ้าไทยและสอดแทรกรายละเอียดทั้งการจับเดรป เส้นสายความโค้งเว้าจนถึงชายกระโปรง และการเสริมมิติชั้นผ้า จนกลายเป็นลุคสะกดตาของ ศรีริต้า เจนเซ่น ซึ่งในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ TIFFANY & CO. เธอก็แมตช์ชุดไทยเข้ากับจิวเวลรีชิ้นเด่นจากเมซงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และยังมีลุคของ แอลลี่-อชิรญา ศิลปินหญิงรุ่นใหม่ที่มาพร้อมการนำเสนอลุคชุดไทยประยุกต์โทนสีพาสเทส สะท้อนคาแร็กเตอร์ความวัยเยาว์สอดรับกับความมินิมัลด้วยจิวเวลรีชิ้นเล็กจาก CHANEL หรือจะเป็น 3 พี่น้อง ฟาง-ธนันต์ธรญ์, เฟย์-พรปวีณ์ และฟิญ-พีร์พิชชา ที่มาพร้อมลุคจาก ASAVA นำเสนอชุดไทยตัดเย็บพิเศษ แมตช์เข้ากับจิวเวลรีและแอ็กเซสเซอรี่ชวนสะกดตา ทั้งหมดสะท้อนภาพความน่าสนใจของการมิกซ์แอนด์แมตช์มิติแห่งการผสมผสานความเป็นไทย การอนุรักษ์ศิลปะ ความร่วมสมัย และความเป็นสากลอย่างสมบูรณ์ แฟนโว้กสามารถติดตามชมลุคและภาพทั้งหมดของงานโว้กกาล่าประจำปีนี้ได้ทุกช่องทาง

ภาพ : นาทนาม ไวยหงษ์