การจัดวางโซฟาไม่ใช่แค่การหาที่สำหรับนั่งพักผ่อน แต่เป็นศิลปะที่กำหนดโครงสร้างของห้องทั้งหมด โซฟาเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ที่ส่งผลต่อความรู้สึกของพื้นที่มากกว่าที่หลายคนคิด เพียงวางให้ถูกตำแหน่ง ห้องเล็กก็อาจดูกว้างขึ้น ห้องที่มืดก็ดูโปร่งขึ้น และบรรยากาศโดยรวมก็น่าอยู่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ในคอนโดขนาดกะทัดรัดหรือบ้านที่มีพื้นที่มาก การจัดวางโซฟาอย่างมีกลยุทธ์คือเคล็ดลับสำคัญที่ช่วยให้พื้นที่ดูโปร่ง โล่ง และใช้งานได้ดีขึ้นในทุกวัน ในบทความนี้ โว้กรวม 6 เคล็ดลับที่ช่วยให้การจัดวางโซฟาเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าที่คิด
-
เลือกขนาดโซฟาให้พอดีกับสัดส่วนห้อง
โซฟาที่ใหญ่เกินไปจะกินพื้นที่สายตาและทำให้ห้องดูคับแคบ ในขณะที่โซฟาเล็กเกินไปอาจทำให้ห้องรู้สึกโล่งและไม่สมดุล ควรวัดขนาดห้องก่อนซื้อและเผื่อช่องทางการเดินอย่างน้อย 60 - 75 เซนติเมตร ระหว่างโซฟากับเฟอร์นิเจอร์อื่นหรือผนังเพื่อให้เดินสบาย ถ้าห้องเล็ก แนะนำให้เลือกโซฟาแบบสองที่นั่งหรือโซฟาแบบสลิมขาโปร่ง (Exposed Legs) เพื่อให้มองเห็นพื้นมากขึ้น ช่วยให้ห้องดูโปร่ง แต่ถ้าห้องใหญ่สามารถใช้โซฟาขนาดเต็มรูปแบบ หรือวางโซฟาเป็นกลุ่มเพื่อสร้างโซน แต่ระวังอย่าให้กลุ่มเฟอร์นิเจอร์กระจัดกระจายจนดูไม่เป็นสัดส่วน
-
ยกโซฟาขึ้นจากพื้นด้วยขาโปร่งหรือชิ้นที่มีช่องว่าง
การมองเห็นพื้นที่ใต้โซฟาช่วยให้สมองรับรู้ว่าห้องมีพื้นที่ใช้งานมากขึ้น ควรเลือกโซฟาที่มีขาสูงพอประมาณ ไม่ต้องสูงมาก เพื่อให้แสงและพื้นมองทะลุผ่านได้ ถ้าชอบโซฟาพื้นเตี้ย ลองใช้ขาส่วนเสริมแบบโปร่ง หรือจัดวางพรมขนาดพอเหมาะใต้โซฟา เพื่อสร้างเส้นขอบชัดเจนไม่บดบังพื้นทั้งหมด อย่าวางของเยอะแยะใต้โซฟา เพราะจะทำให้พื้นที่ดูหนักและรก

Photo by Jean van der Meulen from Pexels
-
วางโซฟาแบบลอยตัวแทนการชิดผนังเสมอไป
แม้การดันโซฟาชิดผนังจะเป็นค่านิยมเก่า แต่การวางโซฟาให้ลอยในระดับหนึ่งสามารถสร้างมิติและทำให้พื้นที่ดูมีการไหลของอากาศ วางโซฟาห่างจากผนังประมาณ 10–30 เซนติเมตร ในห้องที่พอมีพื้นที่ เพื่อให้มีทางเดินรอบๆ และทำให้ห้องดูมีชั้นเชิง หากพื้นที่จำกัด ให้ลองวางในมุมเอียงหรือทำมุมเล็กๆ เพื่อเปิดพื้นที่กลางห้อง นอกจากนี้สามารถใช้พรมเป็นตัวกำหนดขอบเขตโซฟา วางโซฟาบางส่วนหรือทั้งขาไว้บนพรม เพื่อให้เกิดโซนที่ชัดและไม่กระจัดกระจาย
-
ใช้ช่องว่างเป็นเส้นนำสายตา
การจัดองค์ประกอบให้สายตาเคลื่อนผ่านห้องได้อย่างเป็นธรรมชาติจะทำให้ห้องรู้สึกกว้างขึ้น ตั้งทางเดินหลักจากประตูไปยังส่วนต่างๆ ให้ชัดเจน หลีกเลี่ยงการวางโซฟาขวางทางเดินหลัก โดยวางโซฟาให้อยู่ในแนวที่ไม่บล็อกมุมมองไปยังหน้าต่างหรือทางเชื่อมต่อไปยังห้องอื่นๆ มุมมองที่เปิดจะทำให้ห้องรู้สึกต่อเนื่องและกว้างขึ้น รวมถึงสามารถใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดต่ำหรือโปร่งใกล้หน้าต่าง เพื่อไม่บังแสงธรรมชาติ เพราะแสงจะช่วยขยายความรู้สึกของพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก

Photo by Subham Majumder from Pexels
-
เลือกสีสันและวัสดุที่ช่วยเปิดพื้นที่
โทนสีและพื้นผิวมีบทบาทสำคัญในการรับรู้ขนาดห้อง โทนสีอ่อน เช่น เทาอ่อน ครีม เบจ และเฉดสีพาสเทล ช่วยสะท้อนแสงและทำให้ห้องรู้สึกโปร่งกว่าโทนเข้ม หากชอบสีเข้ม ให้ใช้เป็นสีในรายละเอียดเล็กๆ เช่น หมอน พรม หรืองานศิลป์ แทนการทำทั้งโซฟาเป็นสีเข้ม วัสดุผ้าที่มีเนื้อบางหรือมีลายเล็กๆ จะไม่ทำให้ผืนใหญ่ของโซฟาดูหนัก เช่น ผ้าลินินหรือผ้าเนื้อทอชิด ในขณะที่วัสดุหนังหรือผ้าหนาหนักอาจทำให้ห้องรู้สึกหนักขึ้น
-
จัดองค์ประกอบรอบโซฟาให้เรียบง่ายและมีสัดส่วน
เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งรอบโซฟาต้องทำงานร่วมกัน ไม่ใช่แข่งกันกินพื้นที่สายตา ใช้โต๊ะกลางขนาดพอดี อย่าเลือกโต๊ะที่มีเสาฐานใหญ่หรือรูปทรงที่บดบังสายตา เช่น โต๊ะกระจกหรือโต๊ะที่มีช่องว่างด้านล่างจะช่วยให้มองเห็นพื้นมากขึ้น รวมถึงเลือกชั้นวางหรือโต๊ะข้างที่มีเส้นโปร่ง เช่น โครงโลหะเรียบ หรือชิ้นที่มีช่องว่างเพื่อไม่ให้เกิดบล็อกภาพรวม และการจำกัดจำนวนหมอนและผ้าคลุมให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม และจัดการสายตาด้วยลำดับสีหรือแพทเทิร์นที่กลมกลืน นอกจากนี้สามารถใช้กระจกแขวนผนังด้านตรงข้ามหน้าต่าง หรือมุมที่ทำให้สะท้อนแสง จะเพิ่มความลึกให้ห้องทันที

Photo by Max Vakhtbovycn from Pexels
-
ใช้เลย์เอาต์แบบสมดุลไม่สมมาตร เพื่อดูไม่จำเจ
การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ดูสมมาตรทั้งสองฝั่งอาจเป็นดีไซน์ที่คลาสสิก แต่บางครั้งความสมมาตรเกินไปกลับทำให้ห้องดูแน่นและแข็งทื่อ การใช้ความสมดุลแบบไม่สมมาตร (Asymmetrical Balance) จะช่วยให้ห้องดูกว้างขึ้น เพราะสายตาจะเคลื่อนผ่านพื้นที่ได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีจังหวะมากกว่า ลองวางโซฟาไว้ด้านหนึ่งของห้อง แล้วถ่วงน้ำหนักด้วยเฟอร์นิเจอร์ขนาดเล็กกว่าอีกฝั่ง เช่น โคมไฟตั้งพื้น โต๊ะข้าง หรือกระถางต้นไม้ขนาดสูง วิธีนี้ทำให้พื้นที่โดยรวมดูสมดุล แต่ไม่สร้างกำแพงสายตาเหมือนการจับคู่เฟอร์นิเจอร์ให้เหมือนกันเป๊ะ โดยเฉพาะห้องที่มีผนังยาวหรือพื้นที่โล่งด้านใดด้านหนึ่ง การจัดวางแบบไม่สมมาตรจะทำให้พื้นที่ดูไม่อ้างว้างเกินไป และทำให้มุมต่างๆ ของห้องเชื่อมโยงกันอย่างลื่นไหล





