ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
นายแบบ: ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ
สถานที่: The Great Room
เสื้อผ้า: I C Lab
ณ เวลานี้เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเด็กหนุ่มมาดนิ่งแต่บุคลิกกวนๆ มาพร้อมกับเสียงดนตรีที่มีความเป็นเอกลักษณ์ ‘โจอี้-ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ’ กับการเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักร้องด้วยการเข้าประกวด The Voice ก่อนที่จะเข้าสังกัด Genie Records จนมีเพลงดังอย่าง ดวงเดือน และ นะหน้าทอง วันนี้เขากลับมาอีกครั้งพร้อมอัลบั้มใหม่ รวมถึงการถ่ายแฟชั่นเซ็ตกับโว้กประเทศไทยเป็นครั้งแรก
Vogue: แรงบันดาลใจในการทำอัลบั้ม โพนทราย Style Sound และความพิเศษของอัลบั้มนี้
Joey: พี่ต๋อม (ณัฐพล มุขขันธ์) อยากชวนแฟนเพลงของผมที่อยู่ในเมืองกลับไปที่โพนทรายบ้านผมอยู่ที่โพนทรายซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆ ในจังหวัดร้อยเอ็ดที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก ผมคิดว่าถ้าเอาชื่อคำว่าโพนทรายมาใช้แล้วต่อด้วย Style Sound เหมือนกับผมกำลังนำเสนอเสียงดนตรีของคนโพนทราย โพนทรายเปรียบเหมือนตัวผม แม้จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็มีความพิเศษในตัวเอง เช่นเดียวกับผมที่ดูเป็นคนธรรมดาๆ แต่ก็มีความพิเศษบางอย่างอยู่ในตัวเอง ถ้าพูดให้กว้าวขึ้นคงเปรียบเหมือนคนต่างจังหวัดที่เข้ามาทำงานในเมือง คนเหล่านั้นก็มีความพิเศษในตัวเองเหมือนกัน ส่วนความพิเศษในอัลบั้มนี้คือการเล่นกับดนตรี เช่น การนำดนตรีของเพลงยุคเก่ามาใช้กับท่อนฮุกและใส่เสียงดนตรีแนวฟังก์เข้าไป รวมถึงยังมีเพลงน่ารักๆ อีกหลายเพลง อัลบั้มนี้เป็นอัลบั้มที่บ่งบอกถึงตัวตนของผมจริงๆ ครับว่าผมมีอารมณ์แบบไหนบ้าง

V: คอนเซปต์ซิงเกิ้ลที่ 4 ที่ชื่อว่า Move On แบบใด
J: เพลงนี้เริ่มจากผมแต่งทำนองขึ้นมาก่อน ผมนึกถึงคนที่กำลังขับรถขึ้นเขาไปในป่าแถวเพชรบูรณ์ในบรรยากาศหนาวๆ เวลาผมจะแต่งเพลงหนึ่งเพลง ส่วนใหญ่จะมีภาพเกิดขึ้นในหัวผมก่อน เช่น ภาพบรรยากาศ ภาพต้นไม้ ถ้าเป็นภาพแบบนี้ขึ้นมาผมก็จะรู้แล้วว่าควรเป็นเพลงช้าๆ แต่ไม่ถึงกับช้ามาก หลังจากผมแต่งทำนองนี้ขึ้นมาผมก็ส่งต่อให้พี่แบงค์ (รัฐวิชญ์ อนันต์พรสิริ) ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของผม พี่แบงค์จะแต่งเนื้อมาให้ ตอนแรกหาคอนเทนต์มาใส่เพลงนี้ยากมาก เพราะสมัยนี้ในเนื้อเพลงต้องมีคำที่อยู่ในกระแส และเพลงนี้มีบรรยากาศบางอย่างที่ออกแนวขี้เล่นด้วย ก็จะยากหน่อยเพราะจะใส่เป็นดราม่าเลยก็ไม่ได้ พี่แบงค์เลยแต่งออกมาให้มีอารมณ์ทั้งสองอย่าง คำว่า ‘Move On แบบใด’ เป็นคำที่ทุกคนพูด ทุกคนรู้จักและอยู่ในกระแส เป็นคำง่ายๆ ที่ไม่ได้สวยหรูแต่เป็นคำที่ออกมาจากใจจริง ชื่อเพลงอาจดูไม่ค่อยหนัก แต่ในเนื้อร้องนี่เจ็บปวดพอสมควร เพราะมีมุกตลกร้ายแทรกอยู่ด้วย
V: สไตล์การทำเพลงและบุคลิกโจอี้เชื่อมโยงกันอย่างไร
J: ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการรวมตัวของผมกับพี่แบงค์มากกว่า ส่วนใหญ่เวลาทำเพลงผมต้องอยู่กับพี่แบงค์ ผมจะคอยบอกพี่แบงค์ว่าผมอยากได้บรรยากาศประมาณนี้ ชาวนด์แบบนี้ พี่แบงค์ก็จะแปลจินตนาการของผมออกมาเป็นเนื้อเพลง ต้องมีพี่แบงค์ด้วยครับเพลงถึงจะออกมาสมบูรณ์
V: ย้อนกลับไปที่ซิงเกิ้ล นิดหน่อย เพลงติดหูมาก เสียงพิณมาได้ถูกจังหวะ ช่วยเล่าถึงการทำเพลงนี้ให้ฟังหน่อย
J: เวลาทำเพลง ผมไม่สามารถบอกได้ว่าเพลงของผมเป็นลูกทุ่ง เป็นฟังก์ หรือเป็นร็อก เพราะอัลบั้มหรือชิงเกิลที่ปล่อยออกมามีหลายแนวทั้งฟังก์ ร็อก เร็กเก้ แต่สิ่งหนึ่งที่อยู่ในทุกเพลงของผมคือเสียงพิณ ดังนั้นคาแร็กเตอร์ของผมที่ชัดที่สุดคือบรรยากาศและเลียงพิณ สำหรับเพลง นิดหน่อย ผมคิดว่าด้วยบรรยากาศโดยรวมทั้งหมด ทั้งเพลงและเอ็มวีรวมกันแล้วมีความน่ารักและมีเอกลักษณ์
ของผมค่อนข้างชัดเจน

V: มีวางแผนจัดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้งบ้างไหม
J: มีครับ ผมคิดว่าอยากทำอัลบั้มนี้ให้เสร็จและจะเริ่มทำอัลบั้มใหม่ปีหน้า ต้นปี 2570 เราวางแผนว่าอยากจัดคอนเสิร์ตใหญ่อีกครั้ง ทั้งนี้เราต้องรอดูทิศทางของเพลงหรืออัลบั้มว่าโอเคไหม ถ้ากระแสดีและสามารถสะสมเพลงฮิตได้เยอะเราก็สามารถจัดคอนเสิร์ตได้
V: ได้ข่าวว่าปีหน้าจะมีเล่นภาพยนตร์ด้วย
J: ใช่ครับ เรื่อง สัปเหร่อ 2 พี่ต้องเต (ธิติ ศรีนวล) ให้ผมเล่นเป็นตัวเอกเลย ตอนแรกผมคิดว่าจะไปแจมแค่นิดๆ หน่อยๆ ในเรื่องนี้ผมเล่นกับดารารุ่นใหญ่ที่เป็นมืออาชีพ ผมต้องเล่นคู่กับคุณอุ้ม (อิษยา ฮอสุวรรณ) ซึ่งผมไม่เคยแสดงมาก่อนเลย (หัวเราะ) ผมไม่ได้เรียนการแสดงด้วยแต่มีการเวิร์กช็อปกันก่อนถ่ายทำ พอถึงวันที่ต้องถ่าย พี่ต้องเตบอกให้เล่นไปตามความรู้สึก (หัวเราะ) ด้วยความที่เราเป็นนักร้องและเขียนเพลงเองด้วยก็เลยเข้าใจอารมณ์ว่าควรจะเป็นแบบไหน ผมจึงค่อยๆ ทำอารมณ์ไปตามชีน ถ้าชีนไหนยากก็ให้พี่ต้องเตช่วย ซึ่งพี่ต้องเตก็ช่วยเหลือผมอย่างดี
V: ในยุคที่เพลงอีสาน เครื่องดนตรีอีสาน รวมถึง
ภาษาอีสานกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ เราจะช่วยผลักดันความเป็นอีสานให้ชัดเจนยิ่งขึ้นได้อย่างไรบ้าง
J: ผมอยากให้ตัวของผมในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่ง
ที่มีความพอใจในชีวิตตัวเองเป็นคนนำเสนอความเป็นอีสานผ่านตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเห็นผมตามสื่อโซเชียลหรือสื่ออื่นๆ ผมจะพยายามเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด เราเป็นคนอีสาน พูดอีสาน กินอาหารอีสาน เรามีเครื่องดนตรีพื้นบ้าน และเรานำดนตรีพื้นบ้านเหล่านั้นมาใส่ในเพลงสากลได้ ไม่ว่าเราจะทำอะไร ล้วนออกมาจากความเป็นตัวตนคนอีสานของเรา ผมอยากให้น้องๆ ที่เป็นคนอีสานหรือภาคอื่นๆ "จงภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น" ไม่ต้องพยายามเป็นคนอื่น ผมอยากให้ทุกคนมีความภูมิใจในตัวเอง และอยากให้เชื่อมั่นในตัวเองว่าตัวเองก็มีดีเช่นกัน
V: อยากบอกอะไรกับน้องๆ รุ่่นใหม่ที่อยากเดินทางสายดนตรีแบบโจอี้
J: ประเทศไทยมีเครื่องดนตรีที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดและมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นระนาด ซอ พิณ แคน ฯลฯ เราสามารถนำเสียงของเครื่องดนตรีไทยเหล่านี้ไปใส่ในเพลงแบบไหนก็ได้โดยไม่ต้องเขินอายหรือกลัวว่ามันจะผิดหลักหรือเปล่า ในยุคสมัยใหม่นี้ดนตรีคือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข เพราะฉะนั้นเราควรต้องมีความสุขทุกครั้งที่สามารถนำเครื่องดนตรีไทยไปใส่ในเพลงไหนก็ได้ไม่ต้องคิดเยอะหรือมีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย อยากให้ทุกคนสบายใจในการหยิบเครื่องดนตรีไทยออกมาเล่น สนุกไปกับมันครับ
(สามารถตามไปอ่านบทความ 'เปิดภาพแฟชั่นเซ็ต และบทสัมภาษณ์ เหล่านักแสดงนำ ‘แจ็คกี้-นุนิว-ปิงปอง-นินิว’ จากภาพยนตร์ ดีว่า..ราวี' ได้ที่นี่)

BVLGARI ประกาศแต่งตั้ง Damiano David นักร้องนำของวง Måneskin เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกคนล่าสุด!

จับเข่าคุยกับ BOWKYLION เรื่องชีวิต และบทบาทใหม่ของชีวิตที่เป็นมากกว่าแค่นักร้อง

Swarovski ประกาศแต่งตั้งนักร้องสาวที่ทรงอิทธิพลอย่าง Ariana Grande เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนล่าสุด


