Jeff Satur Ride or Die
LIFESTYLE

'เจฟ ซาเตอร์' ออกซิงเกิ้ลภาษาอังกฤษ 'Ride or Die' ที่ได้ 'เบ็คกี้-รีเบคก้า' มาร่วมเล่นเอ็มวี!

ซิงเกิ้ลนี้ 'เจฟ-ซาเตอร์' ยังได้ร่วมทำงานกับ Max Martin โปรดิวเซอร์แถวหน้าของวงการเพลงระดับโลก ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมายบน Billboard Hot 100 อีกด้วย

     หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในฐานะนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง 'วิมานหนาม' ล่าสุด 'เจฟ-ซาเตอร์' กลับมาสร้างปรากฏการณ์ในฐานะศิลปินอีกครั้ง กับซิงเกิ้ลภาษาอังกฤษที่ใช้ชื่อว่า “Ride or Die” เพื่อต้อนรับศักราชใหม่ปี 2025 กับบทเพลงที่เต็มไปด้วยพลังอันพลุ่งพล่าน ที่จะมากระตุ้นให้หัวใจสูบฉีดและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับทุกสถานการณ์

     ซิงเกิ้ล Ride or Die ของ เจฟ ซาเตอร์ โดดเด่นด้วยจังหวะที่เข้มข้นและแนวเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเจฟ ซึ่งได้ดึงให้ผู้ฟังก้าวเข้าสู่ห้วงของความรักที่เต็มไปด้วยความเร้าใจและความท้าทายในสิ่งที่ไม่อาจคาดเดาได้ และทำให้เรากล้าทำในสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิม นอกจากเนื้อหาของเพลงที่เต็มไปด้วยถ้อยคำที่หนักแน่น ในด้านของดนตรีของ Ride or Die ก็ไม่ต่างกัน และยิ่งเสริมให้ความรู้สึกภายในลุกโชนยิ่งขึ้นด้วยบีตดนตรีที่หนักแน่น เร้าอารมณ์ สมกับเป็นเพลงที่ย้ำให้ผู้ฟังกล้าที่จะเผชิญกับสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน และใช้ชีวิตไปให้สุดทาง

     นอกจากนี้ การตีความเรื่องราวและอารมณ์ของเพลงให้ออกมาเป็นมิวสิกวิดีโอของ Ride or Die ก็ทำออกมาได้อย่างน่าสนใจและยังคงเป็นลายเส้นที่ชัดเจนในแบบของ เจฟ ซาเตอร์ กับเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการตีความและสัญญะต่าง ๆ ซึ่งในมิวสิกวิดีโอนี้ ได้บอกเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ซ่อนเร้นในแวดวงการโจรกรรมที่กำลังวางแผนการปล้นครั้งสำคัญ และเกิดก่อให้เกิดเป็นความสัมพันธ์ลับๆ ระหว่างตัวละครขึ้น โดบในมิวสิกวิดีโอนี้ยังได้ “เบ็คกี้-รีเบคก้า แพทรีเซีย อาร์มสตรอง” มาช่วยเพิ่มความสมบูรณ์แบบของเรื่องราวอันซับซ้อนในความสัมพันธ์นี้กับ เจฟ ซาเตอร์ และนำไปสู่การไล่ล่า เรื่องราวหักมุมที่น่าตื่นเต้นจนยากจะคาดเดาบทสรุป

     อย่างไรก็ตาม เพลงนี้ยังนับเป็นซิงเกิ้ลแรกจาก EP ภาษาอังกฤษที่ เจฟ ซาเตอร์ ได้ทำงานร่วมกับทีมงานของ Max Martin โปรดิวเซอร์แถวหน้าของวงการเพลงระดับโลก ผู้อยู่เบื้องหลังเพลงฮิตมากมายบน Billboard Hot 100 และยังเคยเป็นเบื้องหลังการโปรดิวซ์เพลงให้กับศิลปินชื่อดัง ทั้ง Britney Spears, Katy Perry, Taylor Swift, The Weeknd และอีกมากมาย โดย เจฟ ซาเตอร์ ตั้งใจไว้ว่า การทำเพลง EP ภาษาอังกฤษในครั้งนี้จะพาเขาเดินทางไปพบกับคนฟังเพลงทั่วโลก ซึ่งต้องอาศัยความกล้าและความท้าทาย เช่นเดียวกับที่เรื่องราวของเพลง Ride or Die เล่าเอาไว้



WATCH




1 / 8



2 / 8



3 / 8



4 / 8



5 / 8



6 / 8



7 / 8



8 / 8



     (สามารถตามไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เจฟ ซาเตอร์ ได้ที่ https://www.vogue.co.th/fashion/news/article/jeff-satur-valentino-brand-ambassador)

ภาพ : Courtesy of Warner Music Thailand PR

WATCH