โลกแห่งเทคโนโลยีกำลังถูกตั้งคำถามว่ามันจะสร้างประโยชน์มากกว่าโทษหรือไม่ ความตั้งใจในการนำเสนอผลงานของศิลปินหรือบางครั้งอาจถูกเรียกว่าเป็นผู้ใช้เทคโนโลยี กลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เนื่องจากศิลปะอันเป็นผลผลิตโดยมนุษย์นั้นหลายคนอาจไม่ต้องการให้เป็นการครอบครองสิทธิ์ด้วย AI ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลและสร้างสิ่งใหม่ที่อาจไม่ได้ใหม่อย่างแท้จริง (อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AI ตัวร้ายแห่งโลกศิลปะได้เพียงคลิก ที่นี่) ทว่าในอีกมุมหนึ่งผู้สรรสร้างผลงานก็สามารถใช้ AI ต่อยอดความน่าสนใจโดยไม่ละทิ้งเครดิตของต้นฉบับ

     James Gerde กลายเป็นดาวดังอย่างรวดเร็วเมื่อเขาหยิบจับ AI มาทำแอนิเมชั่นที่เรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลกออนไลน์ ก่อนหน้านี้(จนถึงตอนนี้) เขาดำรงชีวิตกับอาชีพช่างภาพและช่างภาพวิดีโอมาโดยตลอด จนกระทั่งการเกิดขึ้นของเทคโนโลยีล้ำสมัยอันเปลี่ยนแปลงมุมมองและการสร้างงานไปอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มเปลี่ยนแปลงผลงานภาพถ่ายหรือวิดีโอดั้งเดิม ให้กลายเป็นความล้ำยุค ใช้แหล่งข้อมูลดั้งเดิมและค่อยๆ เพิ่มรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงจาก AI จนกลายเป็นผลงานชิ้นเด่นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าใครเห็นก็ต้องหยุดดู

     ผลงานสร้างชื่อต้องยกให้กับเซ็ตการเปลี่ยนงานประติมากรรมเทพกรีกโบราณให้มีชีวิต สอดประสานกับความฮิตติดเทรนด์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นดนตรี ทำวิดีโอสั้น และที่โดดเด่นที่สุดคือการเต้น ผลงานหลักที่เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นมาบ้างคือการสร้างเทพเฮอร์คิวลีสเต้นเพลง Cat Partying เวอร์ชั่นรีมิกซ์เร่งความเร็วโดย Music Factory ประติมากรรมอันงดงามถูกใช้เป็นแกนหลักในการนำเสนองานศิลปะยุคใหม่ที่ออกลวดลายท่าเต้นชนิดเผ็ดสะเด่า ซึ่งผลงานดังกล่าวอิงจากฟอร์มการเต้นของ Manolet Marcos Torreno ดาวเต้นสุดฮอตชาวฟิลิปปินส์

     กระแสไวรัลของงานเฮอร์คิวลีสโชว์สเต็ปเท้าไฟพาให้คนจำนวนนับแสนนับล้านบนโลกออนไลน์เข้ามาชมหน้าโปรไฟล์ของเจมส์กันยกใหญ่ ก่อนหน้าเฮอร์คิวลีสก็มีผลงานประติมากรรมผู้หญิงเล่นกีตาร์ นอกจากนี้ยังมีเทพีแอโฟรไดต์ที่โชว์ลีลาการเต้นติ๊กต๊อกด้วยเพลง Bounce When She Walk และ Forget Me Nots ซึ่งก็มีกระแสฮิตจนถูกแชร์และไลก์ไม่แพ้เฮอร์คิวลีสเลยทีเดียว ทว่าในเวอร์ชั่นแรกนั้นเจมส์ถูกวิจารณ์ว่าเรนเดอร์ AI ออกมาผอมเพรียวผิดเพี้ยนไปจากสรีระแอโฟรไดต์ และได้รับคำชมอย่างมากเมื่อเวอร์ชั่น 2 ปรับเปลี่ยนและนำเสนอด้วยสรีระที่หนาขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้ง 2 เวอร์ชั่นมาจากผลงานเต้นต้นแบบที่ต่างกัน โดยเวอร์ชั่นแรกเป็นของ Jasmine Arndt ส่วนอีกเวอร์ชั่นเป็นของ Criollanna – Annabgo คาดว่าการเรนเดอร์ AI นั้นยึดจากหุ่นของวิดีโอต้นฉบับจึงอาจเกิดความผิดเพี้ยนของสรีระไม่ตรงตามแนวคิดสรีระของเทพีอันโด่งดัง

     ความสำเร็จของเทรนด์เทพแห่งอาณาจักรโบราณทำให้เจมส์รังสรรค์ผลงานเหล่านี้ขึ้นอย่างต่อเนื่อง หยิบยกเฮดีสและงานประติมากรรมอื่นๆ มาสอดแทรกลงในการเปลี่ยนโฉมสู่โลกแฟนตาซีจนมีแฟนคลับติดตามอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังเลือกสรรผลงานทั้งประติมากรรม ภาพวาด หรือการ์ตูนมาวาดลวดลายร้องเล่นเต้นรำพลิ้วไหวราวกับมีชีวิต นี่เป็นผู้หยิบ AI มาใช้พัฒนางานศิลปะให้มีมิติแปลกใหม่โดยไม่ค่อยมีคนตำหนิหรือวิพากษ์วิจารณ์มากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะถูกจริตความเสพง่ายเบาสมองตามสไตล์ความบันเทิงยุคใหม่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย

     เรื่องสำคัญที่ทำให้ AI กลายเป็นตัวร้ายโลกศิลปะคือการพัฒนาเทคโนโลยีจนกลายเป็นลอกเลียนหรือทำซ้ำผลงานเก่าๆ สำหรับเจมส์เรื่องนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เขานำท่าทางและจังหวะการเคลื่อนไหวมาทำใหม่ โดยยึดหลักจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมทั้งหมด พร้อมทั้งให้เครดิตจริงจัดชัดเจน มิได้มีการลักลอบหรือแอบอ้างสิทธิ์แต่อย่างใด ผลงานประติมากรรมพลิ้วไหวนี้จึงเหมือนการทำเวอร์ชั่นพาโรดี้ของวิดีโอเต้นยอดฮิตยุคปัจจุบัน และการทำแอนิเมชั่นที่ทำให้ผลงานชนิดนิ่งเฉยมีชีวิตแทบจะสมบูรณ์แบบ คล้ายกับการทำแอนิเมชั่นจริง เพียงลดทอนขั้นตอนการทำโมชั่นและใช้โมชั่นจากวิดีโอดั้งเดิมของเหล่านักเต้นมาสร้างสรรค์ใหม่

     ความสำเร็จและภาพจำที่ทำให้คนสนใจต่อยอดสู่โอกาสใหม่ๆ แรกเริ่มเดิมทีผลงานภาพถ่ายหรือวิดีโอของเจมส์อาจไม่ได้รับความสนใจมากนัก วัดได้จากจำนวนไลก์และอื่นๆ หลังจากมีผลงาน AI เข้ามาดูเหมือนว่าโอกาสในศิลปะแขนงดั้งเดิมของเขาจะเพิ่มขึ้นด้วย มากไปกว่านั้นยังเปิดประตูโอกาสที่จะใช้ AI นำเสนอผลงานในรูปแบบเฉพาะตัว ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าคนทั่วโลกชื่นชอบมากเพียงใด ต่อไปเราคงได้เห็นผลงานแอนิเมชั่นจาก AI ของเจมส์มากขึ้นและถ้าเขายังคงรักษาจรรยาบรรณการให้เครดิต การร่วมมืออย่างถูกต้อง และไม่นำความล้ำหน้าของเทคโนโลยีมาหาประโยชน์โดยเบียดเบียนผู้อื่นด้วยการทำซ้ำหรือลอกเลียนแบบ เชื่อว่านี่จะเป็นหนึ่งในแบบอย่างในการเป็นผู้ผลิตผลงานด้วย AI ให้คนยอมรับอย่างเป็นจริงเป็นจังเสียที