หมดปัญหาผ้าหมอง! ด้วยวิธีซักผ้าขาวให้สะอาดใหม่เอี่ยม

เรื่อง: วราภรณ์ หงส์วรางกูร

 

     เสื้อผ้าสีขาวหรือชุดสีขาวที่ดูสะอาดใหม่เอี่ยมอ่องอยู่เสมอ จะทำให้บุคลิกของผู้สวมใส่ดูคลีน เรียบร้อย แลดูสะอาดตา แต่หลายครั้งที่เสื้อผ้าสีขาวเมื่อสวมใส่เป็นเวลานานจะดูหมองลงกลายเป็นสีครีมหรือสีเหลือง และถ้ายิ่งมีคราบเลอะเปรอะเปื้อนที่เห็นได้ชัดด้วย ผ้าขาวจะยิ่งดูเก่า บทความนี้โว้กจึงมีวิธีซักผ้าขาวให้ขาวเหมือนใหม่มาแบ่งปันกัน

 

ภาพถ่ายโดย Tima Miroshnichenko: https://www.pexels.com/th-th/photo/8774498/ 

แยกผ้าข้าวออกจากผ้าสีอื่นเสมอ

     ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดที่จะต้องแยกผ้าสีขาวออกจากผ้าสีอื่นๆ เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้ผ้าสีตกโดยไม่ได้ตั้งใจ นอกจากนี้การซักผ้าขาวกับผ้าสีอื่นรวมกันยังทำให้ผ้าขาวซีดเก่าได้ในที่สุด ทั้งนี้นอกจากแยกผ้าตามสีแล้ว อย่าลืมแยกผ้าขาวด้วยกันเองตามประเภทของผ้าด้วย เช่น ผ้าลินิน ผ้าฝ้าย และผ้าใยสังเคราะห์ออกจากกันด้วย เพราะวิธีการซักที่เหมาะสมนั้นแตกต่างกัน

 

ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำร้อนซักผ้าเสมอไป

     หลายคนซักผ้าขาวด้วยการใช้โหมดน้ำร้อนหรือน้ำอุ่น แต่ก็ไม่จำเป็นเสมอไป เว้นแต่ว่าผ้าขาวที่ซักจะมีคราบหรือสกปรกมากเป็นพิเศษ ในขณะที่การซักผ้าด้วยน้ำอุณหภูมิปกติก็มีประสิทธิภาพ ทำให้ผ้าสะอาดเช่นเดียวกัน และได้ถนอมเนื้อผ้ามากขึ้น ที่สำคัญยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้วย

 

วิธีการขจัดคราบออกจากผ้าขาว

     ก่อนจะโยนเสื้อผ้าสีขาวที่มีคราบลงในเครื่องซักผ้า แนะนำให้ขจัดคราบออกจากเสื้อผ้าก่อน ซึ่งคราบแต่ละอย่างใช้วิธีการขจัดแตกต่างกัน ดังนี้

• โคลน: ถ้าเสื้อผ้าเปียกให้ปล่อยไว้จนโคลนแห้ง จากนั้นใช้มือแกะโคลนออกอย่าเบามือ อย่าขยี้หรือถูแรงเพราะอาจทำให้คราบโคลนฝังแน่นในเนื้อผ้า
• เลือด: ไม่ว่าจะมาจากประจำเดือนหรือบาดแผล ให้ฉีดไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ลงบนจุดที่เลอะ ปล่อยให้เกิดฟองอากาศ เมื่อฟองหมดให้ใช้น้ำล้างไหลผ่าน แล้วทำซ้ำจนกว่าคราบจะจางหายไป
• เหงื่อ: คราบเหงื่อมักจะเห็นเด่นชัดที่สุดบริเวณใต้วงแขนของเสื้อยืดและปกเสื้อเชิ้ต ให้ใช้น้ำยาขจัดคราบฉีดจนชุ่ม หากคราบเหงื่อฝังแน่นมาก ให้ใช้แปรงสีฟันขัดวนเป็นวงกลม เมื่อคราบหายไปแล้วให้ล้างด้วยน้ำสะอาดทันที

 

ภาพถ่ายโดย RDNE Stock project: https://www.pexels.com/th-th/photo/5591646/ 

ใช้สารฟอกขาว

     สารฟอกขาวถูกออกแบบมาเพื่อฟื้นฟูความขาวและความสว่างให้กับผ้าขาว โดยมีคุณสมบัติช่วยขจัดคราบสกปรกและสีตกค้าง แต่การใช้สารฟอกขาวนั้นจำเป็นต้องระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด เนื่องจากปริมาณและวิธีการใช้จะแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อและชนิดของสารฟอกขาว และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาวกับผ้าไหมและผ้าขนสัตว์ เพราะอาจทำให้เส้นใยเนื้อผ้าเกิดความเสียหายและเสียรูปทรง

 

ใช้น้ำส้มสายชูกลั่น

     น้ำส้มสายชูมีคุณสมบัติช่วยขจัดความหมองหรือสีเหลืองออกและช่วยฟอกผ้าขาวให้ดูสว่างขึ้น อีกทั้งยังช่วยกำจัดกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย ซึ่งทำได้โดยผสมน้ำร้อนและน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วย จากนั้นแช่ผ้าขาวทิ้งไว้ก่อนนำไปซักตามปกติ หรืออีกวิธีคือเติมน้ำส้มสายชูพร้อมกับผงซักฟอกลงในเครื่องซักผ้า แล้วจึงเลือกโปรแกรมซักตามประเภทของเนื้อผ้า 

 

การตากและการเก็บรักษา

     ควรตากผ้าในที่ร่มและมีอากาศถ่ายเทสะดวก เพราะการตากผ้ากลางแดดโดยตรงอาจทำให้ผ้าเหลืองได้ และสำหรับผ้าบางชนิดอาจต้องอบแห้งด้วยเครื่องอบผ้า และควรเลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมกับชนิดของผ้า นอกจากนี้ควรเก็บผ้าขาวที่ซักสะอาดแล้วในที่แห้งและสะอาด พับหรือม้วนผ้าให้เรียบร้อยเพื่อป้องกันการเกิดรอยยับและช่วยให้ผ้ายังคงสภาพดีดูเหมือนใหม่อยู่เสมอ