ยังคงดำเนินไปอย่างครึกครื้นกับอุตสาหกรรมบันเทิงเกาหลีใต้ที่ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันเป็นจุดสนใจแก่คนทั่วโลกมากที่สุด เพราะมีเหล่าศิลปินและนักแสดงมากหน้าหลายตาเริ่มเข้ามามีบทบาทในวงการต่างๆ ทั้งเรื่องเพลง ผลงานภาพยนตร์ ซีรี่ส์ แม้กระทั่งแฟชั่นที่มีหลากแบรนด์ชั้นนำระดับโลกจีบพวกเขาเหล่านี้ไปเป็นภาพลักษณ์ประจำแบรนด์ เช่นการขึ้นแท่นเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เพื่อนำเสนอเอกลักษณ์ของแบรนด์ผ่านตัวตนของพวกเขาให้ออกมาน่าจดจำและสมบูรณ์แบบที่สุด

     แน่นอนว่าถ้ากล่าวถึงศิลปินหรือนักแสดงจากแดนกิมจิที่เข้ามาเป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลกในด้านต่างๆ ของยุคปัจจุบัน นอกจาก 'ฮวาซา' แห่งวง MAMAMOO หรือแร็ปเปอร์ชื่อดังอย่าง 'เจสซี่' ที่ได้แสดงความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่แล้ว 'เจนนี่ และ ลิซ่า แห่งวง Blackpink' รวมไปถึง 'ฮันโซฮี' คงเป็นชื่ออันดับแรกๆ ที่ใครหลายคนนึกถึง เพราะความโดดเด่นของพวกเธอทำให้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกได้มอบตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้อย่างไม่มีข้อสงสัย ซึ่งเจนนี่ รับตำแหน่งแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Chanel, ลิซ่า เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Celine และฮันโซฮี เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Charles & Keith นอกจากนี้เพราะความสะดุดตาของพวกเธอทำให้ทุกคนกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าเธอทั้งสามคนกล้าข้ามผ่านจุดเซฟโซนโดยไม่เกรงกลัวกรอบวัฒนธรรมเดิมๆ ของประเทศเกาหลีใต้เพื่อการเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง

 

     เจนนี่ แห่งวง Blackpink ในฉาก The Idol สุดเร่าร้อน / ภาพ: Sanook

     อย่างที่รู้กันดีว่าค่านิยมของประเทศเกาหลีใต้นั้นมักเยินยอให้ชายเป็นใหญ่มาตั้งแต่อดีต ทว่ากลับมาผ่อนเบาลงเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป เพราะเหล่าศิลปินหญิงและนักแสดงหญิงก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเธอก็สามารถสร้างความยิ่งใหญ่ได้ด้วยน้ำมือของตัวเอง ทั้งยังไม่จำเป็นต้องปั้นตัวเองให้เป็นผู้หญิงเรียบร้อย อ่อนหวาน เพื่อมารับบทรองรับคำติฉินวิจารณ์เสมอไปก็ได้ เจนนี่เองก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าไม่ว่าเธอจะทำอะไร ก้าวไปทางไหน ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอ โดยเฉพาะประเด็นล่าสุดที่ทำเอาโลกโซเชียลร้อนฉ่าเมื่อเจนนี่ได้ผันตัวมาเป็นนักแสดงในซีรี่ส์ ‘The Idol’ ว่ามีฉากเต้นสุดเร่าร้อนและมีความเซ็กซี่ล่อแหลมเกินพอดี ทั้งเนื้อเรื่องยังนำเสนอเรื่องเซ็กซ์เกินที่ควรจะเป็นจนทำให้ต้องลดทอนตอนของซีรี่ส์ลงจาก 6 ตอนเหลือ 5 ตอน และกลายเป็นซีรี่ส์ที่เรตติ้งแย่ที่สุดของสตรีมมิ่ง HBO อีกด้วย ทว่าอีกแง่มุมหนึ่งของเสียงวิจารณ์ก็กลับมีการชื่นชมเจนนี่ว่าเธอกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ที่ศิลปินในเกาหลีใต้ไม่ค่อยมีใครกล้าทำกัน เธอยอมที่จะมีฉากเร่าร้อนเผยแพร่ออกไปทั่วโลก มิหนำซ้ำยังกล้าที่จะแต่งตัวจัดจ้านโดยไม่สนคำครหาจากคนที่พยายามจะหาเรื่องมาด่าเธออีกด้วย เจนนี่จึงเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เมื่อพูดถึงความเซ็กซี่แบบไม่สนใจค่านิยมในประเทศบ้านเกิด ผู้คนจะนึกถึงเธออย่างปฏิเสธไม่ได้ (ตามไปอ่านเรื่องราวของเจนนี่เกี่ยวกับซีรี่ส์ The Idol เพิ่มเติมได้ที่ '2 วินาทีร้อนจาก The Idol กับการวิจารณ์ฉากยั่วยวนของ Jennie ที่บางคนไม่สามารถมองข้าม')

 

 ลิซ่า แห่งวง Blackpink ในการแสดงคาบาเรต์ Crazy Horse Paris

     เพื่อนร่วมวงของเจนนี่อย่าง ลิซ่า แห่งวง Blackpink ก็ถือเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่เปรียบดั่งสนามอารมณ์ของคนที่ไม่ชื่นชอบหรือไม่พอใจกับทุกการกระทำของลิซ่า อย่างเช่นล่าสุดที่เธอร่วมโชว์คาบาเรต์ชื่อดังแห่งกรุงปารีส ‘Crazy Horse Paris’ ที่เป็นที่กล่าวถึงในโลกโซเชียลตอนนี้อย่างถล่มทลาย เพราะการแสดงของลิซ่ามักแลกมาด้วยคำวิจารณ์หรือคำด่าทอรุนแรงอีกเช่นเคย อาทิ สวี เจียว นักแสดงชาวจีนที่วิจารณ์ว่าลิซ่าคือวัตถุทางเพศ (ตามไปอ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่ 'ตีแผ่ประเด็นสวี เจียววิจารณ์ลิซ่า สะท้อนการฉุดรั้งเรื่องความเท่าเทียมจากผู้หญิงด้วยกัน') ซึ่งถือเป็นความเห็นที่รุนแรงและหนักหน่วง แม้ท้ายที่สุดสวี เจียวจะโดนทัวร์ลงเองก็ตาม แต่แน่นอนว่าอย่างไรแล้วนอกจากสวี เจียวก็ยังมีบุคคลเห็นต่างไปโจมตีลิซ่าอยู่ดี สิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่และแฟนคลับของเธอภูมิใจคือจุดนี้นี่ล่ะ ที่ถึงแม้ลิซ่าจะรู้ตัวว่าอาจโดนเสียงวิจารณ์ทางด้านลบโหมกระพือ ทว่าเธอก็ยังเลือกที่จะทำตามที่ใจอยากทำ ทั้งได้แสดงคาบาเรต์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก และกล้าสร้างสรรค์ลุคสุดเซ็กซี่ทั้งในโชว์คาบาเรต์และการแสดงบนเวทีคอนเสิร์ตที่เธอทำเป็นประจำ สุดท้ายแล้วเหล่าแฟนๆ ก็พอใจในผลงาน ความสามารถ และยอมรับตัวตนในแบบที่เธอเป็นอยู่ดี ลุคสุดเซ็กซี่และความสามารถของลิซ่าจึงเป็นการข้ามผ่านเส้นของวัฒนธรรมของเกาหลีที่คนส่วนใหญ่ในโลกต่างยอมรับและชื่นชม (ตามไปอ่านเรื่องราวของลิซ่าในโชว์คาบาเรต์ Crazy Horse Paris เพิ่มเติมได้ที่ 'เซ็กซี่เข็ดฟัน! เผยภาพหลุด 'ลิซ่า BLACKPINK' ในชุดชั้นในสีดำ ขึ้นแสดงคาบาเรต์ Crazy Horse Paris')

 

 ฮันโซฮี โพสต์ภาพของเธอที่มีการเจาะปากและใต้ตา / ภาพ: IG @xeesoxee

     ขอปิดท้ายด้วยนักแสดงสาวสุดฮอต ฮันโซฮี บุคคลผู้มาก่อนกาลในการนำเสนอความเป็นตัวเองที่ชัดเจนที่สุด แม้ในช่วงแรกเธอจำเป็นต้องลบรอยสักของตัวเองก่อนเข้าวงการบันเทิง เพื่อให้มีผลงานแสดงในบทบาทนางเอกตามมายาคติที่สังคมตั้งไว้ว่าการเป็นนางเอกสาวต้องมีผิวสวยใส ไร้ร่องรอยการเจิมลวดลายบนเรือนร่าง แต่ตอนนี้เธอกล้าที่จะเป็นตัวเองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยล่าสุดเธอเผยรูปภาพของเธอที่มีการเจาะปาก เจาะใต้ตา รวมถึงรูปบริบทต่างๆ ที่ได้โพสต์เช่นตอนเมาจนลงไปนอนแผ่กลางพื้นถนน หรือแม้แต่การคอมเมนต์แซวเพื่อนร่วมวงการด้วยมุกสุดขำขันแบบไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ว่าต้องเป็นนางเอกผู้แสนดีและอ่อนต่อโลก เพราะฮันโซฮีก็สามารถเป็นที่รักของทุกคนได้แม้เธอจะชอบเจาะใบหน้าหรือเคยสักเต็มเรือนร่างมาแล้วก็ตาม มิหนำซ้ำเหล่าแฟนๆ ยังหลงใหลในการเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่เพราะมันคือเสน่ห์เฉพาะตัวของฮันโซฮีจริงๆ (ตามไปอ่านเรื่องราวชีวิตของฮันโซฮีเพิ่มเติมได้ที่ 'จากเด็กวิ่งตามฝันสู่จุดสูงสุดบนยอดพีระมิด เจาะเส้นทางการผจญภัยของ ‘Han So Hee’ ')

 

     จากทั้งหมดที่ผู้เขียนกล่าวไปนั้นคงเติมเต็มประโยคดังกล่าวว่า “เธอทั้งสามคนกล้าข้ามผ่านจุดเซฟโซนโดยไม่เกรงกลัวกรอบวัฒนธรรมเดิมๆ ของประเทศเกาหลีใต้เพื่อการเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง” เพราะถึงแม้จะต้องข้ามผ่านเสียงวิจารณ์อันหนักหน่วง แต่พวกเธอก็สามารถเป็นตัวอย่างที่ดีและเดินบนสายทางวงการนี้ได้อย่างสวยงาม ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นบุคคลกรุยทางและเปลี่ยนความคิดของผู้คนให้เปิดรับอย่างกว้างขวางขึ้น และค่านิยมเก่าๆ อาจจะหมดไปในอนาคตก็เป็นได้