Dolce & Gabbana ยุคเก่าคืนชีพด้วยผลงานสุดเซอร์เรียลของ Matty Bovan ที่เขย่าแฟชั่นมิลาน
การสนับสนุนของ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana คือแรงผลักดันที่ทำให้ดีไซเนอร์ไฟแรงนำเสนอโชว์ในมิลานเป็นครั้งแรก
ชีวิตในโลกแฟชั่นไม่ได้สวยหรู และโอกาสคือสิ่งที่ดีไซเนอร์รุ่นใหม่ต้องการอย่างยิ่งยวด...หากพูดถึงชื่อ Matty Bovan สาวกแฟชั่นอาจจะคุ้นเคยกับรูปแบบแฟชั่นสไตล์แม็กซิมัลที่เต็มไปด้วยสีสัน ลวดลาย และซิลูเอตแปลกตา การสไตลิ่งของเขาสร้างรูปแบบแฟชั่นที่ล้ำหน้าในแบบฉบับไม่เหมือนใคร หลายคนจึงอนุมานกันไปว่าแมตตี้คือดีไซเนอร์ผู้รักอิสระและเปิดกว้างให้ตัวเองได้รังสรรค์ผลงานชนิดไม่มีขีดจำกัดใดๆ ทว่าโลกแห่งความจริงไม่ได้มีแค่ฉากหน้า เพราะบุคลากรรุ่นใหม่ไฟแรงแห่งวงการแฟชั่นคนนี้สร้างสรรค์ความจัดจ้านโดยเก็บซ่อนช่วงเวลาหม่นหมองในชีวิตไว้
การนำเสนอโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023 นับเป็นครั้งแรกที่แมตตี้ก้าวออกจากลอนดอน ถิ่นฐานสำคัญที่ยึดโยงแฟชั่นของเขาไว้ ครั้งนี้เขาก้าวสู่เวทีมิลานแฟชั่นวีกและสร้างปรากฏการณ์ให้ชาวอิตาเลียนและสาวกแฟชั่นทั่วโลกจับตามอง ผลงานตระการตาดึงดูดผู้ชมให้จดจ่ออยู่กับโชว์ได้เช่นเดิม เพิ่มเติมคือกลิ่นอายแฟชั่นจาก Dolce & Gabbana ยุคเก่าที่กลับมาในโชว์นี้ ไม่ใช่เพียงเพราะเขาหยิบยกแรงบันดาลใจมาทำใหม่ แต่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในวันที่แมตตี้อาจต้องการมากที่สุด
การสนับสนุนของโดลเช่แอนด์กับบาน่าคือแสงสว่างที่ดีไซเนอร์อย่างแมตตี้ซาบซึ้งใจ ในคอลเล็กชั่นนี้ทั้ง Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ตัดสินใจให้ยืมตัวช่างตัดเย็บ ทรัพยากรการผลิต รวมถึงเงินทุนสำหรับการนำเสนอโชว์ เพื่อต่อยอดให้โชว์แมตตี้เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในมิลานแฟชั่นวีกครั้งแรกในชีวิต มากไปกว่านั้นยังเปิดให้ดีไซเนอร์ผู้นี้เข้าถึงไอเท็มจากคลังเก่าของแบรนด์ซึ่งน้อยคนจะมีโอกาสแบบนี้ แม้จะเข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงสนับสนุนการจัดโชว์ ดีไซเนอร์มากประสบการณ์ทั้ง 2 คนกลับไม่ยุ่งเกี่ยวกับการผลิตผลงานของแมตตี้เลยแม้แต่น้อย โดยสเตฟาโน่ให้เหตุผลว่า “ควรจะให้อิสระแก่คนรุ่นใหม่” พร้อมเสริมว่า “งานสร้างสรรค์แบบนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว” ซึ่งหมายความว่าเขามอบสิ่งจำเป็นให้และเปิดโอกาสให้แมตตี้นำเสนอแฟชั่นในแบบเฉพาะตัวอย่างเต็มที่ เพราะสุดท้ายนี่คือผลงานภายใต้ชื่อของเขาเอง
อย่างที่กล่าวไปว่าชีวิตเบื้องหน้าอันหวือหวาของโลกแฟชั่นไม่ได้สะท้อนถึงชีวิตเบื้องหลังดีไซเนอร์ทุกคน เราอาจจะเห็นว่าแมตตี้คือดีไซเนอร์ผู้นำเสนอไอเดียสุดขั้วอยู่ตลอดเวลา ภายใต้แนวคิดสร้างสรรค์เหล่านั้นซ่อนตัวตนของบุคคลที่ต้องเผชิญด้านมืดในชีวิต เขาพูดถึงชีวิตส่วนตัวที่มีความดำมืดมาปกคลุมและเขาใช้ความสร้างสรรค์ในการออกแบบเสื้อผ้าเป็นดั่งเครื่องมือกอบกู้ชีวิต แฟชั่นที่เราเห็นว่าล้ำหน้ามีสไตล์ไม่เหมือนใครนั้นคือผลผลิตของการเอาตัวรอดจากชีวิตด้านดำมืดที่อาจบั่นทอนจิตใจเขามาโดยตลอด เพราะฉะนั้นความวุ่นวายของเสื้อผ้าบนรันเวย์ที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นสีสัน ลวดลาย รูปทรงเรขาคณิต และตารางหมากรุก ล้วนเกิดจากความสร้างสรรค์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาชนะอีกด้านของชีวิตที่อาจไม่สวยหรูเท่าไหร่นัก
ในครั้งนี้เขายังคงนำเสนอความจัดจ้านชนิดฮอตปรอตแตกเช่นเคย แน่นอนว่าผลงานของเขาเต็มไปด้วยรายละเอียดการตัดเย็บที่ซับซ้อนราวกับเป็นผลงานกูตูร์รูปแบบหนึ่ง ทว่าเขาก็ผสมผสานกลิ่นอายของเสื้อผ้าสตรีตแวร์แนวแม็กซิมัลเข้าด้วยกัน อีกทั้งยังสร้างชิ้นงานศิลปะในลักษณะเซอร์เรียลเข้ามาเติมความจัดจ้านให้กับแต่ละลุคอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังเลือกแฟชั่นจากต่างยุคต่างสมัยมาหลอมรวมกัน เช่นคอร์เซ็ตและกระโปรงยุคโบราณที่เข้ามาอยู่ในโชว์อันเหนือจริง ผลงานทุกชิ้นของเขาถูกดัดแปลงจากแบบฉบับดั้งเดิมโดยสิ้นเชิง และแม้โดลเช่แอนด์กับบาน่าจะมีส่วนสำคัญในโชว์นี้ แต่วิถีความสร้างสรรค์ก็ทำให้เห็นว่าแมตตี้สามารถหยิบยกกลิ่นอายของแบรนด์ดังมาทำให้เป็นแฟชั่นของตัวเองอย่างเต็มที่ นี่คือการให้เกียรติกับคำพูดของดีไซเนอร์รุ่นเก๋าที่ว่า “งานสร้างสรรค์แบบนี้เป็นเรื่องเฉพาะตัว” ได้อย่างเต็มที่ที่สุด
WATCH
1 / 24
2 / 24
3 / 24
4 / 24
5 / 24
6 / 24
7 / 24
8 / 24
9 / 24
10 / 24
11 / 24
12 / 24
13 / 24
14 / 24
15 / 24
16 / 24
17 / 24
18 / 24
19 / 24
20 / 24
21 / 24
22 / 24
23 / 24
24 / 24
ภาพ: Daniele Oberrauch / Gorunway.com
WATCH