Ferragamo ยุคใหม่กับ Maximillian Davis ที่พัฒนาความสร้างสรรค์ไปพร้อมรักษาดีเอ็นเอของแบรนด์

     “เมื่อการเปลี่ยนแปลงไม่จำเป็นต้องฉีกกรอบเดิมจนสุดขั้วเสมอไป” โชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2023 ของ Ferragamo  นำเสนอผ่านมุมมองของหัวเรือคนใหม่ แต่ใส่ใจถึงรากฐานความยอดเยี่ยมของแบรนด์มาตั้งแต่ยุคของผู้ก่อตั้ง Maximillian Davis ก้าวขึ้นมารับบทบาทสำคัญในการสานต่อความสำเร็จของแบรนด์ชื่อดังจากอิตาลีแบรนด์นี้ ชื่อเสียงของซัลวาทอเร่คือการหยิบยกเอากลิ่นอายฮอลลีวู้ดมาผสมผสานกับรูปแบบแฟชั่นอันเนี้ยบกริบตามสไตล์อิตาเลียน ความสนุกสนานที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน แต่ยังคงความละเอียดประณีตนั้นคือโจทย์ที่แม็กซิมิลเลียนกำลังถอดรหัสและสร้างสรรค์ผลงานแรกของตัวเองภายใต้ร่มเงาเฟอร์รากาโม่

     การผสมผสานรูปแบบแฟชั่นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายความคลาสสิกในแบบฉบับฟลอเรนซ์กับความสดใหม่ของโลกแฟชั่นยุคโมเดิร์นที่เดินหน้าไม่รู้จบ ผู้อำนวยการสร้างสรรค์คนใหม่หยิบจับผ้าเนื้อบางและงานนิตแวร์เบาสบายมาใช้ให้รับกับคอลเล็กชั่นฤดูร้อน มาพร้อมกับการเลือกไอเท็มชิ้นอมตะอย่างรองเท้าแตะจากยุคเรเนซองส์มาสร้างสรรค์ใหม่ให้เข้ากับเสื้อผ้าและองค์รวมของคอลเล็กชั่นอย่างลงตัว มาพร้อมกับเครื่องประดับและกระเป๋าผิวมันวาว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เหมือนเป็นการหยิบยกเอารากฐานของแฟชั่นที่ทุกคนคุ้นเคยหรือผ่านตามาปรับแต่งจนเกิดเป็นวิถีความสร้างสรรค์ที่แม็กซิมิลเลียนตั้งใจนำเสนอให้เห็นในคอลเล็กชั่นนี้

     อย่างที่กล่าวไปว่าสิ่งสำคัญของการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่การสร้างสิ่งใหม่จากศูนย์ แต่อาจหมายถึงการปรับรูปแบบสิ่งที่เคยเกิดขึ้นหรือมีอยู่เดิมให้สอดคล้องไปยุคสมัยอย่างไร้รอยต่อ ดีไซเนอร์ไฟแรงผู้นี้กำลังตีความมนต์เสน่ห์แห่งฮอลลีวู้ดรูปแบบใหม่ เขาดึงเสน่ห์ความเย้ายวนจากชายหาดมาคลุกเคล้าพร้อมตีเส้นความพอดีในแบบฉบับของตัวเอง เขามองว่าความโดดเด่นแบบฮอลลีวู้ดไม่ใช่แค่สร้างความโดดเด่นจนสะดุดตา แต่หมายถึงสิ่งเรียบง่ายที่สวยงามในทุกๆ วัน เราจึงเห็นเขาเนรมิตเสื้อคอปกแบบโปโล เสื้อกล้าม หรือแม้แต่ไอเท็มชิ้นเบสิกต่างๆ ให้ออกมาเป็นสิ่งธรรมดาเรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ เฉกเช่นเดียวกับชุดราตรีที่มาพร้อมรองเท้าคริสตัลระยิบระยับที่ย้อนกลับสู่คอลเล็กชั่น 1959 ที่ทำให้กับ Marilyn Monroe ซึ่งเขาก็จัดแต่งและเพิ่มความสดใหม่ให้เข้ากับนิยามฮอลลีวู้ดแบบใหม่ได้อย่างลงตัวมากขึ้น

 

     งานเทเลอริ่งอันเป็นอาวุธเด็ดของแม็กซิมิลเลียนยังคงโดดเด่นเช่นเดิมภายใต้ชายคาเฟอร์รากาโม่ รูปแบบแฟชั่นเทเลอริ่งจากยุค ‘80s วิ่งสู่ความทันสมัยในโลกยุคใหม่ แต่แน่นอนว่าเขาไม่เพียงเลือกสรรความยอดเยี่ยมนั้นและถอดแบบอย่างตรงไปตรงมา เขาเลือกใช้วัสดุเนื้อผ้าที่แปลกใหม่มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นผ้าออร์แกนซา และเลือกตัดทอนบางจุดเช่น คอเสื้อและแขนเสื้อเพื่อเปลี่ยนสถานะของงานเทเลอริ่งให้ลื่นไหลไปได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ความลื่นไหลตรงนี้กำลังพาเฟอร์รากาโม่ที่โดดเด่นเรื่องความเนี้ยบประณีตเป็นทุนเดิมพบเจอเส้นทางแห่งความสร้างสรรค์เพิ่มเติมตามแนวทางของแม็กซิมิลเลียน

     รองเท้าและกระเป๋าก็เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ในโชว์นี้ Wanda Bag กระเป๋ารุ่นคลาสสิกของแบรนด์เป็นหนึ่งในไอเท็มที่แม็กซิมิลเลียนคว้านไอเดียมาเพื่อปรับแต่งให้สดใหม่ยิ่งขึ้นผ่านการปรับสัดส่วนและนำเสนอกลิ่นอายแบบความโมเดิร์นสไตล์มินิมัลจากยุคปัจจุบัน มาพร้อมกับไอเดียการใช้วัสดุและการสร้างสรรค์เอฟเฟกต์ที่สะท้อนความหลากหลาย ส่วนรองเท้าจากรองเท้าแตะเรียบง่ายแต่สะดุดตาแล้วยังมีรองเท้าส้นสูงและรองเท้าบู๊ตที่มีเสน่ห์ชวนมองไม่แพ้กัน

 

     ในเรื่องของสีสันแม็กซิมิลเลียนใส่ใจทุกรายละเอียด โดยเฉพาะไฮไลต์สำคัญที่เขาหยิบผ้าพันคอ ไอเท็มชิ้นไอคอนิกของแบรนด์มาลดทอนลายพิมพ์ ลงมือวาด และสร้างจินตนาการรูปแบบใหม่ให้กับมัน ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นผลงานการออกแบบที่พาเราย้อนเวลากลับสู่แฟชั่นอันโดดเด่นของเฟอร์รากาโม่ ในขณะเดียวกันก็ยึดโยงกับโลกแฟชั่นในปัจจุบันได้อย่างทันสมัย “มันเป็นเรื่องของการมองย้อนสู่สิ่งที่มีอยู่ในคลังเดิมและสร้างสิ่งที่สามารถเชื่อมสัมพันธ์กับแฟชั่นตอนนี้” เขาอธิบายเกี่ยวกับการนำสิ่งเก่ามาทำใหม่เพื่อตอบโจทย์ทั้งการรักษาตัวตนและพาเฟอร์รากาโม่ให้ทันสมัยไปพร้อมๆ กัน

     แน่นอนว่าเรื่องสีก็เป็นส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของคอลเล็กชั่น ซึ่งเขาก็เลือกผลงาน Sunset Series ของ Rachel Harrison มาเป็นธีมหลัก เราจะเห็นความหลากหลายของสีตั้งแต่โทนสีเย็นไปจนถึงสีร้อนอย่างสีแดงที่ถูกกำหนดเป็นดั่งสีดีเอ็นเอของเฟอร์รากาโม่ยุคใหม่ ซึ่งช่วงสีอันกว้างขวางนี้สะท้อนถึงความหลากหลายในการเชื่อมสัมพันธ์กับทุกสิ่งรอบตัว มากไปกว่านั้นในโชว์ยังมีการเล่นสัญญะผ่าน “ทราย” ซึ่งหมายถึงความเชื่อมโยงกับตัวตนแม็กซิมิลเลียน โดยเฉพาะวัฒนธรรมแคริบเบียนที่เขาพร้อมถ่ายทอดมันผ่านเลนส์ของเฟอร์รากาโม่ พร้อมทั้งสะท้อนถึงความเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่ฮอลลีวู้ดอันผูกติดกับทราย ทะเล และแน่นอนว่าเฟอร์รากาโม่ฉบับดั้งเดิมที่ผู้ก่อตั้งหยิบจับกลิ่นอายจากสถานที่และบรรยากาศจากดินแดนอันโด่งดังมาเป็นแรงบันดาลใจด้านแฟชั่น เพราะฉะนั้นทุกองค์ประกอบในโชว์นี้คือการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของเฟอร์รากาโม่สู่ยุคของแม็กซิมิลเลียน แต่มันคือการเปลี่ยนแปลงที่ใส่ใจในรากฐานของแฟชั่นฉบับดั้งเดิมของแบรนด์ กลิ่นอายแฟชั่นจากยุคเก่าที่ยังคงหมุนเวียนกลับมาอีกครั้ง สุดท้ายการเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนตัวตนของผู้ออกแบบโดยไม่ละทิ้งดีเอ็นเอของแบรนด์แม้แต่น้อย เฟอร์รากาโม่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่เดินหน้าด้วยความสร้างสรรค์และมั่นคงในเวลาเดียวกัน

1 / 35

2 / 35

3 / 35

4 / 35

5 / 35

6 / 35

7 / 35

8 / 35

9 / 35

10 / 35

11 / 35

12 / 35

13 / 35

14 / 35

15 / 35

16 / 35

17 / 35

18 / 35

19 / 35

20 / 35

21 / 35

22 / 35

23 / 35

24 / 35

25 / 35

26 / 35

27 / 35

28 / 35

29 / 35

30 / 35

31 / 35

32 / 35

33 / 35

34 / 35

35 / 35