FASHION

Heal with ARTS ดื่มด่ำและชาร์จพลังกับงานศิลปะ Khao Yai Art Forest

เดินทางไปทำความรู้จักศิลปะในอีกหนึ่งรูปแบบ ที่นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับงานศิลป์แล้ว ยังเป็นการชาร์จพลังในช่วงเวลาที่เหนื่อยล้า มาให้ธรรมชาติและศิลปะได้เยียวยาสมานแผลในหัวใจกัน

นางแบบ: Ling Tan

แต่งหน้า: ชัยดิษฐ์ สมทรง

ทำผม: ชัชพิสิทฐ สุข

ช่างภาพ: ณัฐ ประกอบสันติสุข

แฟชั่นไดเร็กเตอร์: จงกล พลาฤทธิ์

 บรรณาธิการบทความ: ตะวัน ก้อนแก้ว

เรื่อง: ฐาดิณี รัชชระเสวี

ดำเนินงาน: Joseph Teoh

 

     Khao Yai Art Forest เคยเป็นผืนป่ากว้างที่ถูกทิ้งให้รกร้าง แต่ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับจัดแสดงงานศิลปะ ทั้งของศิลปินไทยและศิลปินระดับโลก หลายคน ที่ไม่เคยมาเยือนอาจจะจินตนาการไม่ออกว่าจะเข้าร่วมชมงานศิลปะในป่ากว้างท่ามกลางสภาพอากาศในภูมิศาสตร์เขตร้อนได้อย่างไร แนวคิดเรื่องอากาศเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่นำมาใช้ในการออกแบบพื้นที่ เพื่อให้คนได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในฤดูต่างๆ ซึ่งจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป แต่ไม่ว่าฤดูกาลไหน สิ่งสำคัญที่พื้นที่แห่งนี้ต้องการจะหยิบยื่นให้ทุกคนก็คือการเยียวยาความรู้สึกของผู้มาเยือน

     3 ชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าสู่ทิวเขาดงพญาเย็น จังหวัดนครราชสีมา ไม่ไกลเกินไปสำหรับการเดินทางเพื่อหนีจากเมืองใหญ่ไปใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติอันบริสุทธิ์ นี่คือจุดประสงค์ของ มาริษา เจียรวนนท์ ผู้ก่อตั้งที่ต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็นที่พักใจ เปิดโอกาสให้ตัวเราเองได้ทำความรู้จักกับตัวเองด้วยการเชื่อมโยงเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและงานศิลปะที่กระจายตัวอยู่บนพื้นที่ 210 ไร่ มาริษามีความหลงใหลในศิลปะ อาหาร การศึกษา และนวัตกรรมใหม่ๆ เธอจึงดึงเอาแพสชั่นทั้งสี่เรื่องนี้มาสร้างสรรค์พื้นที่นี้อย่างจริงจัง นั่นหมายความว่าผู้มาเยือนจะได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษครบทั้งสี่ด้าน นอกจากนี้เธอยังต้องการทำพื้นที่นี้ให้เป็นพื้นที่สีเขียว จึงฟื้นฟูดูแลดินและป่าไม้โดยรอบ รวมถึงปลูกป่าที่เคยถูกทำลายไปให้สมบูรณ์เหมือนเดิมเพราะมาริษามองว่าสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาตินั้นไม่สามารถตัดขาดจากกัน อาร์ตฟอเรสต์แห่งนี้จึงมีคอนเซปต์หลักคือช่วยคนเยียวยาความรู้สึกของตัวเอง เธอยกตัวอย่างผลงานประติมากรรมหมอกของฟูจิโกะ นาคายะ ศิลปินชาวญี่ปุ่นวัย 91 ปีผู้มีชื่อเสียงด้านการสร้างผลงานประติมากรรมจากหมอกว่านอกจากจะเป็นการสร้างสรรค์ที่มหัศจรรย์ เพราะต้องควบคุมปริมาณน้ำรวมถึงคุณภาพของน้ำ ประกอบกับการใช้พื้นที่ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้พอเหมาะแล้ว การได้เดินเข้าไปในป่าหมอกโดยมีไอน้ำปกคลุมตัวนั่นคือการเยียวยาจิตใจที่ยอดเยี่ยม "ปลดปล่อยอารมณ์ วางทุกความเจ็บปวดในอดีต" โดยเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะ ให้ธรรมชาติอันเป็นองค์ประกอบหลักของงานประติมากรรม ชิ้นนี้เยียวยาเรา พอเดินออกมาจากกลุ่มหมอกจะรู้สึกสดชื่นเบาสบายอย่างไม่น่าเชื่อ

 

1 / 3



2 / 3



3 / 3



     ผลงานศิลปะที่นี่มีทั้งหมด 7 ชิ้น 6 ชิ้นเป็นงาน จัดตั้งถาวร สามารถเข้าชมเมื่อไรก็ได้ แต่ชิ้นงาน ที่คุ้นตาคนในวงการศิลปะจะมาตั้งเพียงชั่วคราว นั่นก็คืองานไอคอนิกชิ้นเอกของโลก Maman ประติมากรรมแมงมุมยักษ์ของศิลปินชื่อดัง Louise Bourgeois งานชิ้นนี้เป็นผลงานชิ้นสำคัญและโดดเด่นที่สุดในซีรีส์ประติมากรรมแมงมุมของหลุยส์ บูร์ชัวส์ สื่อถึงมารดาของเธอซึ่งมีอาชีพเป็นช่างทอและนักอนุรักษ์ผ้า หลุยส์พูดถึงแม่ว่าแม่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ทั้งรอบคอบ ฉลาด อดทน อ่อนโยน มีเหตุผล งดงาม นุ่มนวลและประณีต เหมือนแมงมุม ด้วยเหตุผลนี้เอง เขาใหญ่ อาร์ตฟอเรสต์ จึงนำ Maman มาติดตั้งที่นี่ในบริบทของป่าและสิ่งแวดล้อมโดยรอบให้ Maman แสดงแนวคิดของความเป็นแม่ในแง่ของการฟื้นฟูเยียวยาพื้นที่แห่งนี้ ขณะเดียวกัน แมงมุมยักษ์ที่มีจิตวิญญาณของความเป็นแม่นี้ก็เปรียบเสมือนการสานสัมพันธ์ของธรรมชาติกับมนุษย์ ถือเป็นการให้เกียรติธรรมชาติผู้ให้กำเนิดและเป็นเหมือนที่พักพิงทางใจ

 

 




1 / 4



2 / 4



3 / 4



4 / 4



     นอกจากผลงานสองชิ้นนี้และผลงานอื่นๆ ของศิลปินต่างชาติที่ทีมงานคัดสรรมาแล้ว ยังมีผลงานของศิลปินไทยอีกสองคนคืออารยาราษฎร์จำเริญสุข เจ้าของผลงาน Two Planets Series งานวิดีโอที่จัดวางอยู่ในป่า แสดงให้เห็นการปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคน และอุบัติสัตย์ เจ้าของผลงาน Pilgrimage to Eternity ศิลปินชาวไทยที่อุทิศการทำงานให้กับการสร้างเจดีย์ตามขนบผ่านองค์ความรู้ความชำนาญที่สืบทอดมา ผลงานของอุบัติสัตย์เป็นงานศิลปะ ที่แสดงถึงความเคารพต่อพุทธปรัชญาอย่างลึกซึ้ง เล่าเรื่องผ่านงานเจดีย์ทั้งหมดสิบชิ้นที่ช่อนตัวอยู่ในผืนป่าเช่นกัน

     นี่เป็นเพียงตัวอย่างงานศิลปะที่กระจายตัวอยู่ทัวพื้นที่ ผลงานทุกชิ้นที่คัดเลือกมาเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานกับศิลปิน โดยผลงานต่างๆ จะเชื่อมโยงกับธรรมชาติ ศิลปิน ที่ทางอาร์ตฟอเรสต์เชิญเข้ามามีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากเป็นความตั้งใจของมาริษา ที่อยากให้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานกัน โดยจะผลักดันให้ที่นี่เป็นเวทีจัดแสดงงานของศิลปินไทยให้ผู้ชมจากทั่วโลกมาชม พร้อมๆ ไปกับเป็นเวทีให้ศิลปินระดับโลกเข้ามาทำงานในประเทศไทยมากขึ้น "ศิลปินจะเข้ามาดูว่าเรามีทรัพยากรอะไรบ้างเพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ในงานศิลปะ" มาริษาอธิบายเพิ่มถึงการทำงานให้ฟัง "นอกจากนำเสนอผลงานที่เชื่อมโยงกับพื้นที่แล้ว เราจะมองต่อไปว่าผลงานเหล่านั้นจะเชื่อมโยงกับอะไร ที่เป็นมิติของการเยียวยา อันเป็นสิ่งที่เราต้องการจะผลักดันบ้าง"

 

 

1 / 1



     อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ห้ามพลาดคืออาหารกลางวันและอาหารเย็นที่รังสรรค์โดยเชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของการเสพงานศิลป์เช่นกันเรื่องอาหารนี้จะไปเชื่อมต่อกับโครงการ Chef Cares ที่มาริษาก่อตั้งขึ้นด้วย นอกจากนี้เธอยังมีแนวคิดว่าจะเสาะหารวบรวมพันธุ์พืชสมุนไพรพื้นบ้านที่เคยเป็นส่วนผสมสำคัญในอาหารไทยแต่สูญหายไปแล้วมาปลูกและอนุรักษ์ไว้เพื่อนำมาสร้างสรรค์มื้ออาหารของที่นี่ให้มีความพิเศษไม่เหมือนใคร

     ทั้งหมดนี้คือประสบการณ์สุดพิเศษที่คุณจะได้รับความสุขตลอดทั้งวัน โดยทางพื้นที่ต้องการให้ผู้มาเยือนได้เดินเพื่อชมโครงการและสัมผัสประสบการณ์เต็มรูปแบบ อีกทั้งการเดินก็ช่วยให้ได้ละเลียดดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างเต็มอิ่ม ที่นี่ไม่จำกัดระยะเวลาในการเข้าชมเพราะอยากให้ผู้มาเยือนใช้ประโยชน์จากพื้นที่อย่างเต็มที่ เปิดโอกาสให้ตัวเองได้รับการเยียวยาและพลังจากธรรมชาติให้มากที่สุด ก่อนจะกลับไปผจญกับความวุ่นวายในเมืองต่อไป

 

(สามารถอ่านเรื่อง VOGUE MORE | สะท้อนตัวตนความปัจเจกไปกับ ‘หมิว-ณัชชา’ ครั้งแรกบนปกดิจิทัลโว้กกับ PRADA ได้ที่นี่)

1 / 5



2 / 5



3 / 5



4 / 5



5 / 5



WATCH

TAGS : VogueArt
 
Close menu