FASHION
Gucci Horsebit Loafer ผลงานชิ้นโบแดงของ Aldo Gucci สู่รองเท้าคลาสสิกที่ไม่เคยตกยุคเมื่อไม่นานมานี้ James Franco และ Bruno Mars ถูกถ่ายรูปขณะสวมรองเท้า Gucci Horsebit Loafer เช่นกัน เป็นบทพิสูจน์ว่านี่คือรองเท้าที่ร่วมสมัยอย่างแท้จริง |
ในโลกแห่งแฟชั่นที่ทุกอย่างมาไวไปไว คำว่าเทรนด์ไม่เคยหยุดนิ่ง มีไอเท็มจำนวนไม่มากนักที่สามารถครองความนิยม ยืนหยัดอยู่ในกระแสได้อย่างแข็งแกร่ง ผ่านกาลเวลาได้เกินหนึ่งทศวรรษ และก็ยิ่งน้อยลงกว่านั้นอีกหลายเท่าตัว หากขยายกรอบเวลาจาก 10 ปี เป็น 50 ปี ช่วงระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้มีเพียงแฟชั่นไอเท็มเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้นที่ข้ามพ้นยุคสมัยมาได้สำเร็จ หนึ่งในนั้นก็คือรองเท้า Horsebit Loafer สุดคลาสสิกจากแบรนด์ Gucci ที่นับจากวันที่ถือกำเนิดจวบจนปัจจุบันก็เป็นเวลากว่า 70 ปีแล้ว คำถามตัวโตๆ คืออะไรเป็นเหตุผลสำคัญให้ผลงานชิ้นโบแดงของ Aldo Gucci อย่าง Gucci Horsebit Loafer จึงเป็นรองเท้าที่คลาสสิกตลอดกาลและไม่เคยตกยุค บทความนี้จะพาผู้อ่านทุกคนไปร่วมหาคำตอบ
Aldo Gucci / ภาพ: WDR
ต้นกำเนิด Gucci Horsebit Loafer
หลังการเสียชีวิตของ Guccio Gucci ในปี ค.ศ.1953 นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่น้อยสำหรับ Aldo Gucci ผู้เป็นลูกชาย แน่นอนว่าความเศร้าโศกเสียใจจากการสูญเสียพ่อคือสิ่งที่เขาต้องแบกรับ แต่หนึ่งสิ่งที่หนักหน่วงไม่แพ้กันคือการสานต่อตำแหน่งหัวเรือใหญ่แห่งกุชชี่ ซึ่งก่อนที่ Guccio Gucci จะสร้างชื่อแบรนด์กุชชี่ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเขาเป็นเพียงพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรมต่างๆ ในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Savoy Hotel ในลอนดอน ชายหนุ่มหลงใหลในลวดลายและดีไซน์อันหรูหราของแขกผู้มีเกียรติในโรงแรม
ดังนั้นเมื่อเขากลับมาที่อิตาลีในปี 1921 เขาจึงมีความคิดริเริ่มที่จะก่อตั้งแบรนด์กระเป๋าเป็นของตัวเอง โดยใช้แรงบันดาลใจจากสิ่งที่เขาหลงใหลผนวกกับว่าจ้างช่างฝีมือท้องถิ่นเพื่อประดิษฐ์สินค้า อีกทั้งยังเพิ่มความโดดเด่นด้วยการเลือกโทนสีที่ได้รับความนิยมในกีฬาขี่ม้าซึ่งเป็นกีฬาของเหล่าคนรวยในยุคสมัยดังกล่าวอย่างโทนสีเขียว-แดง
รองเท้า Gucci Horsebit Loafer / ภาพ: South China Morning Post
ไอเดียของ Guccio ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สร้างให้กุชชี่กลายเป็นแบรนด์ที่ค่อยๆ ขยายสู่โลกกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุนี้การเข้ามาสานต่อของ Aldo Gucci จากสิ่งที่ผู้เป็นพ่อสร้างมาตรฐานไว้อย่างยอดเยี่ยมจึงเป็นภารกิจที่กดดันไม่น้อย อย่างไรก็ตาม Aldo Gucci ก็ได้แสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองก็มีวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้พ่อของตน เนื่องจากในปีค.ศ.1953 ปีเดียวกับการเสียชีวิตของ Guccio Gucci นับเป็นก้าวสำคัญของกุชชี่ในการปักธงลงบนแผ่นดินอเมริกาด้วยการเปิดสาขาที่ 5th Avenue Manhattan พร้อมกับเปิดตัวรองเท้า 'Gucci Horsebit Loafer' ที่ต่อมาจะกลายเป็นตำนาน
เหตุผลที่ Aldo Gucci เลือกเปิดตัว Gucci Horsebit Loafer พร้อมกับเดินหน้าลุยตลาดในอเมริกาเอาไว้ว่า เนื่องจากชายหนุ่มสังเกตว่าอเมริกันชนมีความขี้เกียจมากกว่าและพิถีพิถันน้อยกว่าชาวยุโรป ดังนั้นพวกเขาน่าจะต้องการรองเท้าโฉบเฉี่ยว สวมใส่สะดวกได้ทุกโอกาส และมีความเป็นทางการน้อยกว่ารองเท้า Loafer แบบดั้งเดิม ซึ่ง Gucci Horsebit Loafer ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าวโดยเป็นรองเท้าไม่มีส้นที่ผสมผสานความสบายของโครงสร้างรองเท้าแบบม็อกคาซินเข้ากับชุดเดรสของพื้นรองเท้าที่เป็นหนังได้อย่างลงตัว ดอกยางแบบอิตาเลี่ยน Toe Box ที่ไม่กลมหรือเหลี่ยมจนเกินไป (ไม่แหลมแน่นอน) ดีไซน์ภายนอกมีความฉูดฉาดเล็กน้อย ด้วยการใช้หนังระดับพรีเมียมที่มีการลงสีอย่างประณีตด้วยความละเอียดระดับไมโคร เผยตัวตนของ Gucci Horsebit Loafer ให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม รวมถึงผสมผสานอิทธิพลจากสแกนดิเนเวีย สหราชอาณาจักร และอเมริกาก่อนอาณานิคม
WATCH
รองเท้า Gucci Horsebit Loafer / ภาพ: SQuareSpace
ความสำเร็จ คลาสสิก และร่วมสมัย
Gucci Horsebit Loafer เริ่มต้นจากการได้รับความนิยมในสไตล์ที่เรียกว่า Ivy League ซึ่งเป็นสไตล์ที่นิยมในหมู่นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้นิยามจำกัดความตายตัว แต่มันคือวัฒนธรรมการแต่งตัวของแวดวงสังคมชั้นสูงที่ถูกสอนกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หลอมรวมเข้ากับการปรับใช้ให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของนักศึกษาในยุคนั้น จึงทำให้สไตล์ Ivy League คือส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความ Formal และ Casual ซึ่งแน่นอนว่า Gucci Horsebit Loafer ตอบสนองสไตล์เช่นนี้ได้ถูกต้องทุกประการ
นอกจากนี้สไตล์ Ivy League โดดเด่นขึ้นมาในช่วงทศวรรษ 60 ก่อนที่ในทศวรรษที่ 80 จะมีอีกหนึ่งสไตล์ที่เรียกว่า Yuppie ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในโลกแห่งแฟชั่น โดย Yuppie หรือที่ย่อมาจาก Young Urban Professional มุ่งเน้นไปถึงความรุ่มรวยของสังคมเมือง หนุ่มสาวที่กระหายในความสำเร็จ และการบูชาโลกวัตถุนิยมและทุนนิยม ตรงกันข้ามกับ Hippie หรือชาวบุปผาชนที่รุ่งเรืองในทศวรรษที่ 70 โดยสิ้นเชิง และชีวิตของหนุ่มสาวผู้ประสบความสำเร็จจะถูกห้อมล้อมไปด้วยสิ่งที่เรียกว่า 4Cs อันได้แก่ Condominium (คอนโด) Computer (คอมพิวเตอร์) Cell Phone (โทรศัพท์เคลื่อนที่) และ Credit Card (บัตรเครดิต)
Francis Ford Coppola สวมใส่ Gucci Horsebit Loafer / ภาพ: GQ
นอกจากนั้นในเรื่องเสื้อผ้า Yuppie ต้องใส่สูทลายทาง (Pinstripe) นาฬิกาโรเล็กซ์ เสื้อโค้ต Burberry และกระเป๋าหนังจากกุชชี่ ส่วนสาว Yuppie ต้องใช้กระเป๋าจาก Coach ชุดจาก Ralph Lauren และนาฬิกายี่ห้อ Cartier รุ่น Tank เรือนบาง เป็นต้น ภาพเหล่านี้คือสิ่งที่ทุกคนน่าจะเคยเห็นผ่านตา อย่างน้อยก็จากภาพยนตร์ดัง 2 เรื่องคือ The Wolf of Wall Street (2013) และ American Psycho (2000) และแน่นอนว่านี่เป็นอีกครั้งที่ Gucci Horsebit Loafer โอบรับการเปลี่ยนผ่านด้านสไตล์ได้อย่างลงตัว เรียกได้ว่าจะผลัดเปลี่ยนกี่ครั้ง Gucci Horsebit Loafer ก็ยังคงอยู่ยง “Gucci Horsebit Loafer ไม่เคยตกยุค เพราะมันไม่ได้จำกัดสไตล์ที่ตายตัว บ่งบอกถึงความสง่างามแบบสบายๆ อีกทั้งยังได้รับการสวมใส่โดยสุภาพบุรุษผู้เป็นแฟชั่นไอคอนแห่งหน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็น Fred Astaire ไปจนถึง Clark Gable และ Alain Delon ดังนั้นถ้าคุณต้องการรองเท้าเอนกประสงค์ ที่ไม่ว่าจะงานทางการหรือวันสบาย ๆ ก็ตอบโจทย์ Gucci Horsebit Loafer คือทางเลือกที่ดีที่สุด” Jeremy Langmead Content Director แห่ง Mr.Porter กล่าว
Gucci Horsebit Loafer จากภาพยนตร์เรื่อง Talented Mr.Ripley / ภาพ: Grailed
นอกจากแฟชั่นไอคอนทั้ง 3 รายชื่อแล้ว Gucci Horsebit Loafer ยังปรากฏให้เห็นในภาพยนตร์มากมายหลายเรื่องเช่น Dustin Hoffman สวมใน Kramer vs. Kramer (1979) จากนั้นมี Matt Dillon ใน Drugstore Cowboy (1989), Matt Damon ใน The Talented Mr. Ripley (1999) และ Shia LaBeouf ใน Wall Street: Money Never Sleeps (2010) อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ James Franco และ Bruno Mars ถูกถ่ายรูปขณะสวมรองเท้า Gucci Horsebit Loafer เช่นกัน เป็นบทพิสูจน์ว่านี่คือรองเท้าที่ร่วมสมัยอย่างแท้จริง
“ความจริงที่ว่ามันไม่เคยตกเทรนด์ทำให้ Gucci Horsebit Loafer เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับตู้รองเท้า และเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด” David Waters บรรณาธิการบริหารของ Rake กล่าว
“มีรองเท้าไม่กี่คู่ที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งในที่ทำงานและชายหาด หนึ่งในนั้นคือ Gucci Horsebit Loafer” Teo van den Broeke ช่างภาพแฟชั่นระดับโลกแสดงความเห็น
เหล่านี้คือเหตุผลของความสำเร็จของ Gucci Horsebit Loafer และนอกจากนี้เหตุผลสำคัญอีกหนึ่งประการที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เด็ดขาดคือเรื่องของ ‘ราคา’ เนื่องด้วยรองเท้ารุ่นนี้ไม่ใช่รองเท้าที่ราคาถูก ในขณะเดียวกันมันก็ไม่ได้แพงจนเกินไป ในขณะที่กุชชี่เป็นแบรนด์ที่ภาพลักษณ์หรูหรา เชื่อถือได้เรื่องคุณภาพ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หากจะหารองเท้าอเนกประสงค์สักคู่ที่สวมใส่ได้หลากหลายโอกาส Gucci Horsebit Loafer จึงเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทุกประการ เช่นนี้แล้ว Gucci Horsebit Loafer ผลงานชิ้นโบแดงของ Aldo Gucci จึงน่าจะยังเป็นรองเท้าที่อยู่คู่กับยุคสมัยและกระแสแห่งแฟชั่นได้ไปอีกยาวนาน
ข้อมูล : Gearpatrol
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH