WELLNESS

ตีแผ่ความเชื่อและวิธีผิดๆ ในการลดความอ้วนที่ควรเลิกทำ

ใครที่ยังลดความอ้วนแบบนี้อยู่ ควรเลิกถ้าไม่อยากกลับมาอ้วนซ้ำ หรือทำลายสุขภาพตัวเอง

     “การลดความอ้วน” หรือ “การลดน้ำหนัก” เป้าหมายที่จะสำเร็จได้ต้องใช้ความตั้งใจ วินัย และความพยายาม แต่การพยายามทำอะไรสักอย่างบนความเชื่อผิดๆ ก็อาจทำให้การลดความอ้วนไม่ได้ผล หรือถ้าหากได้ผลก็ดูเหมือนจะไม่ยั่งยืนเท่าไหร่นัก ซ้ำร้ายอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพด้วย บทความนี้โว้กบิวตี้จึงจะมาตีแผ่ความเชื่อและวิธีผิดๆ ในการลดความอ้วนที่ควรเลิกทำ

 

 

อดอาหารคือทางลัด

     หลายคนมักคิดว่าการ “อดอาหาร” คือทางลัดที่จะทำให้ลดความอ้วนได้เร็ว แต่แท้จริงแล้วการอดอาหารเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายเข้าสู่โหมดปกป้องตัวเอง เพราะร่างกายไม่สามารถรู้ได้ว่านี่คือการ "ลดน้ำหนัก" หรือ "ขาดอาหาร" ดังนั้นมันจะพยายามเก็บไขมันไว้ให้มากที่สุดเพื่อป้องกันตัวเองจากการขาดพลังงาน และเมื่อร่างกายขาดอาหารนานๆ มันจะทำให้ระบบเผาผลาญช้าลง ร่างกายจะสร้างกลไกการเอาตัวรอด ด้วยการเก็บสะสมไขมันมากกว่าเดิมมากขึ้นเพื่อป้องกันการขาดแคลนพลังงานในอนาคต ซึ่งเมื่อไหร่ที่กลับมาทานอาหารตามปกติ น้ำหนักก็จะกลับมาเพิ่มอย่างรวดเร็ว หรือที่เราเรียกกันว่า “โยโย่เอฟเฟกต์”

 

 

กินแต่ผักผลไม้ถึงจะดี

     แม้ว่าผักและผลไม้จะมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเป็นแหล่งของวิตามินและใยอาหาร ทว่าร่างกายยังต้องการสารอาหารอย่างอื่นด้วย ดังนั้นถ้าหากเลือกทานแต่ผักผลไม้ในช่วงลดความอ้วน ก็อาจทำให้ขาดโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันดี ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย ถ้าขาดสารอาหารเหล่านี้ไปจะส่งผลทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง และทำให้การลดน้ำหนักไม่ยั่งยืนด้วย ทางที่ดีควรเลือกทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อให้ร่างกายมีสารอาหารและพลังงานเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิต

 



 

งดแป้ง งดคาร์บฯ ไปเลย

     หลายคนลดความอ้วนด้วยการงดแป้ง น้ำตาล และคาร์โบไฮเดรต เพราะเชื่อว่าการลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตจะช่วยให้ลดความอ้วนได้เห็นไว แต่ความจริงแล้ว “คาร์โบไฮเดรต” เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย การงดไปเลยจะทำให้ร่างกายขาดพลังงาน อ่อนเพลีย และระบบเผาผลาญทำงานผิดปกติ ไม่เพียงเท่านั้น ยังอาจทำให้เกิดโยโย่เอฟเฟกต์ น้ำหนักขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เพราะร่างกายปรับตัวไม่ทัน ซึ่งวิธีที่ดีกว่าคือการเลือกกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท ควบคู่กับการควบคุมปริมาณ หรือนับแคลอรี่ วิธีนี้จะช่วยให้ลดความอ้วนได้ยั่งยืนกว่า

 

 

น้ำหนักลด = ไขมันลด

     น้ำหนักลดเท่ากับไขมันลดนั้นไม่จริงเสมอไป หลายคนดีใจที่เห็นตัวเลขบนตาชั่งลดลง แต่ในความเป็นจริงที่น้ำหนักตัวลดลงอาจเกิดจากการสูญเสียน้ำ กล้ามเนื้อ หรือไขมันก็ได้ ดังนั้น การวัดสัดส่วนจึงสำคัญกว่าการชั่งน้ำหนัก การจะแน่ใจจริงๆ ว่าไขมันลดสามารถเช็กได้จากวัดสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นวัดรอบเอว สะโพก และต้นขา ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ดีกว่า เห็นการเปลี่ยนแปลงของร่างกายจะสะท้อนถึงปริมาณไขมันในร่างกายที่ลดลงได้ชัดเจนกว่า นอกจากนี้การลดไขมันไม่ใช่แค่การลดน้ำหนักหรือลดความอ้วน แต่ไขมันส่วนเกินยังเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน และโรคอ้วน การตั้งใจลดไขมันไม่เพียงเพื่อให้ได้รูปร่างเท่านั้น แต่ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย

 

     ลดความอ้วนให้ยั่งยืนแค่ความพยายามอย่างเดียวอาจยังไม่ได้ผล แต่ยังต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย เพราะการทุ่มเทลดบนความเชื่อผิดๆ ที่ทำลายสุขภาพ การลดความอ้วนที่ยั่งยืนจะต้องไม่ได้แค่ทำให้ผอม แต่ยังต้องทำให้ร่างกายแข็งแรง และสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน

 

WATCH

 
Close menu