WELLNESS

ว่าด้วยเรื่องระบบขับถ่าย...ทำไมคนเราควรดีท็อกซ์ลำไส้

การดีท็อกซ์ลำไส้เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ไปจนถึงลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง

     ลำไส้เป็นอวัยวะที่สำคัญมากในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปลำไส้อาจสะสมสารพิษและของเสียไว้มาก ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ เช่น ท้องผูก ท้องอืด และอาหารไม่ย่อย ทว่าโชคยังดีที่ “การดีท็อกซ์ลำไส้” เป็นวิธีที่จะช่วยทำความสะอาดและฟื้นฟูลำไส้ให้กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกครั้ง รวมถึงยังช่วยขจัดสารพิษตกค้างอีกด้วย ซึ่งการดีท็อกซ์ลำไส้ต้องทำอย่างไรบ้าง และทำแล้วมันดีอย่างไร? บทความนี้โว้กบิวตี้จะมาเล่าให้ฟัง

 

 

ทำไมควรดีท็อกซ์ลำไส้?

     เหตุผลที่คนเราควรดีท็อกซ์ลำไส้บ้างก็เพราะมันช่วยปรับปรุงการทำงานของอวัยวะหลายอย่าง และต่อไปนี้คือประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับจากการดีท็อกซ์ลำไส้

  • ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร: การดีท็อกซ์ลำไส้จะช่วยขจัดสารพิษและของเสียออกจากลำไส้ ซึ่งช่วยให้อาหารเคลื่อนผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น 
  • ลดอาการท้องผูก: การดีท็อกซ์ลำไส้ช่วยเพิ่มปริมาณกากใยในอุจจาระ ซึ่งช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น
  • ลดการอักเสบในลำไส้: การดีท็อกซ์ลำไส้ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของอาการปวดท้อง ท้องอืด และท้องเสีย
  • เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร: การดีท็อกซ์ลำไส้ช่วยขจัดสารพิษและของเสียออกจากผนังลำไส้ ซึ่งช่วยให้ลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น
  • เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: การดีท็อกซ์ลำไส้ช่วยขจัดสารพิษและของเสียออกจากลำไส้ ซึ่งเป็นการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเรื้อรัง: การดีท็อกซ์จะช่วยลดการอักเสบในลำไส้ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ และโรคหัวใจ
  • ปรับปรุงผิวพรรณให้ดีขึ้น: การดีท็อกซ์ลำไส้ยังช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ โดยแบคทีเรียที่ดีต่อสุขภาพในลำไส้จะช่วยผลิตวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพผิว เช่น วิตามินบีและไบโอติน ซึ่งจะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและมีสุขภาพดี

 

 

ดีท็อกซ์ลำไส้ vs ล้างล้ำไส้

    ก่อนจะไปรู้ถึงวิธีในการดีท็อกซ์ลำไส้ มีสิ่งหนึ่งที่ควรทำความเข้าใจก่อนว่า “การดีท็อกซ์ลำไส้” และ “การล้างลำไส้” มีความแตกต่างกัน โดยการดีท็อกซ์ลำไส้เป็นกระบวนการที่ช่วยขจัดของเสียและสารพิษออกจากลำไส้ มักทำโดยการรับประทานอาหารเฉพาะ เช่น ผัก ผลไม้ หรืออาหารที่มีแบคทีเรียดี เพื่อช่วยปรับปรุงการย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืด และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ในขณะที่การล้างลำไส้จะเป็นการใช้สารละลายของเหลวเพื่อชำระล้างลำไส้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการโดยแพทย์

 



WATCH



 

วิธีดีท็อกซ์ลำไส้

     มีหลายวิธีในการดีท็อกซ์ลำไส้ด้วยตัวเอง โดยต่อไปนี้คือวิธีดีท็อกซ์ยอดนิยมที่ทำแล้วส่วนใหญ่เห็นผลในทางที่ดีขึ้น ได้แก่

  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง: ได้แก่ ผัก ผลไม้ ธัญพืช และถั่ว ซึ่งเป็นแหล่งกากใยที่ดี ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ ทำให้อุจจาระนิ่มและขับถ่ายง่ายขึ้น 
  • ดื่มน้ำปริมาณมากๆ: อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน ซึ่งน้ำจะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดี ของเสียเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น และป้องกันการท้องผูก 
  • รับประทานอาหารหมัก: เช่น โยเกิร์ต กิมจิ ผักดอง และอาหารหมักอื่นๆ เพราะมีโปรไบโอติก ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดดีที่ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้
  • รับประทานอาหารที่มีพรีไบโอติกส์: พรีไบโอติกส์เป็นอาหารที่แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ใช้เป็นอาหาร แหล่งพรีไบโอติกส์ที่ดี ได้แก่ กล้วยหอม ข้าวโอ๊ต กระเทียม หัวหอม และหน่อไม้ฝรั่ง

Editor’s Tips: ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและน้ำตาล เพราะมันจะไปทำลายสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพลำไส้ได้

 

     การดีท็อกซ์ลำไส้เป็นอีกสิ่งที่ทุกคนควรทำหากอยากมีสุขภาพโดยรวมที่ดีขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ตามวิธีการที่กล่าวไว้ข้างต้น ทั้งนี้ยังมีสิ่งที่ควรทำควบคู่กันกับการดีท็อกซ์ลำไส้ไปด้วย คือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายมีส่วนช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้และช่วยให้ของเสียเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ความเครียดสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพลำไส้ได้ ฉะนั้นจึงควรจัดการกับความเครียด ไม่ว่าจะด้วยการเล่นโยคะ ฝึกทำสมาธิ หรือทำกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

 

WATCH

TAGS : ColonDetox