TREATMENTS

10 คำแนะนำควรทำหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อช่วยให้ริมฝีปากฟื้นตัวและเข้ารูปเร็วขึ้น

เผยวิธีดูแลริมฝีปากหลังฉีดฟิลเลอร์ที่จะช่วยให้ปากเข้ารูปและฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว

     การฉีดฟิลเลอร์ปาก เป็นวิธีปรับโครงสร้างริมฝีปากให้ได้ทรงสวยและดูอวบอิ่ม ซึ่งก็จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจทันที แต่ก็มีผลอยู่ได้เพียงชั่วคราว (โดยเฉลี่ยจะอยู่ได้ประมาณ 5–6 เดือน) นั่นจึงทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นทางเลือกที่กำลังนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในหมู่สาวสายฝอ และแม้ว่าการฉีดฟิลเลอร์ปากจะใช้เวลาพักฟื้นในระยะเวลาอันสั้น แต่หลังฉีดก็ควรได้รับการดูแลเพื่อการฟื้นฟูที่เหมาะสม ซึ่งวันนี้โว้กบิวตี้ก็มีเคล็ดลับวิธีดูแลปากหลังฉีดฟิลเลอร์มาฝากกัน เพื่อให้เราได้เผยริมฝีปากที่เรียบเนียนและเข้ารูปสวยได้อย่างรวดเร็วทันใจ

 

 

1. ประคบเย็น: เพื่อเป็นการลดอาการบวมและฟกช้ำ รวมถึงเร่งกระบวนการฟื้นตัว แพทย์ศัลยกรรมมักจะแนะนำให้ทำการประคบเย็นที่ริมฝีปาก โดยทำเป็นระยะๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ 

 

2. เลี่ยงการอาบน้ำอุ่น: ช่วงแรกยังควรหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นไปก่อน รวมถึงเลี่ยงการใช้ห้องอบไอน้ำหรือซาวน่า จะกลับมาอาบน้ำอุ่นได้ปกติก็ต่อเมื่อฉีดฟิลเลอร์ผ่านไปแล้ว 2-3 วัน 

 

3. อย่าขยับริมฝีปากมากเกินไป: หลังจากฉีดฟิลเลอร์ ริมฝีปากมักจะบวมกว่าที่ควรจะเป็น ระหว่างที่รอให้ปากเข้ารูปเข้าทรง ควรหลีกเลี่ยงการแตะ จับ หรือขยับปากมากจนเกินไป 

 

4. หนุนหมอนสูง: หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรนอนบนหมอนสูง เพราะจะช่วยลดอาการบวมได้ โดยแนะนำให้เสริมหมอนให้สูงขึ้นในช่วง 2-3 วันแรกหลังการฉีด

 

 

5. รักษาริมฝีปากให้ชุ่มชื้น: ริมฝีปากจะดีขึ้นเร็วหากได้รับความชุ่มชื้น แนะนำให้ใช้ลิปบาล์ม เช่น Aquaphor หรือ วาสลีน ในปริมาณที่พอเหมาะทาเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก

 

6. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: แอลกอฮอล์จะเป็นตัวกระตุ้นที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัว จึงก่อให้เกิดรอยช้ำ อาการบวมแดงและอักเสบได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งคืนก่อนฉีดฟิลเลอร์และหลังฉีดไปอีกอย่างน้อย 3 วัน หรือจนกว่าปากจะฟื้นฟูตัวเองได้เต็มที่แล้ว

 

7. หยุดออกกำลังกายไปก่อน: ใน 2-3 วันแรกหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก แนะนำว่าอย่าเพิ่งออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมหนักๆ เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบและบวมแดงได้ยิ่งกว่าเดิม

 

8. หลีกเลี่ยงอาหารรสเค็ม: ภายใน 24 ชม. หรือ 1 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการบริโภคเกลือหรืออาหารที่มีความเค็มมากเกินไป เพราะจะนำไปสู่การกักเก็บน้ำที่จะทำให้ริมฝีปากมีอาการบวมมากขึ้น

 

9. รับประทานผักใบเขียว: การรับประทานผักใบเขียวสีเข้มที่มีวิตามินเค เช่น คะน้า บรอกโคลี ผักโขม เป็นต้น มีคุณสมบัติช่วยลดการเกิดรอยฟกช้ำได้ตามธรรมชาติ จึงเป็นอาหารที่ควรทานอย่างยิ่งเพื่อฟื้นฟูปากหลังฉีดฟิลเลอร์

 

10. หยุดใช้ยาที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ: เพื่อลดรอยช้ำและบวมที่จะเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ ควรหยุดยาต้านการอักเสบ (ที่ไม่ใช่สเตียรอยด์) ทั้งหมดเพราะจะทำให้เลือดออกมากขึ้น รวมถึงหยุดยาละลายลิ่มเลือด แอสไพริน และผลิตภัณฑ์กลุ่มไอบูโพรเฟนทั้งหมด เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ก่อนวันฉีด 

 



WATCH



     โดยปกติแล้วหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อาการบวมจะดีขึ้นและหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่ก็มีบางรายที่ใช้เวลานานเป็นสัปดาห์ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรน่ากังวล นอกจากนี้ยังมีข้อแนะนำเพิ่มเติมว่าสำหรับใครที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อโอกาสสำคัญต่างๆ ก็ควรฉีดก่อนถึงวันจริง อย่างน้อย 2 สัปดาห์ ประกอบกับฉีดมาแล้วให้ทำตามคำแนะนำข้างต้น เพื่อให้ริมฝีปากเข้าทรงสวยและฟื้นตัวได้รวดเร็วมากที่สุด

 

ข้อมูล : Newbeauty, Clevelandclinic

WATCH

TAGS : Filler