HAIR

สัญญาณที่บอกว่าคุณกำลังแพ้แชมพู!

อย่าละเลยสัญญาณเตือนเหล่านี้ เพราะอาการแพ้แชมพูอาจนำไปสู่ปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะที่รุนแรงและแก้ไขได้ยากขึ้น

เคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม? สระผมแล้วรู้สึกแสบหัว คันยุบยิบ หรือบางทีก็มีผื่นขึ้นตามตัว ถ้าคำตอบคือ “เคย” นั่นอาจเป็นสัญญาณของอาการ "แพ้แชมพู" อยู่ก็ได้ ซึ่งหลายคนมองข้ามอาการเหล่านี้ไป เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในความเป็นจริงแล้วหากปล่อยเอาไว้นาน ปัญหาอาจบานปลาย มันอาจทำให้หนังศีรษะอ่อนแอและเกิดปัญหาที่แย่กว่าเดิมตามมาได้ ในบทความนี้โว้กบิวตี้จะชวนมาเช็กไปพร้อมกันว่ากำลังเผชิญกับปัญหาแพ้แชมพูกันอยู่หรือเปล่าและจะมีวิธีรับมือได้อย่างไร

อาการแพ้แชมพูเป็นอย่างไร?

อาการแพ้แชมพูเกิดจากปฏิกิริยาของหนังศีรษะและผิวหนังที่มีต่อสารเคมีบางชนิดในแชมพู เช่น น้ำหอม สารกันเสีย หรือสารทำความสะอาด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่เป็นได้ตั้งแต่แพ้เล็กน้อย ไปจนถึงแพ้รุนแรง 

1.หนังศีรษะแสบ คัน หรือเป็นผื่นแดง

ถ้ารู้สึกคันหัวตลอดเวลา หรือมีอาการแสบยิบๆ หลังสระผม นั่นอาจเป็นสัญญานว่าหนังศีรษะไม่ถูกกับสารเคมีบางชนิดในแชมพู อาจเป็นน้ำหอม ซัลเฟต หรือพาราเบน เป็นต้น

2.หนังศีรษะแห้ง ลอก เป็นขุย

ปัญหารังแคไม่ได้เกิดจากความมัน สิ่งสกปรก หรือเชื้อราเสมอไป เพราะถ้าหนังศีรษะแห้งจนลอกออกมาเป็นแผ่นๆ นั่นอาจเป็นเพราะผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นผลมาจากการแพ้แชมพูนั่นเอง

3.มีผื่นหรือสิวขึ้น

แชมพูบางชนิดทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิวอักเสบ ผื่นแดงขึ้นตามแนวไรผม ใบหู หรือบริเวณลำคอ

4.ผมร่วงมากผิดปกติ

ถ้าผมร่วงเยอะขึ้นหลังใช้แชมพู อาจเป็นเพราะส่วนผสมบางตัวในแชมพูที่ทำให้หนังศีรษะอ่อนแอ และเมื่ออาการแพ้สะสม รูขุมขนที่ไม่แข็งแรงก็จะทำให้ผมร่วงมากเกินปกติ

5.หนังศีรษะร้อนผ่าวหรือบวม

หากรู้สึกว่าผิวของหนังศีรษะร้อนผ่าว มีอาการตึงและบวม นั่นอาจเป็นอีกสัญญาณที่เตือนว่าร่างกายกำลังต่อต้านกับสารเคมีบางชนิดในแชมพู



เมื่อแพ้แชมพูควรทำอย่างไรดี?

เมื่อไหร่หากพบว่าแชมพูที่ใช้ทำให้เกิดอาการข้างต้น ควรสันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจแพ้แชมพู ทางที่ดีอย่างปล่อยให้ลุกลามบานปลาย แนะนำให้รับมือและแก้ไขด้วยแนวทางต่อไปนี้

  1. ควรหยุดใช้แชมพูนั้นทันที และล้างผมให้สะอาดด้วยน้ำอุ่นเพื่อลดสารเคมีตกค้าง
  2. แต่ถ้าหากมีอาการคันหรือแสบมากๆ ให้ล้างผมด้วยน้ำเกลือ (Normal Saline) ซึ่งจะทำความสะอาดหนังศีรษะอย่างอ่อนโยนและช่วยลดอาการระคายเคือง
  3. หลังจากนั้นเลือกใช้แชมพูสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีซัลเฟต ไม่มีน้ำหอม และพาราเบน หรือเลือกใช้แชมพูสำหรับผิวแพ้ง่าย หรือแชมพูเด็กซึ่งส่วนใหญ่จะมีค่า pH เป็นกลางและมีความอ่อนโยน
  4. ระหว่างนี้ควรหยุดใช้ครีมนวดผมหรือผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมไปก่อนหรือจนกว่าหนังศีรษะจะกลับมาเป็นปกติเพื่อไม่ให้สารเคมีไปซ้ำเติมอาการแพ้ให้หายช้า
  5. กรณีที่มีอาการบวมแดงหรือร้อนผ่าวให้ทำการประคบเย็นเพื่อบรรเทา โดยใช้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือเจลประคบเย็นวางไว้ที่จุดที่เกิดอาการระคายเคือง

ควรรีบพบแพทย์หากอาการแพ้เกิดลุกลาม เช่น ผื่นแดงทั่วศีรษะ ผมร่วงหนัก หรือคันมาก ทำให้เกาจนเป็นแผล

แนวทางการป้องกันไม่ให้แพ้แชมพูซ้ำ

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แพ้แชมพูซ้ำรอย ต่อไปควรให้ความสำคัญกับการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์และดูแลหนังศีรษะให้ถูกต้อง โดยแนะนำให้ทำตามแนวทางป้องกันดังต่อไปนี้ 

1.ควรอ่านฉลากส่วนผสมก่อนซื้อ

หลีกเลี่ยงสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น ซัลเฟต (SLS, SLES), พาราเบน, น้ำหอม และแอลกอฮอล์ หากเคยมีประวัติแพ้ส่วนผสมใดมาก่อน ควรเลือกแชมพูสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีสารดังกล่าว หรือเลือกแชมพูที่ออกแบบมาเพื่อผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

2.เลี่ยงการใช้แชมพูขวดเดิมติดต่อกันเป็นเวลานาน

เพราะหนังศีรษะอาจเกิดอาการแพ้สะสมได้ แนะนำให้เปลี่ยนสูตรแชมพูบ้างเป็นระยะ และเลือกแชมพูที่ตอบโจทย์สภาพเส้นผมและหนังศีรษะในช่วงเวลานั้น

3.ดูแลหนังศีรษะให้แข็งแรง

ตั้งแต่ล้างผมให้สะอาดเพื่อป้องกันสารเคมีตกค้าง และถ้าเป็นไปได้ควรเลี่ยงการทำเคมี เช่น ยืด ย้อม หรือฟอกผม แต่ถ้าหากอยากทำจริงๆ ก็ควรให้มืออาชีพดูแลและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบำรุงเพื่อปกป้องหนังศีรษะ

ภาพ : Design by Freepik , Design by Pexel

WATCH

 
Close menu