BODY

เจาะลึกระดับโน้ตน้ำหอมทั้ง 3 ระดับ ว่าแตกต่างกันอย่างไร

โน้ตของน้ำหอมมีความแตกต่างกันอย่างไร กลิ่นไหนมาก่อนหรือหลัง แล้วกลิ่นไหนนิยมใช้มากที่สุด

     น้ำหอมเป็นหนึ่งในไอเท็มที่ไม่ว่าจะเพศไหน อายุเท่าไหร่ก็ต้องมีติดบ้านไว้อย่างน้อยหนึ่งขวด เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลุคของเรา ที่สำคัญยังช่วยเผยตัวตนให้คาแร็กเตอร์ของเราชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งน้ำหอมสามารถแบ่งได้เป็นหลายกลิ่นหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นฟลอรัล, ฟรุตตี้, อควาติก, สไปซี่, โอเรียนทัล หรือวู้ดดี้ แต่ละกลิ่นจะให้ความติดทนและเสน่ห์แตกต่างกันไป แล้วแต่ความชอบส่วนตัวของเรา โว้กบิวตี้พามาทำความรู้จักกับโน้ตน้ำหอมทั้ง 3 ระดับที่จะทำให้การเลือกตัดสินใจซื้อน้ำหอมสุดโปรดสักขวดเป็นเรื่องง่ายขึ้น

 

 

Top Notes

     Top Notes คือกลิ่น Opening notes หรือกลิ่นเปิดตัวกลิ่นแรกที่เราสามารถสัมผัสได้ทันทีและค่อยๆ จางไปภายใน 15-20 นาทีแรกเท่านั้นและกลิ่นจะเริ่มจางหายไป จะเป็นกลิ่นที่เบาที่สุดในบรรดาโน้ตทั้ง 3 ตัว แต่ถึงแม้จะเป็นกลิ่นที่เบาที่สุดแต่เป็นกลิ่นที่จะช่วยสร้างความหลงใหลและนำพาเราไปสู่โน้ตตัวถัดไป ท็อปโน้ตมักทำจากสารประกอบโมเลกุลเล็กที่ระเหยได้ ง่ายให้ลักษณะกลิ่นโดดเด่นมากที่สุด ซึ่งกลิ่นนี้จะเป็นกลิ่นที่ทำให้เรารู้สึกชอบหรือไม่ชอบน้ำหอมชิ้นนั้นนั่นเอง โดยส่วนมากจะนิยมใช้กลิ่นผลไม้ตระกูลซิตรัส เช่น Lemon, Orange Zest, Bergamot), ผลไม้รสชาติเปรี้ยวหวาน เช่น Grapefruit และ Berries และสมุนไพรต่างๆ เช่น Clary sage, Lavender และ Basil เป็นต้น

 



WATCH



Rose Gold Intense Eau De Parfum จาก TIFFANY & CO. (ราคา 5,770 บาท / ขนาด 50 ml)

 

Middle Notes / Heart Notes

     Middle Note หรือเรียกอีกอย่างว่า Heart Note เป็นกลิ่นหัวใจหลักของน้ำหอมที่จะเข้ามาแทนกลิ่นที่จางไปของ Top Note ทำให้กลิ่นของน้ำหอมมีความติดทนมากขึ้น เมื่อ Middle notes จะเริ่มปรากฏขึ้นก่อนที่ Top notes จะค่อยๆ จางหายไป และเป็นกลิ่นนำเพื่อขยายกลิ่น Base notes ซึ่งเป็นโน้ตตัวสุดท้ายให้เด่นชัดขึ้น โดยโน้ตกลิ่นนี้จะติดทนประมาณ 3-6 ชั่วโมงแล้วแต่ประเภทของน้ำหอม โดยกลิ่นของ Middle Note นั้นส่วนมากจะเป็นกลิ่นจำพวกตระกูลฟลอรัล เช่น Geranium, Rose, Lemongrass, Ylang Ylang, Cinnamon, Lavender, Coriander, Nutmeg, Neroli และ Jasmine

 

Libre L'Absolu Platine Eau De Parfum จาก Yves Saint Laurent (ราคา 6,300 บาท / ขนาด 50 ml)

 

Base Notes

    Base Notes เป็นโน้ตตัวสุดท้ายที่จะเริ่มปรากฏขึ้นมาเมื่อ Middle notes เริ่มจางหายไปจนหมด ในชั้นของ Base notes เพียงอย่างเดียวประกอบด้วยกลิ่นหอมราวๆ 10-25% ของกลิ่นหอมชั้นสุดท้าย นอกจากนี้ยังมีหน้าที่สอดประสานกลิ่นระหว่างของชั้นโน้ตตัวเองและ Middle notes เพื่อเพิ่มความซับซ้อนของกลิ่นน้ำหอม โดยจะติดทนนานที่สุดราวๆ 6 ชั่วโมงหรือมากกว่า แล้วแต่ประเภทของน้ำหอม โดยกลิ่นที่มักจะถูกเลือกใช้ใน Base notes ได้แก่ Cedarwood, Sandalwood, Vanilla, Amber, Patchouli, Oakmoss และ Musk, Vanilla และ Vetiver เป็นต้น

 

Omnia Crystalline Eau De Toilette จาก BVLGARI (ราคา 4,500 บาท / ขนาด 50 ml)

ภาพ : Courtesy of brands

WATCH