Vogue Beauty Thailand

WELLNESS

5 วิธีแก้อาการเจ็ทแลคให้หายไว

เดินทางข้ามไทม์โซนไม่ทรมานอีกต่อไป! ด้วยเคล็ดลับง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยปรับนาฬิกาชีวิตให้กลับมาเป็นปกติ หายจากอาการเจ็ทแลคได้ไวขึ้น

โดย Waraporn Hongvarangkool
03 กรกฎาคม 2568

     อาการเจ็ทแลค (Jet lag) มักเกิดขึ้นจากการเดินทางข้ามเขตเวลาอย่างรวดเร็ว และทันทีที่เครื่องบินแตะพื้นรันเวย์ ร่างกายของเรายังสับสนกับเขตเวลาใหม่ นาฬิกาชีวิตเกิดการรวน จนส่งผลทำให้รู้สึกเพลีย ช่วงเวลาที่ควรจะหลับก็ไม่หลับ ช่วงเวลาที่ควรจะตื่นก็ไม่ตื่น แต่เชื่อเถอะว่าอาการเจ็ทแลคจะหายไปได้ไว ถ้ารู้วิธีที่ช่วยให้ร่างกายสามารถปรับและรีเซ็ตตัวเองอย่างถูกจังหวะ ซึ่งต้องทำอย่างไร โว้กบิวตี้มีวิธีแก้เจ็ทแลคมาฝากกันในบทความนี้

 

Article

1. ปรับตัวให้เข้ากับไทม์โซนใหม่ให้เร็วที่สุด

     ทันทีที่เดินทางมาถึงปลายทาง ควรรีเซ็ตทุกอย่างให้สอดคล้องกับไทม์โซนใหม่โดยเร็วที่สุด ซึ่งโดยปกตินาฬิกาบนมือถือก็มักจะอัปเดตเวลาอัตโนมัติอยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นสมาร์ตวอทช์หรือนาฬิกาข้อมือที่ต้องตั้งเวลาเอง ตรงนี้ก็ปรับให้ตรงกับเขตเวลาใหม่ตั้งแต่ตอนอยู่บนเครื่องบินเลยก็ได้

     สิ่งสำคัญคืออย่าปล่อยให้ร่างกายยังยึดติดกับตารางนอนหรือตารางมื้ออาหารตามเวลาประเทศเดิม เพราะจะยิ่งทำให้การปรับตัวได้ช้า ควรกินอาหารและเข้านอนตามเวลาในประเทศปลายทางทันที โดยเฉพาะถ้าโซนเวลาที่ต่างกันเกิน 3 ชั่วโมง เคล็ดลับนี้จะช่วยให้ร่างกายรีเซ็ตจังหวะชีวิตได้ง่ายขึ้น

2. จัดการเวลานอนให้เหมาะกับไทม์โซนใหม่

     พยายามนอนหลับให้ตรงกับเวลาที่ควรนอนตามไทม์โซนใหม่ ถ้าไฟลต์บินอยู่ในช่วงกลางคืนตามเวลาของปลายทาง ลองนอนหลับพักผ่อนบนเครื่องให้ได้มากที่สุด เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัวได้ไวขึ้น และเมื่อเดินทางถึงปลายทางแล้ว หากเป็นช่วงเวลากลางวัน ควรเลี่ยงการงีบหลับ เพราะจะทำให้เข้านอนตามเวลาจริงได้ยากขึ้น แต่ถ้ารู้สึกเพลียมากจริงๆ ควรงีบสั้นๆ ไม่เกิน 15–20 นาที เพื่อให้ร่างกายสามารถปรับตัวได้ตามเวลาที่ถูกต้อง

 

3. แบ่งกินมื้อเล็กๆ ก่อน

     การแบ่งมื้ออาหารให้เล็กลงจะช่วยลดอาการแน่นท้อง ซึ่งมักเป็นหนึ่งในอาการที่พ่วงมากับอาการเจ็ทแลค และการกินอาหารในปริมาณที่พอดี จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนัก และร่างกายปรับตัวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้การเดินทางไกลยังอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ จึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอด้วย ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลียได้ระดับหนึ่ง

 

4. ออกไปรับแสงเพื่อปลุกร่างกายให้ตื่นตัว

     เวลาเดินทางข้ามโซนเวลา ร่างกายจะสับสนเพราะรับแสงไม่ตรงกับที่เคยชิน แสงธรรมชาติจึงสำคัญมาก เพราะมันช่วยปลุกให้ร่างกายตื่นตัว และลดการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินที่ทำให้เราง่วงได้ เคล็ดลับคือเลือกออกไปเจอแสงแดดให้ตรงเวลา เช่น บินจากกรุงเทพฯ ไปลอนดอน (เวลาที่ลอนดอนช้ากว่าไทย 6–7 ชั่วโมง) พอถึงลอนดอนตอนเช้า ร่างกายเราจะรู้สึกเหมือนยังดึกอยู่ ถ้าเผลอหลับไปก็จะทำให้ร่างกายไม่ยอมปรับตัวตาม

     วิธีช่วยคือควรออกไปรับแสงแดดกลางวันทันที เพื่อบอกสมองว่าต้องตื่นแล้ว และพยายามอยู่ให้ถึงเวลานอนจริงๆ ของปลายทาง จะช่วยปรับนาฬิกาชีวิตได้ไวขึ้น

 

5. ดื่มคาเฟอีนอย่างพอประมาณ

     อาการเจ็ทแลคทำให้ร่างกายง่วงหรือเพลียผิดเวลา คาเฟอีนจากเครื่องดื่ม เช่น กาแฟหรือชา จะกระตุ้นระบบประสาทให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นในช่วงเวลาที่ต้องตื่นตามโซนเวลาใหม่ ช่วยให้ไม่เผลองีบผิดเวลา เพราะการเผลอหลับตอนกลางวันของโซนใหม่ จะทำให้นอนไม่หลับตอนกลางคืน และวงจรเจ็ทแลคจะยิ่งยาวขึ้น

     อย่างไรก็ตาม ควรดื่มคาเฟอีนแค่เพียงพอประมาณ ควรงดหรือดื่มให้น้อยลงในช่วงเวลาบ่ายถึงเย็น เพราะหากร่างกายรับคาเฟอีนมากเกินไป คาเฟอีนที่ค้างอยู่ พ่วงกับอาการเจ็ทแลค ก็อาจยิ่งทำให้หลับยากกว่าเดิมได้

 

ข้อมูล : Healthline
TAGS : Jet Lag, Travel