เจาะลึกเรื่องราวของ “บู้ Slur” ผู้หลงใหลในเรื่องนาฬิกาวินเทจจนกรุยทางสู่การเป็นนักสะสม

THE VINTAGE ADMIRER

นาฬิกาวินเทจสำหรับ “บู้-ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์” คือสมบัติสะสมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหล ซึ่งทุกชิ้นแฝงไว้ด้วยเรื่องราวความประทับใจและบ่งบอกรสนิยมตัวตนของเขาอย่างชัดเจน

บู้–ธนันต์ บุญญธนาภิวัฒน์ หรือ บู้ Slur ศิลปินและเจ้าของแบรนด์ Rompboy

คุณบู้เล่าว่า “ผมเริ่มสนใจนาฬิกามาตั้งแต่สมัยเรียนชั้นประถมแล้วก็ใส่ติดข้อมือไปเรื่อย แต่ไม่ได้มีอะไรพิเศษเป็นชิ้นเป็นอัน จนกระทั่งมาเจอพี่รุ่ง (รุ่งโรจน์ อุปถัมภ์โพธิวัฒน์-ผู้ก่อตั้งค่าย Smallroom) ที่ชักชวนอย่างจริงจัง” ณ จุดนั้นคุณบู้บอกว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ ไม่ได้ออกสตาร์ตด้วยความหวือหวา แต่เป็นด้วยสไตล์และความชื่นชอบ นาฬิกา Seiko ยุค 1970 รุ่น Bullhead เจ้าของฉายา “มดแดง-มดดำ” คือนาฬิกาตัวเริ่มต้นของสายวินเทจที่เปิดประตูบานแรกในการสะสมอย่างเอาจริงเอาจัง      

“เมื่อเริ่มเห็นความสวยงามก็เริ่มตั้งคำถามและอยากเรียนรู้ เชื่อว่าประตูใหญ่บานแรกของผมและคนเล่นนาฬิกาวินเทจทุกคนคงหนีไม่พ้น Rolex” คุณบู้เริ่มเล่าถึงประสบการณ์ช่วงต้นๆ ของเขาที่มีภาพจำไม่ต่างกับคนอื่นคือ “โรเล็กซ์คือนาฬิกาคนแก่”

แต่พอศึกษาไปสักพักก็พบว่าเสน่ห์ของนาฬิการุ่นเก่าๆ นั้นเข้าถึงจิตวิญญาณและตอบสนองตัวเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ และนาฬิกาโรเล็กซ์รุ่น Submariner จากยุค 1970 ก็คือสมบัติล้ำค่าที่สอดคล้องกับความสนใจแฟชั่นวินเทจของเขาอย่างพอดิบพอดี “เราควรเริ่มลงทุนกับนาฬิกาได้แล้วว่ะ” คือคำพูดที่เขาบอกกับตัวเอง ซึ่งเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นในการเป็นนักสะสมเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว จากนั้นโรเล็กซ์รุ่น Submariner Ref.1680 ก็ได้เข้ามาอยู่ในคลังสมบัติของเขา และเป็นนาฬิกาวินเทจเรือนแรกที่เขาสะสม ความรู้สึกประทับใจในตอนนั้นทำให้ศิลปินหนุ่มถึงกับพูดว่า “นาฬิกาเก่ามันสวยอย่างนี้เลยเหรอ”

และแน่นอนว่าสำหรับ นักสะสมนาฬิกา คำว่า “ตัวจบ” ไม่มีอยู่จริง แม้จะพูดบรรยายสรรพคุณความงดงามของพรายน้ำ และรายละเอียดตัวเรือนอย่างเร้าใจ หรือพร่ำย้ำถึงความเป็นนาฬิกาอมตะเหนือกาลเวลาสักเพียงใด แต่เมื่อเวลาผ่านไปเดือนเป็นปี ความสนใจและข้อมูลที่พรั่งพรูเข้ามาก็ทำให้คุณบู้หลงใหลกลับไปในวังวนของโลกนาฬิกาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกับที่วิถีแฟชั่นมุ่งทิศทางไปสู่เทรนด์สไตล์ทหาร เรื่องราวของนาฬิกาผจญภัยก็เข้ามาในสารบบความคิด ซึ่งนำไปสู่ความสนใจนาฬิกาจากแบรนด์โปรด โรเล็กซ์รุ่น Explorer Ref. 1016 ที่คุณบู้คิดว่าจะเป็นตัวจบแบบปิดประตูลงกลอน และก็เช่นกันที่นาฬิกาเรือนนี้ได้สร้างเรื่องราวแบบไม่มีวันลืม

“ตลาดสมัยก่อนเล็กมาก เรามีเงินก็ใช่ว่าจะมีของ ตอนเรามีโอกาสบินไปนิวยอร์กเลยพยายามหานาฬิกาเรือนนี้ แต่สุดท้ายมาจบที่อีเบย์” ใครจะเชื่อว่าการเฟ้นหานาฬิกามูลค่าสูงระดับนั้นจะต้องมาเสี่ยงดวงกับแพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์ที่แทบไม่มีอะไรการันตีได้เลย “ช่วงฟุตบอลยูโรเพื่อนทุกคนลุ้นบอล แต่เรากลับลุ้นผลการประมูลในอีเบย์” คุณบู้เล่าถึงความลุ้นระทึกแล้วเสริมว่า “คนขายหายไปเลย...เราเองก็กลัวว่าเราจะอยู่ไม่ถึงตอนส่งของหรืออาจโดนโกงด้วยซ้ำ แต่เขาก็ส่งของมาให้ก่อนเรากลับแค่ 2 วัน พอเปิดมาเซอร์ไพรส์มากกับความสมบูรณ์แบบ ตรงตามตำราเป๊ะ มันคือนาฬิกาที่มีเรื่องราวประทับใจที่สุดในชีวิตผม ไม่ว่าใครจะมาขอซื้อเท่าไรก็ไม่ขาย และมันจะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต”

เรื่องราวการสะสมของคุณบู้นั้นยังระคนด้วยประสบการณ์และวัฒนธรรมรอบตัว แฟชั่นมีผลอย่างมากต่อการเลือกสะสมนาฬิกาของเขา และตัวตนของเขาเองก็มีส่วนสำคัญ แม้ชุมชนผู้นิยมนาฬิกาสมัยก่อนจะเล็กมาก ทุกอย่างคือการคลุกวงใน แต่มันเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้คุณบู้สืบเสาะและให้คุณค่านาฬิกาทุกเรือนที่ครอบครอง “นาฬิกาวินเทจมีเสน่ห์ ของใหม่ไม่ใช่ผม” คุณบู้เน้นย้ำถึงเอกลักษณ์ด้านสไตล์ของตัวเอง นอกจากนาฬิกาแบรนด์ฮิตยังมีนาฬิกาแบบเฉพาะอย่าง Universal Genève ซึ่งรุ่นพิเศษ Tri-Compax ที่คุณบู้ครอบครองไว้คือรุ่นเดียวกับที่นักร้องดัง Eric Clapton เคยใส่ ในประเทศไทยอาจมีเพียง 3 เรือนเท่านั้น และคุณบู้ยืนยันว่าอาจเป็นนาฬิการุ่นที่หายากและทรงคุณค่าที่สุดเรือนหนึ่งในคอลเล็กชั่นของเขา

 

สุดท้ายคุณบู้กล่าวว่าการคลุกคลีอยู่ในโลกแฟชั่นตลอดมา ทำให้เขาเน้นความสำคัญเรื่องการลงลึกถึงรายละเอียด เช่นเดียวกับที่เขาใส่ใจค้นหาข้อมูลของนาฬิกาวินเทจอย่างจริงจัง “ผมว่านาฬิกาน่าจะเป็นด่านสุดท้ายสำหรับคนเล่นเสื้อผ้า เช่นสมมติว่าเราเริ่มจริงจังกับเสื้อผ้า เราก็อยากจะลงลึกไปหาชิ้นที่ยิ่งๆ กว่า นาฬิกาก็เช่นกัน คนรุ่นใหม่สามารถสืบค้นข้อมูลเหล่านี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นถ้าใครสนใจนาฬิกาก็ควรศึกษา และก้าวเข้าสู่โลกของมันด้วยความชอบและความรู้ที่ตั้งใจลงลึกไปกับมัน” เป็นคำพูดสุดท้ายที่คุณบู้ฝากถึงนักสะสมรุ่น ใหม่ที่กำลังจะก้าวเข้ามาในโลกแห่งการสะสมนาฬิกา