WATCHES & JEWELLERY
เปิดเรื่องราว Softwatch นาฬิกาตามภาพวาดของ Salvador Dalí ที่สาบสูญเพราะเรื่องลิขสิทธิ์EXAEQUO Softwatch โดย Phillippe Muller คือนาฬิกาสุดพิเศษราคาจับต้องได้ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจนกลายเป็นเรือนเวลาสุดไอคอนิกที่ไม่ผลิตอีกแล้วตลอดกาล |
นาฬิกา แฟชั่น และศิลปะ เป็นของที่สอดผสานควบคู่กันไปอยู่เสมอในหน้าประวัติศาสตร์ รูปแบบของเรือนบอกเวลาในแต่ละยุคสะท้อนเทรนด์ความนิยมในแต่ละยุคสมัยได้เป็นอย่างดี เฉกเช่นเดียวกับแฟชั่นที่หยิบจับเอาความงดงามของศิลปะมานำเสนอศิลปะเครื่องแต่งกายให้มีมิติน่าสนใจ ทั้งหมดทั้งมวลเองก็เป็นส่วนหนึ่งของคำว่า “ศิลปะ” ทั้งนั้น เราจึงเห็นผลงานศิลปะของศิลปินชื่อก้องโลกจำนวนไม่น้อยถูกพูดถึงหรือนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการสรรสร้างงานศิลปะแขนงอื่น วันนี้กับโลกของนาฬิกา ต้องบอกว่ามันเป็นผลผลิตของความสร้างสรรค์ที่มีส่วนเชื่อมโยงกับงานศิลปะด้วยเช่นกัน
ผลงาน Melting Watch ของ Salvador Dalí ปี 1954 / ภาพ: Salvador Dalí
EXAEQUO Softwatch คือนาฬิกาที่ชวนให้นึกถึงผลงานภาพวาด Melting Watch (1954) ของ Salvador Dalí ซึ่งเป็นผลงานที่นำเสนอความเซอร์เรียล รูปทรงของนาฬิกาละลายย้อยตามรูปทรงต่างๆ ผลงานชิ้นนี้นอกจากจะงดงามและแปลกใหม่ยังเปิดกว้างสำหรับการตีความแบบไร้ขีดจำกัด มันจึงกลายเป็นผลงานสร้างชื่อและประทับเรื่องราวของซัลวาดอร์ลงหน้าประวัติศาสตร์ศิลป์ เรือนบอกเวลาที่จำลองลักษณะความโดดเด่นขององค์ประกอบสำคัญในภาพวาดจึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม หลายคนอาจจะคิดถึง Cartier Crash แต่สำหรับคอนาฬิกาที่อิงเรื่องราวประวัติศาสตร์เรือนเวลาจากแบรนด์ที่อาจไม่ได้โด่งดังเทียบเท่าก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
The Disintegration of the Persistence of Memory ผลงานของ Salvador Dalí ช่วงปี 1952 - 1954 ที่ Philippe Muller เห็นแล้วได้รับแรงบันดาลใจในการสรรสร้างนาฬิกาอย่างเต็มเปี่ยม / ภาพ: Wikiart
แท้จริงแล้วผลงานที่ทำให้นาฬิกาละลายขึ้นชื่อลือชาเกิดขึ้นกับงานชื่อ “The Persistence of Memory” เมื่อปี 1931 และนี่คือจุดเริ่มต้นของซัลวาดอร์ที่แท้จริง ซึ่งเขาก็วาดภาพนี้ซ้ำอีกครั้งในชื่อ “The Disintegration of the Persistence of Memory” ช่วงระหว่างปี 1952 ถึงปี 1954 นับเป็นผลงานที่แสดงให้เห็นถึงงานระดับไอคอนิกที่จะติดอยู่คู่โลกแห่งศิลปะตลอดกาล และภาพที่วาดขึ้นใหม่ภายหลังนี้ก็เข้าตา Philippe Muller ผู้ก่อตั้งแบรนด์ EXAEQUO เมื่อเขาเห็นถึงผลงานนี้ในช่วงปลายยุค ‘80s เขาเลยต้องการสรรสร้างนาฬิกาที่มีรูปแบบเฉพาะตัวในสไตล์ของซัลวาดอร์ ดาลีขึ้น
WATCH
EXAEQUO Softwatch ซีรี่ส์แรกที่เห็นได้ชัดว่ายังไม่มีการประทับลายเซ็นของ Salvador Dalí บนหน้าปัด / ภาพ: Revolutionary Watch
ปี 1989 คือช่วงแห่งการพัฒนานาฬิกาละลายให้หลุดจากลักษณะภาพวาดสู่การเป็นนาฬิกาสำหรับใช้งานจริง ก่อนที่ปี 1990 แบรนด์จะเปิดตัวพร้อมกับนำเสนอนาฬิกาที่ทำให้คอศิลปะและสาวกนาฬิกาต้องตื่นเต้น ตลอดระยะเวลาหลายปีมีการผลิตนาฬิกาแบบนี้ขึ้นจำนวนหนึ่งและมีการพัฒนาปรับแต่งให้สมบูรณ์แบบขึ้นในแต่ละซีรี่ส์ เริ่มแรกยังไม่มีฟอนต์เขียนนามสกุลของซัลวาดอร์ จนกระทั่งในซีรี่ส์ต่อๆ มาบนหน้าปัดจะมีการประทับคำว่า “Dalí” ไว้บนหน้าปัดอย่างเด่นชัด เราจะเห็นว่านาฬิกาจาก EXAEQUO มีความแตกต่างกันในแต่ละรุ่น แม้จะมีลักษณะเด่นเหมือนกันแต่รายละเอียดแตกต่างกันตามปีที่ผลิตอย่างสังเกตเห็นได้
EXAEQUO Softwatch หลากหลายซีรี่ส์ที่แตกต่างด้วยรายละเอียดของหน้าปัด ตัวเรือน สาย และองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ / ภาพ: Italian Watch Spotter
ความตั้งใจของฟิลิปป์คือต้องการให้นาฬิกาเรือนนี้สะท้อนภาพนาฬิกาในผลงานของซัลวาดอร์ออกมาได้อย่างชัดเจนที่สุด ในขณะเดียวกันก็ต้องการให้เป็นนาฬิกาที่มีราคาจับต้องได้ อีกทั้งยังต้องเป็นนาฬิกาที่มีตัวเลือกให้ผู้สวมใส่ได้เลือกสรรกันอย่างอิสระ เราจะเห็นว่าตัวเรือน หน้าปัด และสายของเรือนบอกเวลาแต่ละซีรี่ส์มีความหลากหลายจนสามารถตอบโจทย์รสนิยมส่วนตัวของผู้สวมใส่ได้โดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเปลี่ยนรูปทรงเรือนให้ละลายในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม มีการเพิ่มงานเพนต์เข้ามาด้วย อีกทั้งยังมีการปรับตัวเลขเปลี่ยนจากเลขโรมันสู่เลขอารบิก นับว่าเป็นนาฬิกาที่มีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดจนเกิดความหลากหลายอย่างถึงที่สุด
EXAEQUO Softwatch ซีรี่ส์ท้ายๆ ที่มีการปรับรูปทรงให้ละลายไหลย้อยในรูปแบบที่แตกต่างจากเดิม / ภาพ: fifth wrist
หลังจากเปิดตัวมาสักพักนาฬิกาก็ค่อนข้างได้รับความนิยมพอสมควร แต่จุดสิ้นสุดก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ปี 1998 บริษัทถูกฟ้องเนื่องจากใช้ลายเซ็นของซัลวาดอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องปิดตัว ไลน์การผลิตนาฬิกาเรือนนี้จึงยุติแบบกะทันหัน ตอนนี้ไม่มีใครผลิตนาฬิการุ่นนี้อีกแล้ว ไม่มีใครสานต่อ เรือนเวลาในตลาดตอนนี้มีเพียงเรือนเก่าเก็บจากยุค ‘90s ทั้งสิ้น นาฬิกาละลายอันเป็นเอกลักษณ์นี้จึงกลายเป็นไอเท็มชิ้นหายากที่คอนาฬิกาและนักสะสมอยากครอบครอง ความต้องการของตลาดทำให้ราคาจากเดิมอยู่ที่ประมาณ 200 ยูโร พุ่งทะยานสู่หลัก 3,000 ยูโร แต่ก็ยังสามารถหานาฬิการุ่นนี้สภาพพอใช้ได้ในราคาต่ำที่กล่าวไปได้อยู่บ้าง
EXAEQUO Softwatch รุ่นพิเศษที่มีการเพนต์ใบหน้าของ Salvador Dalí บนหน้าปัด / ภาพ: Etsy
สำหรับนาฬิกาเรือนนี้ถือเป็นนาฬิกาจากแบรนด์เล็กๆ ที่ได้รับการจดจำว่าสรรสร้างงานศิลปะจากภาพวาดให้กลายเป็นเรือนเวลาที่สามารถสวมใส่จริง ตลอดระยะเวลาประมาณ 8-9 ปีแบรนด์นำเสนอความแปลกใหม่สะดุดตาจนใครหลายคนอยากครอบครอง ทว่ามันก็ต้องปิดตัวลงจากปัญหาด้านลิขสิทธิ์ สิ่งที่หลงเหลือคงเป็นตำนานเล่าขานที่กล่าวถึงช่วงเวลาที่ครั้งหนึ่งนาฬิการูปทรงเฉพาะตัวเคยปรากฏในสารบบวงการนาฬิกา และมันก็กลายเป็นไอเท็มชิ้นไอคอนิกที่มีราคาพอจับต้องได้ ไม่แน่ต่อไปนาฬิกานี้อาจเป็นสิ่งของล้ำค่าที่จะหยิบมาประมูลกันในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า และนี่คือเรื่องราวของ EXAEQUO Soft Watch
WATCH