นาฬิกาหลอมละลายที่โดดเด่นในโลกวินเทจกลับมาอีกครั้งกับ Melting Watch โฉมใหม่ล่าสุด

     นาฬิกาหลอมละลายหรือ “Melting Watch” ถือเป็นนาฬิการูปทรงแปลกประหลาดในตระกูล Shape Watch หรือ Soft Watch ที่ได้รับความสนใจจากคอนาฬิกาทั่วโลก ท่ามกลางความดุเดือดของตลาดนาฬิกาทั้งในและต่างประเทศ นาฬิกาที่มีรูปลักษณ์แตกต่างไม่เหมือนใครมีราคาดีดทะยานสูงขึ้นเรื่อยๆ จากเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทว่าหลายคนก็หันมามองนาฬิกาลักษณะคล้ายเรือนเวลาหลอมละลายและไหลไปตามเหลี่ยมมุมราวกับนาฬิกาในผลงานศิลปะของ Salvador Dalí ซึ่งเรือนเวลาดังกล่าวเป็นผลงานจากแบรนด์ EXAEQUO

     EXAEQUO Softwatch โดย Phillippe Muller คือนาฬิกาสุดพิเศษราคาจับต้องได้ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นจนกลายเป็นเรือนเวลาสุดไอคอนิก ทว่าเรื่องราวความขัดแย้งด้านลิขสิทธิ์นั้นอาจส่งผลให้นาฬิการุ่นดังกล่าวหายไปจากสารบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนาฬิกาเรือนใหม่ๆ ที่จะออกสู่ตลาด ตลอดระยะเวลานานนับทศวรรษ นักสะสมนาฬิกาเก่าก็มีเรือนเวลาหลอมละลายไว้ในครอบครองกันอยู่บ้าง ทว่าการจะหานาฬิกาเรือนนี้ฉบับสมบูรณ์แบบก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน วันนี้แบรนด์กลับมาเผยโฉมนาฬิกาหลอมละลายอีกครั้งภายใต้รหัส 316L

     นาฬิการหัส 316L ยังคงรูปลักษณ์ของนาฬิกาหลอมละลายที่หลายคนถวิลหาเช่นเดิม เพิ่มเติมคือรายละเอียดองค์ประกอบต่างๆ ที่พัฒนาไปตามยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้วัสดุอันหลากหลายทั้งสตีล เยลโลว์โกลด์ และโรสโกลด์ ทั้งนี้ยังมีหน้าปัดให้เลือกสรรกันอย่างครบถ้วนตั้งแต่สีน้ำเงิน ดำ ขาว เขียว ทอง และสีใหม่ล่าสุดอย่างสีแดงเบอร์กันดี โดยแต่ละแบบสอดรับกับวัสดุตัวเรือนรูปแบบต่างๆ ได้อย่างแตกต่างและมีเสน่ห์ในหลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดของสายหนังที่เข้ากับหน้าปัดทำให้นาฬิกาเรือนนี้สมดุลลงตัวมากยิ่งขึ้น

     ถึงแม้นาฬิกาแบรนด์ดังกล่าวจะไม่ได้ถูกคาดตราว่าเป็นเรือนเวลาซับซ้อนระดับสูงหรือนาฬิกาแบรนด์ไฮเอนด์ แต่ด้วยเสน่ห์อันเหลือล้น และรูปลักษณ์ที่ถูกใจนักสะสมก็ทำให้นาฬิกาเรือนดังกล่าวได้รับความสนใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรือนใหม่แกะกล่องหรือเรือนวินเทจที่คละคลุ้งไปด้วยความน่าค้นหา และด้วยลักษณะของนาฬิกา “Hyper-Soft” ที่จำลองการหลอมละลายไม่มีรูปทรงแบบเหลี่ยมมุมชัดเจนทำให้ขนาดหน้าปัดถูกวัดเป็น 2 แกน ทั้งแนวยาวที่มีขนาด 47 มิลลิเมตร และแนวกว้างที่มีขนาด 28 มิลลิเมตร ณ จุดกว้างสุด มิติความเซอร์เรียลที่เปี่ยมล้นกำลังถูกผลิตขึ้นอีกครั้งและการนำเสนอสีและวัสดุใหม่ก็อยู่ภายใต้คอนเซปต์ “Embrace Uniqueness” ที่บ่งบอกตัวตนของแบรนด์อย่างชัดเจนที่สุด