เผยโฉม COUTURE O'CLOCK คอลเล็กชั่นไฮไลต์ของ CHANEL ใน Watches & Wonders 2024

     ช่วงเวลาแห่งการนำเสนอเรือนเวลาอันน่าตื่นเต้นประจำปีกลับมาอีกครั้งสำหรับงาน Watches & Wonders ประจำปี 2024 ซึ่งการกลับมาครั้งนี้แบรนด์ระดับแถวหน้าของวงการแฟชั่นและผู้รังสรรค์เรือนเวลาชั้นยอดอย่าง CHANEL ก็พร้อมนำเสนอความโดดเด่นอีกครั้งในคอลเล็กชั่นแคปซูลภายใต้ชื่อ ‘COUTURE O’CLOCK’ ซึ่งถ่ายทอดมนต์เสน่ห์ของเมซงผ่านชิ้นงานอันเนี้ยบประณีตบนนาฬิกาที่สามารถเชื่อมโยงถึงเรื่องราวอันล้ำลึกผ่านมิติเชิงสัญญะได้อย่างน่าดึงดูด ผลงานรังสรรค์ทั้งเรือนเวลาประจำเมซงและนาฬิกาชั้นสูงจึงเป็นดั่งงานฝีมือชิ้นประณีตที่ผสมผสานทั้งความซับซ้อนในงานนาฬิกา จิวเวลรี และหัตถศิลป์ของเมซงเข้าไว้ด้วยกัน

     ด้วยคอนเซปต์ไอเดียดังกล่าวนำมาสู่การนำเสนอเชิงสัญญะ ไม่ว่าจะเป็น เข็มเย็บผ้า ปลอกนิ้ว กรรไกร เข็มหมุด และหลอดด้ายที่มาบรรจบกับ J12 ซึ่งเป็นผลงานไอคอนแห่งการสร้างสรรค์นาฬิกาของชาเนล ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ Arnaud Chastaingt แห่ง Watch Creation Studio ของแบรนด์ ตั้งอยู่ที่ Place Vendôme กลางกรุงปารีส พร้อมส่งต่อสู่ Watch Manufacture ณ ลา โช-เดอ-ฟงส์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อันเป็นการขมวดไอเดียสร้างสรรค์มาผนวกเข้ากับการรังสรรค์นาฬิการะดับชั้นครูจนกลายเป็นผลผลิตอันบ่งบอกถึงอัตลักษณ์แบรนด์ชาเนลอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด

     ผลงานชูโรงของชาเนลในครั้งนี้ต้องยกให้กับ ‘MUSICAL CLOCK COUTURE WORKSHOP’ เรือนเวลาได้แรงบันดาลใจมาจากอเตลิเยร์บนถนนกัมบง มารังสรรค์ท่าทางให้กับหุ่นตัดเย็บครึ่งตัวตามจังหวะเพลง “My Woman” โดย Al Bowlly สะท้อนถึงบรรยากาศการทำงานของมาดามโคโค่ที่เสพสมอภิรมย์ด้านดนตรีด้วยเพลงดังกล่าวขณะรังสรรค์ผลงานอันน่าจดจำ รายละเอียดการตกแต่งยังถอดแบบมาจากองค์ประกอบในอพาร์ตเมนต์ ไม่ว่าจะเป็น โคมระย้าทรงหยดน้ำ ฐานโซฟาบุนวม และการตกแต่งด้วยสีทอง กุญแจไขลานถูกออกแบบเป็นกุญแจบนสร้อยคอทองประดับเพชร รูปแบบการแสดงเวลาบนสายวัด ทั้งหมดผนวกเป็นชิ้นงานนาฬิกา กล่องดนตรี และการเนรมิตกลไกอัตโนมัติ อันบ่งบอกถึงขั้นกว่าแห่งความยอดเยี่ยมของทีมงานช่างฝีมือชั้นสูงจำนวนมาก อีกทั้งยังสะท้อนความซับซ้อนทางเทคนิคและสุนทรียะอย่างถึงที่สุด

     นอกจากกล่องดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวแล้ว ผลงานการรังสรรค์ของเมซงในปีนี้ยังเชื่อมประสานไปถึงนาฬิการุ่น J12 ที่มาพร้อมรายละเอียดระดับกูตูร์ตามคอนเซปต์ไอเดีย ซึ่งสำหรับ J12 นั้นมีตั้งแต่ J12 COUTURE WORKSHOP AUTOMATON CALIBER 6 WATCH ที่นำเสนอองค์ประกอบกว่า 355 ชิ้นที่ประกอบขึ้นเป็นเวิร์กช็อปของมาดามโคโค่จนมีชีวิตบนหน้าปัดเรือนเวลา J12 WHITE STAR COUTURE WATCH กับการจัดเรียงเซ็ตติ้งเพชรและเซรามิกเจียระไนทรงบาแกตต์ MADEMOISELLE J12 COUTURE WATCH กับการนำเสนอภาพไอคอนิกของผู้ก่อตั้งเมซงในอิริยาบถอันโด่งดังพร้อมรายละเอียดอุปกรณ์สำหรับการสร้างสรรค์ผลงานฝีมือในอเตลิเยร์ เช่นเดียวกับ J12 COUTURE 33MM WATCH ที่ใช้รายละเอียดของอุปกรณ์เหล่านี้มาเป็นหลักสำคัญ มาในเรือนและหน้าปัดเซรามิกสีขาว สอดประสานกับ J12 COUTURE 38MM WATCH ที่มีรายละเอียดคล้ายคลึงกันปรับเปลี่ยนขนาดและสีวัสดุเซรามิกแทน ทั้งหมดสะท้อนตัวตนและแบบฉบับรากฐานงานกูตูร์ของชาเนล

     อีกหนึ่งความน่าสนใจที่ชาเนลดึงเอารากฐานเบื้องหลังของการรังสรรค์ผลงานกูตูร์คือการนำเสนอนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมอนเข็มกับ MADEMOISELLE PRIVÉ PINCUSHION ชูโรงด้วย MADEMOISELLE PRIVE PINCUSHION CUFF COUTURE ซึ่งครั้งนี้ปรับลวดลายโมทีฟเป็นเข็มในหมอนเข็มและถูกสร้างสรรค์เป็นทั้งนาฬิกาข้อมือจำลองหมอนเข็มขนานแท้ ต่อด้วย MADEMOISELLE PRIVE PINCUSHION LONG NECKLACE COUTURE ที่ปรับเปลี่ยนหมอนเข็มสู่สร้อยคอเยลโลว์โกลด์ 18k พร้อมการประดับเซ็ตติ้งเพชร ปิดท้ายด้วย MADEMOISELLE PRIVE PINCUSHION RING COUTURE แหวนวงพิเศษที่ออกแบบด้วยคอนเซปต์เลียนล้อกันทุกองค์ประกอบ แต่ละเรือนมีจำนวนผลิตเพียง 5 เรือนเท่านั้น

     การปรับเปลี่ยนรูปแบบหรือรูปลักษณ์ก็เป็นสิ่งที่ชาเนลเชี่ยวชาญด้านการรังสรรค์นาฬิกามาโดยตลอดเช่นกัน ครั้งนี้กับ ‘COUTURE O’CLOCK’ ก็ยังสะท้อนจุดนี้อย่างชัดเจน ยกตัวอย่างเช่นนาฬิกาทรงกำไลอย่าง BOBINE CUFF ที่หยิบยกแรงบันดาลใจจากหลอดด้ายมาสรรสร้างเป็นเรือนเวลาอันหรูหรา ทำจากวัสดุเยลโลว์โกลด์ 18k สอดประสานกับเซ็ตติ้งเพชรที่ร้อยเรียงกันราวกับเส้นด้ายในหลอดด้าย มาพร้อมแซปไฟร์สีเหลืองเจียระไนแบบ emerald-cut อีกทั้งยังซ่อนกลไกหน้าปัดบอกเวลาแบบซ่อน ซึ่งนับเป็น ‘Hidden Watch’ ที่สามารถเชื่อมโยงมนต์เสน่ห์ของชิ้นงานนาฬิกาเข้ากับองค์ประกอบอันเป็นรากฐานอันยิ่งใหญ่ของชาเนลได้อย่างดิบดี ซึ่งนาฬิกาทรงกำไลยังไม่หมดเพียงเรือนเดียว เพราะยังมี CODE COCO COUTURE WATCH ที่เต็มไปด้วยลายโมทีฟรายล้อมหน้าปัดแล็กเกอร์สีดำและเพชรเจียระไนแบบ princess-cut เสริมในคอลเล็กชั่นนี้ด้วย PREMIÈRE RUBAN COUTURE WATCH กับการใช้รายละเอียดของสายวัดมาเป็นไอเดียหลัก และ PREMIÈRE CHARMS COUTURE WATCH ที่เต็มไปด้วยชาร์มประดับจากองค์ประกอบของอุปกรณ์ทุกชิ้นที่กล่าวไป

     เรื่องอุปกรณ์ก็ยังไม่หยุดเท่านี้ เพราะชาเนลสื่อสารด้วยการนำเสนอนาฬิกาสร้อยคอเพิ่มเติมอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น BUST LONG LONG NECKLACE กับรูปทรงของหุ่นจำลองครึ่งตัวสำหรับตัดเย็บ THIMBLE LONG NECKLACE COUTURE กับรูปลักษณ์ปลอกนิ้ว หรือจะเป็น SAFETY PIN LONG NECKLACE COUTURE กับเข็มกลัดที่ทุกคนคุ้นตา ทั้งหมดเป็นดั่งเรือนเวลาที่บ่งบอกถึงอุปกรณ์อันนำมาสู่ชิ้นงานอันยอดเยี่ยมของชาเนลทั้งสิ้น ซึ่งนาฬิกาสร้อยคอแต่ละเรือนนั้นมีจำนวนจำกัดเพียง 20 เรือนเท่านั้น

     ปิดท้ายด้วย BOY·FRIEND COUTURE WATCH ผลงานการรังสรรค์นาฬิกา BOY·FRIEND อันโด่งดังให้มีหน้าปัดลักษณะเหมือนชุดทวีด ไอเท็มสุดคลาสสิกประจำแบรนด์ชาเนล ซึ่งมีความพิเศษเป็นการประดับทองบนเส้นด้ายในชุดผ้าทวีด และยังมี MADEMOISELLE PRIVE BOUTON GABRIELLE WATCH ที่ภาพของโคโค่ ชาเนลถูกนำเสนอผ่านรูปทรงและการจัดเรียงองค์ประกอบทั้งสัดส่วนและสีอย่างลงตัวที่สุด โดยเฉพาะคู่สีคลาสสิกดำ-ทองยิ่งตอบโจทย์ช่วงเวลาแห่งงานกูตูร์อันเปี่ยมไปด้วยความหรูหรา แต่ก็ยังรักษารากฐานงานฝีมือเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม

     สำหรับ ‘COUTURE O’CLOCK’ จากชาเนลนั้นไม่ใช่การรวมนาฬิกายอดนิยมหรือรังสรรค์เซ็ตใดเซ็ตหนึ่งให้ล้ำน้ำหน้าหรือบอกเล่าเรื่องราวคนละรูปแบบ แต่แบรนด์เลือกนำเสนอเชื่อมโยงร้อยเรียงผลงานนาฬิกาสอดประสานเข้ากับไอเดีย รากฐานของการพัฒนา และเรื่องราวในประวัติศาสตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม นี่คือคอลเล็กชั่นเรือนเวลาที่สามารถสะท้อนอัตลักษณ์และย้อนถึงรากฐานความสำคัญของการพัฒนาแบรนด์ชาเนลตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันและต่อยอดไปถึงอนาคต นี่คือความสำเร็จอีกหนึ่งขั้นในการหยิบจับจุดเด่นของแบรนด์แฟชั่นระดับแถวหน้าของโลกมาแปลงโฉมสู่ภาพลักษณ์ที่เข้าถึงและดึงดูดคนจากหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้หลงใหลแฟชั่น ผู้คลั่งไคล้นาฬิกา ผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ หรือแม้แต่ผู้เสพงานศิลป์ นี่ไม่ใช่แค่การรวมเรื่องราวของชาเนลเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการหลอมรวมทุกคนเข้าหาแนวทางเดียวกันโดยมีนาฬิกาชั้นยอดเป็นเครื่องมือสำคัญอันผูกโยงกับเรื่องราวแบบฉบับกูตูร์