Vogue Thailand

WATCHES & JEWELLERY

'Audemars Piguet' พาข้ามห้วงเวลาสู่การกลับมาของเรือนเวลาสุดหรูในตระกูล Code 11.59 สะดุดตากว่าที่เคย!

Audemars Piguet เผยเรือนเวลาสุดหรูจาก Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding ที่แฝงด้วยดีไซน์ล้ำสมัยและปรับขนาดของหน้าปัดขึ้นใหม่ไซต์ 38 มิลลิเมตร ทว่าคงความคลาสสิกเอาไว้เช่นเคย

โดย Kmolporn Luangsrirat
12 ธันวาคม 2566

ในปัจจุบัน เรือนเวลาถือเป็นแอ็กเซสเซอรี่ที่ต้องมีอีกหนึ่งชิ้น เพื่อประดับไว้บนข้อมือของผู้คนในยุคนี้ นอกจากความสวยงามทั้งศาสตร์ของการบ่งบอกเวลาและการดีไซน์แล้ว ฟังก์ชั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่จะชี้ชัดถึงความเป็นตัวตน และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคลได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถเติมความสนุกสนานไปกับการแมตช์เข้ากับลุคประจำวัน เพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับวันธรรมดาที่สมบูรณ์แบบ

 

ซึ่งในปีนี้ โอเดอมาร์ ปิเกต์ จะพาทุกคนก้าวสู่ห้วงกาลเวลาไร้ขีดจำกัดด้วยการนำกลไกคลาสสิกกลับมาฝังในเรือนเวลายูนิเซ็กซ์ทั้ง 3 รุ่น อย่าง Selfwinding, Starwheel และ Chronograph ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้เผยโฉมความโมเดิร์นทันสมัย รังสรรค์เรือนเวลาขึ้นจากความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ของช่างฝีมือชั้นเยี่ยมอย่างละเมียดละไม ทว่าสะท้อนจิตวิญญาณของแบรนด์เอาไว้ได้อย่างพอเหมาะ นอกจากนี้ยังถูกหยิบยกความหลากหลายที่แฝงด้วยรายละเอียดอันซับซ้อนในโทนสีที่มีเสน่ห์เฉพาะแห่งศิลป์ มาพร้อมดีไซน์ยอดเยี่ยมสวมใส่ได้ในรูปแบบยูนิเซ็กซ์ และสอดรับข้อมือได้อย่างสมบูรณ์แบบ ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่นักสะสมเรือนเวลาจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน

 

 

เริ่มต้นเรือนเวลาเรือนแรกในคอลเล็กชั่นนี้อย่าง Code 11.59 by Audemars Piguet Selfwinding มาพร้อมกลไกอัตโนมัติรุ่นล่าสุดของคาลิเบอร์ 5900 ซึ่งโอเดอมาร์ ปิเกต์ ได้เปิดตัวครั้งแรกในปี 2022 ซึ่งดีไซน์ตัวเรือนทองคำชมพู 18 กะรัต โดดเด่นด้วยลวดลายกิโยเช่อันสง่างามและสลักชื่อ Audemars Piguet ไว้บนตำแหน่ง 12 นาฬิกา ลงบนหน้าปัดสีงาช้างและหน้าปัดสีม่วง พร้อมเติมเต็มความสมบูรณ์แบบให้กับคอลเลกชันนี้ด้วยการปรับขนาดของหน้าปัดขึ้นใหม่เป็น 38 มิลลิเมตร ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้สวมมั่นใจและสอดรับกับข้อมือมากยิ่งขึ้น เข็มเรือนเวลาเรียวมนและขัดเงาแบบใหม่เคลือบสารเรืองแสงเพื่อให้การอ่านเวลาที่เด่นชัดแม้อยู่ในที่มืด และเติมลูกเล่นน่าสนใจมอบความสดใสและสุขุมยิ่งขึ้นด้วยโทนสีบรรจงลงบนสายหนังจระเข้ลายสี่เหลี่ยมกว้างสีงาช้างและสีม่วงมุก ปิดท้ายตัวล็อกทองคำชมพู 18 กะรัต มอบความเรียบหรูอันเข้มข้นและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน และก่อนหน้านี้ยังมีเรือนเวลาขนาดหน้าปัด 41 และ 42 มิลลิเมตรเช่นเดียวกัน ด้วยดีไซน์ตัวเรือนสเตนเลสสตีลคริสตัลแซฟไฟร์กันแสงสะท้อนสองชั้น หน้าปัดสีเขียวและสีน้ำเงินขนาด 41 มิลลิเมตร มาพร้อมสายเคลือบยางสีเขียวและยางสีน้ำเงิน ตัวล็อกแบบหมุดสแตนเลส ตอบโจทย์สำหรับบุคคลที่ชื่นชอบความเรียบง่ายแต่ยังคงความคลาสสิกของแบรนด์เอาไว้อย่างดี 

 

 

ถัดมาที่รุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Starwheel การกลับมาของหน้าปัดกลไก Starwheel ขนบโครงสร้างและรายละเอียดของตัวเรือนเวลาให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยรูปทรงเรขาคณิตทับซ้อน มาพร้อมหน้าปัดอเวนจูรีน (Aventurine) สีน้ำเงินเป็นฉากหลังสะท้อนแสงระยิบระยับให้กับดิสก์วงกลมสามแผ่น เสมือนล้อมรอบด้วยเหล่าดาวเคราะห์ในจักรวาลบนหน้าปัดขนาด 41 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยฝาหลังแซฟไฟร์กันแสงสะท้อน มาพร้อมเม็ดมะยมเซรามิกสีดำและสายนาฬิกาเคลือบยางสีดำ ผสานกลไกอัตโนมัติของคาลิเบอร์ 4310 ที่เข้ามามีบทบาทกับฟังก์ชั่นจับเวลาชั่วโมง นาที และวินาที พร้อมสำรองพลังงานขั้นต่ำได้ 70 ชั่วโมงและกันน้ำได้ถึง 30 เมตร ทั้งหมดทั้งมวลถูกพัฒนากลไกให้ดียิ่งขึ้น สะท้อนถึงความล้ำค่าของการเดินทางอันยาวนานของแบรนด์ที่ยังคงเอกลักษณ์ไว้คงเดิม

 

ปิดท้ายคอลเล็กชั่นนี้ด้วยรุ่น Code 11.59 by Audemars Piguet Chronograph เรือนเวลากลไกอัตโนมัติอย่าง คาลิเบอร์ 4401 โดดเด่นด้วยหน้าปัดย่อยที่บอกเวลาและจับเวลาได้อย่างแม่นยำ มาพร้อมความสง่าของตัวเรือนทูโทนและยังใช้โทนสีเดียวกันกับขอบตัวเรือนด้านใน ผสมผสานกันระหว่างสเตนเลสสตีลที่ถูกเลือกใช้เป็นครั้งแรกเข้ากับเซรามิกสีดำหน้าปัดสโมกเบจ ขนาด 41 มิลลิเมตร พร้อมเม็ดมะยมเซรามิกสีดำ สายนาฬิกาและยางสีเบจเชื่อมเข้ากับขาของตัวเรือน นอกจากนี้ยังมีเฉดสีของสายรัดข้อมือให้เลือกสรรถึง ถึง 2 โทน ไม่ว่าจะเป็น ตัวเรือนสตีล หน้าปัดน้ำเงิน สายน้ำเงิน และตัวเรือนสตีล หน้าปัดสีเขียว สายสีเขียว ที่จะมาช่วยเติมความสนุกสนานการแมตช์ลุคในชีวิตประจำวันให้ข้อมือดูเรียบหรูมากยิ่งขึ้น