เปิดโลกความรู้แห่งอัญมณีกับ L’ÉCOLE โรงเรียนศิลปะการสร้างสรรค์จิวเวลรีจาก Van Cleef & Arpels

     เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ Van Cleef & Arpels ได้นำผลงานจิวเวลรีชั้นสูงคอลเล็กชั่น Legend of Diamonds องก์ที่สองอย่าง White Diamond Variations มาเผยโฉมที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก เป็นการนำเพชรสีขาวระดับ D ความใสประเภท 2A มาสร้างสรรค์เป็นผลงานจิวเวลรีชั้นสูงบนตัวเรือนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์จิวเวลรียอดนิยมในแต่ละยุคตั้งแต่ช่วงปี 1920 ถึง 1960 ซึ่งแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ยังนำผลงานสร้อยคอจิวเวลรีชั้นสูงจากองก์แรก 25 Mystery Setting Jewels รวมถึงผลงานชิ้นอาร์ไคฟ์จากคลังสะสมมาให้สาวกจิวเวลรีได้สัมผัสความประณีตของงานฝีมือที่หาดูได้ยาก เพราะเป็นวิธีการรังสรรค์จิวเวลรีของช่างชาวฝรั่งเศสที่เรียนรู้วิชาที่ส่งทอดความรู้และเทคนิคกันมานานกว่าร้อยปี โดยมีช่างฝีมือเพียงไม่กี่คนที่มีความสามารถในการเจียระไนและวางเซ็ตติ้งแบบจิวเวลรีชั้นสูงได้อย่างชำนาญ

1 / 2

2 / 2

     ด้วยเหตุนี้แวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์จึงทำการสนับสนุนและร่วมก่อตั้งโรงเรียนศิลปะการสร้างสรรค์จิวเวลรีชั้นนำอย่าง L’ÉCOLE มาเป็นระยะเวลานานกว่า 10 ปี เป็นโรงเรียนที่นำเสนอคอร์สการเรียนรู้เกี่ยวกับศาสตร์จิวเวลรีแบบรอบด้านอย่างเข้มข้นภายในเวลา 2-4 ชั่วโมงต่อคลาส ไม่ว่าจะเป็นคอร์สประวัติศาสตร์อัญมณีและการสร้างสรรค์จิวเวลรี คอร์สเจาะลึกเกี่ยวกับคุณลักษณะของอัญมณีแต่ละประเภท หรือแม้แต่คอร์สสำหรับเยาวชนผู้เริ่มมีความสนใจในความน่าทึ่งของโลกจิวเวลรี เพื่อเป็นการส่งเสริมความรู้ให้กับผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับผลงานจิวเวลรี และยังเป็นการสืบสานศาสตร์อัญมณีให้แพร่หลายต่อไป ซึ่งโว้กประเทศไทยได้มีโอกาสนั่งคุยกับ Élise Gonnet-Bon กรรมการผู้จัดการโรงเรียน L’ÉCOLE Asia Pacific School of Jewelry Arts เกี่ยวกับความสำคัญของศาสตร์การสร้างสรรค์จิวเวลรีที่ต้องสืบสานเพื่อให้คงอยู่ และทิปส์ความรู้ในการเลือกจิวเวลรี รวมถึงการแนะนำแนวทางสำหรับคนที่อยากเริ่มก้าวเข้ามาเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอัญมณีและการรังสรรค์จิวเวลรีแบบดั้งเดิม

Élise Gonnet-Bon กรรมการผู้จัดการโรงเรียน L’ÉCOLE Asia Pacific School of Jewelry Arts (Photography by Jacky Ho)

     Élise Gonnet- Bon มีความคุ้นเคยและความรักให้กับประเทศไทยเป็นพิเศษ เธอได้เล่าประสบการณ์การเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะบินไปฝึกงานที่ประเทศญี่ปุ่น และมาทำงานร่วมกับแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปลส์ในฐานะกรรมการผู้จัดการให้กับแบรนด์ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลียเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งเธอได้ช่วยพัฒนาแผนกสร้างสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงและเรียนรู้ศาสตร์อัญมณีอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้เธอได้ก้าวขึ้นมาเป็นกรรมการผู้จัดการของ L’ÉCOLE Pacific School of Jewelry Arts อย่างเต็มตัวในปัจจุบัน ซึ่งเธอเผยว่าประเทศไทยนั้นเต็มไปด้วยวัฒนธรรมและความรักในจิวเวลรีของผู้เชี่ยวชาญในด้านอัญมณีและการเจียระไน และยังมีพิพิธภัณฑ์จิวเวลรีที่น่าสนใจอีกด้วย ดังนั้นการมาเยือนประเทศไทยจึงเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับเธอ

L’ÉCOLE โรงเรียนศิลปะการสร้างสรรค์จิวเวลรีที่ก่อตั้งและได้รับการสนับสนุนโดย Van Cleef & Arpels

     เอลิสกล่าวถึงความสำคัญของศาสตร์การสร้างสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการรังสรรค์ผลงานคอลเล็กชั่นล่าสุดว่า “เรามีเป้าหมายที่อยากจะถ่ายทอดความสัมพันธ์ทางความรู้สึกและความน่าทึ่งในการรังสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงที่เป็นงานศิลปะอันเลอค่าโดยการนำเสนอประสบการณ์อันงดงามให้คนสามารถเข้าถึงจิวเวลรีและตกหลุมรักศาสตร์นี้ ซึ่งแวน คลีฟ แอนด์ อาร์เปสล์ได้ทำหน้าที่นี้อย่างยอดเยี่ยมมาเป็นเวลานานกว่า 110 ปี คอลเล็กชั่นล่าสุดที่นำมาให้คนไทยได้ยลโฉมอย่าง Legend of Diamonds เกิดขึ้นมาได้เพราะการส่งต่อวิชาความรู้และความรักในการรังสรรค์จิวเวลรีชั้นสูงจากรุ่นสู่รุ่น และด้วยผลลัพธ์อันน่าประทับใจเราจึงอยากแชร์ให้คนทั่วโลกได้สัมผัสและหวังว่าจะค้นพบความชื่นชอบในอัญมณี รวมถึงการสร้างสรรค์ในทุกขั้นตอนที่ต้องอาศัยเวลาและความประณีต” เธอยังกล่าวว่าถึงแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าไปไกลและนำมาใช้ในการศึกษาอัญมณีอย่างถี่ถ้วนก่อนจะลงมือเจียระไนหรือสร้างตัวเรือนอันซับซ้อน แต่วิชาและฝืมือการรังสรรค์จิวเวลรียังล้วนเป็นงานหัตถศิลป์ทั้งหมดที่ต้องสั่งสมความรู้และความเชี่ยวชาญอย่างเข้มข้นมาเป็นเวลานาน ดังนั้นการสืบสานศาสตร์นี้จึงเป็นเรื่องสำคัญ

ภาพจาก L’ÉCOLE โรงเรียนศิลปะการสร้างสรรค์จิวเวลรีที่ก่อตั้งและได้รับการสนับสนุนโดย Van Cleef & Arpels

     สำหรับคนที่มีความรักในศาสตร์การสร้างสรรค์จิวเวลรีและอัญมณี L’ÉCOLE เป็นอีกโลกที่พร้อมเปิดประตูให้มาร่วมเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวิธีการสร้างสรรค์จิวเวลรีในทุกขั้นตอน ในปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, ประเทศฮ่องกง และล่าสุดเมืองเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน พร้อมนำเสนอบทเรียนกว่า 32 คอร์ส ซึ่งแต่ละคอร์สนั้นใช้เวลาเพียง 2-4 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกในเรื่องเวลาของสาวกจิวเวลรีที่อยากเริ่มประสบการณ์ก้าวแรก นอกจากนี้ L’ÉCOLE ยังนำเสนอคอร์สการเรียนรู้ในรูปแบบสัมมนาออนไลน์โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายที่จะมีจัดขึ้นอย่างน้อยเดือนละครั้ง รวมถึงมีการตีพิมพ์สื่อการเรียนรู้ในรูปแบบหนังสือปีละหลายเล่มร่วมกับการจัดนิทรรศการจัดแสดงจิวเวลรีหลายเมืองทั่วโลก ถือเป็นการจัดส่งความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับอัญมณีให้กับสาวกจิวเวลรีถึงบ้านอย่างสะดวก

ภาพสเกตช์และการเจียระไนตัวเรือนของผลงานจิวเวลรีชั้นสูงจากคอลเล็กชั่น Legend of Diamonds จาก Van Cleef & Arpels

การวางเซ็ตติ้งและการเจียระไนตัวเรือนผลงานจิวเวลรีชั้นสูงจากคอลเล็กชั่น Legend of Diamonds จาก Van Cleef & Arpels

     เอลิสยังนำทิปส์การเลือกจิวเวลรีมาฝากชาวโว้กประเทศไทย “จิวเวลรีนั้นเกี่ยวกับความสวยงามและความรู้สึกเฉพาะตัว ทั้งรูปทรง สีสันของทั้งตัวเรือนและอัญมณี ถ้าคุณมีความรู้เกี่ยวกับอัญมณีและเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานอย่างแท้จริง มันจะช่วยให้คุณเข้าใจและซาบซึ้งในผลงานจิวเวลรีมากขึ้น คุณต้องดูจิวเวลรีทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงการถามสเปกของอัญมณีที่มีใบรับรอง อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือคอนเน็กชั่นและอัตลักษณ์ของจิวเวลรีที่เข้ากับจิตวิญญาณของคุณ และคุณต้องได้ลองและสัมผัสถึงพลังงานของมัน ผลงานทุกชิ้นจะมอบความรู้สึกที่แตกต่างกันให้กับผู้สวมแต่ละคน ซึ่งเรื่องราวแรงบันดาลใจและเบื้องหลังการสร้างสรรค์ด้วยเทคนิคต่างๆ นั้นจะช่วยในการเลือกสรรเช่นกัน สุดท้ายแล้วจิวเวลรีคือหนึ่งในผลงานศิลปะชั้นสูงอันเลอค่าที่คุณสามารถนำมาสวมได้”

     ผลงานจิวเวลรีชั้นสูงอาจจะแลดูเป็นแค่ไอเท็มหรูหราที่โดดเด่นด้วยอัญมณีหายากที่มีราคาแพง แท้จริงแล้วอัญมณีชั้นสูงนั้นเกิดจากการร่วมมือกันของดีไซเนอร์ ช่างทำตัวเรือนทองคำหรือวัสดุอื่นๆ ช่างเจียระไนเพชร และช่างขัดเกลา รวมแล้วมากกว่า 10 คน กับขั้นตอนจำนวนนับไม่ถ้วน และฝีมือของช่างผู้สร้างสรรค์ผลงานระดับโลกเหล่านี้จำเป็นที่ต้องถูกส่งต่อเพื่อให้คนรุ่นหลังยังได้เรียนรู้และสัมผัสความอลังการของผลงานจิวเวลรีชั้นสูงที่มากกว่าแค่ความงามและความหรูหรา ทว่าคือเรื่องราวและความเชื่อมโยงทางจิตวิญญาณอันลึกซึ้ง